30/18. เพื่อพบและถูกช่วยบุคคลที่ถูกกักขังโดยไม่ชอบ ไม่ใช่เหตุยกเว้นให้ค้นในที่รโหฐานได้โดยไม่ต้องมีหมายค้น แต่เมื่อมีเสียงร้องให้ช่วยมาจากในที่รโหฐาน , ความผิดซึ่งหน้ากระทำในที่รโหฐาน และ เมื่อบุคคลที่ได้กระทำความผิดซึ่งหน้าขณะถูกไล่จับหนีเข้าไปในที่รโหฐาน ให้ค้นในที่รโหฐานได้โดยไม่ต้องมีหมายค้น
30/19. ในคดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี แต่ให้รอการลงโทษไว้ หากศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นไม่รอการลงโทษ คู่ความฝ่าย จำเลย จะมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
31/11. ระยะเวลาที่ศาลจะสามารถรอการลงโทษหรือรอการกำหนดโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญาได้คือ ไม่เกิน 4 ปี
31/12. คดีอาญาเรื่องหนึ่ง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานวิ่งราวทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 วรรคแรก จำคุก 2 ปี จำเลยอุทธรณ์ว่าไม่ได้กระทำความผิด ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 จำคุก 1 ปี ดังนี้ โจทก์และจำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
31/19. พนักงานอัยการเป็นโจทก์ที่ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดนนทบุรีเนื่องจากจำเลยมีที่อยู่ที่จังหวัดนนทบุรี หากต่อมาปรากฏว่าการพิจารณาคดีจะสะดวกยิ่งขึ้นหากโอนคดีนี้ไปยังศาลจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นศาลที่ความผิดเกิดขึ้น คู่ความฝ่ายโจทก์และจำเลย มีสิทธิขอให้โอนคดีได้
33/9. คดีที่ศาลฎีกาได้พิจารณาพิพากษา หรือ มีคำสั่งแล้วคู่ความไม่มีสิทธิที่จะทูลเกล้าฯถวายฎีกาคัดค้านคดีนั้นต่อไป
33/10. ในคดีอาญาเรื่องหนึ่ง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย ในความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 จำคุก 2 ปี โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 จำคุก 1 ปี ดังนี้ คู่ความฝ่ายใดมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้บ้าง
คำตอบ ห้ามทั้งโจทก์และจำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
34/2. กรณีดังต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง
1. วันที่ศาลออกเดินเผชิญสืบสถานที่ แม้เป็นวันสืบพยานนัดแรกของจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำพยานเข้าสืบก่อน วันดังกล่าวมิใช่วันสืบพยาน
2. ในคดีอาญาผู้พิพากษามอบให้จ่าศาลหรือผู้อำนวยการศาลออกเดินเผชิญสืบแทนได้
3. การขอให้ศาลออกเดินเผชิญสืบสถานที่ไม่ต้องระบุไว้ในบัญชีระบุพยาน
34/6. หลักเกณฑ์ในการคำนวณโทษจำคุก ว่าคดีใดต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่ ในกรณีที่ศาลเพิ่มโทษจำเลยต้องนำโทษที่เพิ่มขึ้นมาคำนวณเข้าด้วยกัน
36/9. ข้อที่ถูกต้อง คือ ในคดีอาญาที่มีการอุทธรณ์เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย ผู้อุทธรณ์อาจขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาได้
37/12 คำให้การของจำเลยข้อที่ไม่ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อพิพาทคือ จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เพราะไม่ได้บรรยายสภาพแห่งข้อหาให้ชัดแจ้ง
37/13. คดีอาญาที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง แต่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโดยอาศัยข้อกฎหมาย ข้อความที่ถูกต้องคือ. โจทก์ฎีกาไม่ได้ทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
38/ 17. คดีอาญาเรื่องหนึ่ง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์เพราะต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง หากท่านเป็นทนายความโจทก์มีความประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ ท่านจะต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนด 15 วัน
39/7พนักงานอัยการโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก 4 เดือน ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 เดือน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ข้อที่ถูกต้อง คือ โจทก์อุทธรณ์ขอให้
ไม่รอการลงโทษจำคุกจำเลยไม่ได้
40/10. คำให้การของจำเลยเป็นการให้การปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้น แต่ไม่มีเหตุแห่งการปฏิเสธข้อที่ถูกต้อง คือ เป็นคำให้การที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีนำพยานมาสืบตามข้อต่อสู้
40/11. คำให้การของจำเลยในข้อที่ไม่ก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาทที่ศาลจะต้องวินิจฉัยคือ
1.จำเลยให้การต่อสู้ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ไม่ได้บรรยายสภาพแห่งข้อหาให้ชัดแจ้ง ทั้งข้อความก็ไม่ต่อเนื่องไม่สามารถเข้าใจข้อความแห่งคำฟ้อง
2. จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดหรือไม่ ไม่ทราบและไม่รับรอง
3. จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทจากบุคคลอื่นโดยสมคบกันฉ้อฉลจำเลยโจทก์ไม่ใช้ผู้ส่งเช็คโดยชอบ)
40/12. คดีอาญาเรื่องหนึ่ง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ให้ลงโทษประหารชีวิต จำเลยอุทธรณ์ว่ามิได้กระทำความผิด ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษแก่จำเลย 1 ใน 3 คนจำคุกจำเลยตลอดชีวิต ข้อที่ไม่ถูกต้อง คือ. โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นได้
ไม่มีความเห็น