แนวคำตอบข้อสอบอัตนัยรุ่นที่ 30 คำฟ้องแพ่ง


ข้อ 1.โจทก์เป็นผู้เยาว์มีอายุ 12 ปี เป็นบุตรของนางหนึ่ง มกรา และนายสอง กุมภา ซึ่งอยู่กินด้วยกันฉันท์สามีภรรยาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส นางหนึ่ง มกรา มารดาจึงเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองและเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้ตามกฎหมาย รายละเอียดปรากฏตามสำเนาสูติบัตรเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 1

จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ประกอบกิจการสวนสนุก โดยมีจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนจำเลยที่ 1 รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรอง ของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 2

จำเลยที่ 4 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ประกอบกิจการรับประกันภัย รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรอง ของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 3

ข้อ 2.จำเลยที่ 1 ประกอบกิจการสวนสนุกใช้ชื่อทางการค้าว่า โลกของเด็ก โดยมีเครื่องเล่นต่างๆให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปโดยเก็บค่าตอบแทน ตั้งอยู่ที่ แขวงบางแขน เขตบางแขน กรุงเทพมหานคร ในสวนสนุกของจำเลยที่ 1 มีเครื่องเล่นรางลื่นสำหรับให้ผู้เล่นนั่งบนรางลื่นซึ่งอยู่สูงจากพื้น 5 เมตร ลื่นตัวตามรางมาในสระว่ายน้ำจำเลยที่ 1 3 จึงมีหน้าที่ต้องร่วมกันดูแลรักษาเครื่องเล่นรางลื่น โดยทำการซ่อมบำรุงเครื่องเล่นรางลื่นตามตารางการตรวจซ่อมของบริษัทผู้ผลิต เพื่อให้เครื่องเล่นรางลื่นอยู่ในสภาพดีและปลอดภัยต่อผู้ใช้บริการ แต่จำเลยที่ 1 3 ด้วยความประมาทเลินเล่อกลับไม่ทำหน้าที่ซ่อมบำรุงเครื่องเล่นรางลื่นตามตารางการตรวจซ่อมของบริษัทผู้ผลิต ทั้งๆที่จำเลยที่ 1-3 ทราบดีว่าเครื่องเล่นรางลื่นนั้นมีอายุการใช้งานมานานถึง 17 ปีแล้ว แต่จำเลยที่ 1 3 กลับส่งให้พนักงานบริษัททาสีเพื่อให้ผู้เข้าไปใช้บริการเห็นว่าสภาพภายนอกยังดีอยู่เท่านั้น และจำเลยที่ 1 3 ยังได้ขายบัตรให้คนทั่วไปเข้าไปใช้บริการเครื่องเล่นรางลื่นนั้น จนเป็นเหตุให้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2550 ขณะที่มีผู้เข้าไปใช้บริการเครื่องเล่นรางลื่นของจำเลยที่ 1 อยู่นั้น รอยต่อของรางลื่นตรงจุดที่อยู่สูงจากพื้นประมาณ 3 เมตร ได้แยกหลุดออกจากกัน ทำให้โจทก์ซึ่งได้ซื้อบัตรเข้าเล่นเครื่องเล่นรางลื่นของจำเลยที่ 1 ด้วย และนั่งอยู่บนรางลื่นในส่วนที่อยู่สูงกว่ารอยแยกของรางลื่นในขณะนั้นตกจากรางลื่นลงมากระแทกพื้น ได้รับบาดเจ็บกระดูกต้นขาและข้อเท้าทั้งขาขวาและขาซ้ายหัก ศีรษะแตก สมองได้รับการกระทบกระเทือน ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 5 เดือน โดยโจทก์ยังไม่สามารถเดินได้และสมองยังไม่คืนสู่สภาพปกติ และยังต้องกลับไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือนๆ ละสองครั้งเป็นเวลาอีก 6 เดือน จึงจะสามารถเดินได้ปกติและสมองกลับคืนสู่สภาพปกติ ทำให้โจทก์ต้องขาดการเรียนไป 1 ปี

