สำนักข่าวรอยเตอร์ตีพิมพ์เรื่อง "อยู่เวร + ทำโอ (OT = ทำงานล่วงเวลา)
การศึกษาใหม่ ทำในกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงวัยกลางคนที่ทำงานกะดึก หรือเวรดึก (night shifts)
ศึกษาผลกระทบต่อความสามารถในการคิด (thinking skills)
.
ผลการศึกษาพบว่า การทำงานกะดึก หรือเวรดึก ไม่เพิ่มเสี่ยงสมองเสื่อมในระยะยาว (no long-term impairment) ทั้งด้านความจำ และความสามารถในการคิด-ตัดสินใจ
การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า การทำงานเป็นกะ (work shifts) หรืออยู่เวร ทำให้นาฬิกาธรรมชาติ (circadian rhythms) ที่บอกเวลากลางวัน-กลางคืนตีรวน
การศึกษาใหม่ ทำโดยการวิเคราะห์ข้อมูลจากการศึกษาสุขภาพพยาบาล (Nurses' Health Study)
รวมกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงที่ทำงานกะดึก หรือเวรดึกในช่วงอายุ 58-68 ปี มากกว่า 16,000 คน ซึ่งทำติดต่อกันมาหลายสิบปี เริ่มตั้งแต่ปี 1976/2519
.
กลุ่มตัวอย่างทำงานทั้่งกะเช้า (regular day shifts), กะบ่าย (evening shifts), แถมยังอยู่เวรดึก (night shifts) อย่างน้อย 3 เวร/เดือน
ทำการทดสอบสมรรถภาพสมอง ทั้งด้านความคิดอ่าน และความจำในกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป
กลุ่มตัวอย่าง "สว. (สูงวัย)" = 70up = 70 ปีขึ้นไป
.
การศึกษานี้พบว่า พยาบาลผู้หญิงที่อยู่เวรดึกหลายๆ ปี มีระดับการศึกษาต่ำกว่า
เช่น จบอนุปริญญา ฯลฯ มากกว่าพยาบาลที่ "ลอยเช้า" หรือไม่อยู่เวร (เช่น จบปริญญาตรีขึ้นไป ฯลฯ)
พยาบาลผู้หญิงที่อยู่เวรดึกมีน้ำหนักตัวเฉลี่ยมากกว่าคนที่ไม่อยู่เวร ซึ่งอาจเป็นผลจากการอดนอน ทำให้หิวอาหารกลุ่ม "หวาน-มัน-เค็ม" มากกว่าคนที่ไม่อดนอน
.
การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า การอยู่เวร หรือทำงานเป็นกะ (shift work) เพิ่มเสี่ยงโรคเรื้อรัง เช่น
.
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า คนที่ทำงานเป็นกะ หรือเข้าเวรบ่าย-ดึก ควรระวังการขับขี่ และการใช้เครื่องจักรกลต่างๆ มากเป็นพิเศษ
เนื่องจากภาวะอดนอนเพิ่มเสี่ยงอุบัติเหตุ และเสี่ยง "หลับใน" มากขึ้น
.
ท่านที่อยู่เวร หรือทำงานเป็นกะ ควรใส่ใจสุขภาพดังนี้
(1). เตรียมอาหารสุขภาพก่อนไปทำงาน หรือเข้าเวร-เข้ากะ
เน้นลด "หวาน-มัน-เค็ม", หลีกเลี่ยงอาหารทอด-ฟาสต์ฟูด-อาหารซื้อ
เปลี่ยนข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง, เปลี่ยนขนมปังขาวเป็นโฮลวีท (เติมรำ หรือเมล็ดพืชจนเป็นขนมปังสีน้ำตาล)
อาหารกลุ่มสลัด ต้ม นึ่ง แกงน่าจะดีที่สุด, อาหารผัดดีรองลงไป
อาหารทอด-ปิ้ง-ย่าง-เนื้อสำเร็จรูป เช่น ไส้กรอก หมูหยอง หมูแผ่น หมูยอ ฯลฯ แย่ที่สุด
.
(2). นอนชดเชยให้พอ
เน้นเข้านอนให้เร็วขึ้น ตื่นตรงเวลา ก่อนและหลังวันเข้าเวร
(3). สวมหมวกกันน็อค หรือคาดเข็มขัดนิรภัยตอนขับรถทุกครั้ง
(4). เมาไม่ขับ + ง่วงไม่ขับ
.
(5). ไม่สูบบุหรี่ + ไม่หายใจเอาควันบุหรี่ที่คนอื่่นสูบเข้าไป
และอย่าลืม... ไม่เผาขยะ-ใบไม้, ไม่จุดธูปในที่อับอากาศ ไม่ใช้ฟืนในบ้าน
(6). ไม่ดื่มหนัก
(7). ไม่ไปงานเลี้ยงบ่อย
ยิ่งไปงานเลี้ยง อบรม สังสันทน์ หรือแม้แต่งานอื่นๆ เช่น งานศพ ฯลฯ บ่อย, ยิ่งเสี่ยงอ้วน
.
พยาบาลในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่เกิดในยุคเบบี้บูม (1946-1964/2489-2507) = 50up = 50 ปีขึ้นไป กำลังทยอยกันเกษียณอย่างรวดเร็ว
ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ประเทศที่ผลิตพยาบาลได้มาก โดยเฉพาะฟิลิปปินส์ มีความได้เปรียบประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะการเข้าไปทำงานในทุกประเทศที่ขาดพยาบาล
กราบเรียน เรียนเสนอรัฐบาล โปรดรีบเพิ่มการผลิตพยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยดูแลคนสูงอายุ-คนไข้-เด็ก หมอฟัน นักบัญชี นักบิน หมอ และสาขาที่จบมาแล้วมีงานทำ เพื่อเป็นขวัญ เป็นกำลังใจ เป็นโอกาสให้เด็กไทย
รัฐบาลไหนทำได้ (เพิ่มการผลิตสาขาที่จบมาแล้วมีงานทำ)... รัฐบาลนั้นจะมีโอกาสชนะการเลือกตั้งสูง
.
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
.
ขอขอบพระคุณสำนักข่าวรอยเตอร์ / Thank Reuters & source by Reuters > SOURCE: American Journal of Epidemiology, online September 27, 2013.
ไม่มีความเห็น