ข้อ 3.การกระทำของจำเลยที่ 1 3 ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 1 3 จึงต้องร่วมกันและ/หรือแทนกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ดังนี้

3.1 ค่ารักษาพยาบาลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2550 เป็นเงิน 300,000 บาท รายละเอียดปรากฏตามใบเสร็จรับเงินของโรงพยาบาล

เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 4

3.2ค่ารักษาพยาบาลในอนาคตอีก 6 เดือนๆ ละสองครั้งๆ ละ50,000นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2550 เป็นต้นไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2550 รวมเป็นเงิน 600,000บาท รายละเอียดปรากฏตามรายงานแพทย์และประมาณการค่ารักษาของโรงพยาบาลเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 5

3.3 โจทก์ต้องได้รับการทนทุกข์ทรมานจากการต้องนอนรักษาตัวจากการบาดเจ็บครั้งนี้ ด้วยอาการทุกข์เวทนาในโรงพยาบาลเป็นเวลา 5 เดือน และต้องรักษาตัวต่อเนื่องที่บ้านอีกเป็นเวลา 6 เดือน โดยไม่สามารถเดินได้ปกติและสมองไม่อยู่ในสภาพปกติ ถึงขนาดต้องขาดการเรียนไป 1 ปี โจทก์ขอคิดค่าเสียหายที่ไม่ใช่ตัวเงินส่วนนี้เป็นเงิน 100,000 บาท

จำเลยที่ 4 เป็นผู้รับประกันภัยคุ้มครองอุบัติเหตุการบาดเจ็บและเสียชีวิตของบุคคลผู้ใช้บริการเครื่องเล่นทุกชนิดในสวนสนุกโลกของเด็ก ของจำเลยที่ 1 ตามกรมธรรม์ประกันภัยเลขที่ เอบี 100001 มีวงเงินคุ้มครองอุบัติเหตุจากเครื่องเล่นของจำเลยที่ 1 เป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท ต่อครั้งต่อคน ดังนั้น จำเลยที่ 4 จึงต้องร่วมรับผิดตามข้อ 3.1 3.3 กับจำเลยที่ 1 3 ต่อโจทก์ด้วย

รวมค่าสินไหมทดแทนซึ่งจำเลยทั้งสี่จะต้องร่วมกันและ/หรือแทนกันชดใช้ให้แก่โจทก์เป็นเงินทั้งสิ้น 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 คิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 35,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,035,000 บาท และดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันของต้นเงิน 1,000,000 บาท นับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจำเลยทั้งสี่จะร่วมกันและ/หรือแทนกันชำระให้แก่โจทก์ครบถ้วน

ข้อ 4.ก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้มอบอำนาจให้ทนายความมีหนังสือทวงถามให้จำเลยทั้งสี่ชำระค่าสินไหมทดแทนส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ และจำเลยทั้งสี่ได้รับแล้วแต่เพิกเฉย รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือทวงถามและใบตอบรับของบริษัท ไปรษณีย์ จำกัดเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 7 14

โจทก์ไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคับจำเลยทั้งสี่ได้ด้วยดี จึงต้องนำคดีมาฟ้องต่อศาล เพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่งบังคับจำเลยทั้งสี่ต่อไป

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

คำขอท้ายฟ้อง

ข้อ 1. ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันและ/หรือแทนกันชำระเงินจำนวน 1, 035,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของยอดเงิน 1,000,000 บาท นับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจำเลยทั้งสี่จะร่วมกันและ/หรือแทนกันชำระเงินให้แก่ครบถ้วน

ข้อ 2. ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันและ/หรือแทนกันชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์

หมายเลขบันทึก: 549540เขียนเมื่อ 29 กันยายน 2013 10:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน 2013 11:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท