วันสองวันนี้นึกอยากทบทวนความเป็น “วันนี้” เมื่อ “หลายปีที่แล้ว”
แน่นอนครับ-วิถีแห่งความรู้สึกเช่นนั้น เป็นประหนึ่งการถอดบทเรียนชีวิตไปในตัวด้วยเหมือนกัน
วันนี้ (24 กันยายน 2556) เมื่อ 5 ปีที่แล้ว (24 กันยายน 2551) เป็นวันที่ผมและทีมงานตะลุยภาคสนามอย่างสุดฤทธิ์ตั้งแต่เช้ายันดึกดื่น
เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่น้ำชีเอ่อล้นเข้าท่วมหมู่บ้านหลายหมู่บ้านในเขตตำบลขามเรียง และตำบลใกล้เคียง อาทิ ตำบลท่าขอนยาง ตำบลเขวาใหญ่
วันนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว
ผมพาทีมงานที่เป็นทั้งเจ้าหน้าที่และนิสิตลงหมู่บ้าน เพื่อสำรวจเส้นทาง หรือแม้แต่การไป “เยี่ยมยามถามข่าว” เสริมหนุนกำลังใจให้กับชาวบ้าน
ครับ-ไม่ถึงกับทำตัวเป็นนักสังคมสงเคราะห์ หรือนักบุญหรอกนะครับ หากแต่ทำกันด้วยใจ และใช้วิกฤตนี้เป็นการปลูกฝังให้นิสิตได้เรียนรู้หลักแห่งการเป็น “ผู้ให้” หรือ “จิตอาสา” ดีๆ นั่นเอง
เช้าของวันนั้น ผมและทีมงานตะลุยไปหลายพื้นที่ อาทิ บ้านห้วยชัน, บ้านหนองแข้, บ้านมะกอก ซึ่งถนนหนทางเจิ่งนองท่วมท้นไปด้วยน้ำ การสัญจรด้วยเท้า หรือรถเครื่องเล็กๆ อยู่ในสถานะก้ำกึ่งที่จะต้อง “เทียวทาง”
ครั้นตกบ่าย ผมและทีมงานตะลุยเข้าสู่บ้านกุดหัวช้าง อันเป็นหมู่บ้านที่อยู่ลึกเร้นสุดในเขตนี้ก็ว่าได้
พอตกเย็นก็ตีกลองร้องเต้นขอรับบริจาคในบริเวณ “ตลาดน้อย” อันเป็นพื้นที่ชีวิตของชาว “มมส” ขณะที่อีกกลุ่มก็สัญจรออกไปขอรับบริจาคนอกมหาวิทยาลัย
วันนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว
ยอมรับว่าทำงานกันหนักมาก ตื่นเช้า และนอนดึก
เจ้าตัวเล็กทั้งสอง เลิกเรียนก็ต้องมาจ่อมจมอยู่ในเวทีเหล่านี้ร่วมกับพี่ๆ นิสิต
เรียกได้ว่าเอาการบ้านมาทำกันในตลาดน้อยเลยทีเดียว ก็ได้พี่ๆ นิสิตนั่นแหละช่วยสอนการบ้าน -
ย้อนกลับไปยังภาพชีวิตเหล่านั้นอีกครั้ง
ย้อนกลับไปยังภาพชีวิตเหล่านั้นอีกครั้ง
ผ่านมา 5 ปี เรื่องราวทุกอย่างแจ่มชัด และทรงคุณค่าอย่างมหาศาล
ปรากฏการณ์แห่งการรวมตัวของผู้คน ได้ปลุกเร้าวาทกรรมแห่งยุค “จิตอาสา” ขึ้นมาอย่างคึกคัก และทรงพลัง
การทำงานจิตอาสา อาจไม่ได้ถูกจุดประกายจาก "ระบบ" ที่หมายถึงองค์กร หรือหน่วยงานในเป็นหลัก หากแต่ถูกสานสร้างจากกลุ่มคนอิสระที่มีชื่อว่า “กลุ่มไหล” ซึ่งต่อมาพวกเขาได้เติบโต งอกงามไปตามเส้นทางชีวิต
กลุ่มน้องๆ นิสิตจาก “วงแคน” (ชมรมนาฏศิลป์และดนตรีพื้นเมือง) หรือแต่นิสิตในโครงการส่งเสริมเยาวชนดีเด่นด้านศิลปวัฒนธรรมหลายต่อหลายคน กระโจนมาช่วยงานอย่างไม่อิดออด ผ่านการดีดสีตีเป่าทั้งในและนอกสถานที่ โดยนั่นเป็นการเรียนรู้และการลงมือทำที่มากกว่าที่ “เคยทำมา”
เช่นเดียวกับ องค์การนิสิต ที่นำโดย ธนิส ปุลันรัมย์ (นายกองค์การนิสิต) ก็ขันอาสาเป็นหัวเรือใหญ่ในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ นำพาผู้นำองค์กร ทั้งในระดับชมรม สภานิสิต หรือแม้แต่สโมสรคณะต่างๆ มาเป็นส่วนหนึ่งในการรับผิดชอบต่อสังคม
ปรากฏการณ์น้ำท่วมเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ได้สร้างรอยเชื่อมต่อระหว่าง “ผม” กับ “ชุมชน” สืบมาจนปัจจุบัน
ผมมีโอกาสได้พบปะมักคุ้นกับแกนนำชาวบ้าน ทั้งในระบบองค์กรท้องถิ่น และกลุ่มคนอิสระจำนวนมาก
ซึ่งในที่สุดแล้วก็กลายเป็น “กลไก” อันสำคัญในการหนุนเสริมให้กระบวนการจัดกิจกรรมระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชนเป็นไปอย่างราบรื่น และมีประเด็นแจ่มชัดขึ้นจนเป็นที่มาของกิจกรรมหลายกิจกรรม อาทิ
กฐินโบราณ (จุลกฐิน,กฐินแล่น)
ธรรมะในสถานศึกษา
หนึ่งคณะหนึ่งหมู่บ้าน
ทอดเทียนพรรษา
หนึ่งชมรมหนึ่งชุมชน
หอพักสู่ชุมชน ฯลฯ
ยิ่งในปัจจุบันนี้ กลุ่มดังกล่าวได้ขยับมาเป็น “ทีมวิจัยไทบ้าน” (สกว.ฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น) ร่วมกับ “ผมและน้องๆ” ซึ่งเรามีมติตั้งชื่อกลุ่มให้สอดคล้องกับระดับจังหวัดว่า “ฮักแพงเบิ่งแญงขามเรียง”
ครับ-นี่คือการทบทวนกลับสู่อดีตเมื่อ 5 ปีก่อน
หยาดเหงื่อกลางสายฝน และแสงดาวที่ทอประกายบนฟ้าสูงมิได้สูญปล่าเลยแม้แต่น้อย
ผู้คนที่เคยร่วมชะตากรรมเพื่อสังคมด้วยกัน ยังคงเดินทางในถนนสายแห่งจิตอาสา
หลายต่อหลายคน เติบโตเป็นครูบาอาจารย์ เป็นนายร้อย เป็นนักพัฒนาท้องถิ่น
บางคนยังคงปักหลักเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยฯ
ขณะที่ชาวบ้าน ก็เติบโตและกล้าหาญที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับการสร้างสรรค์สังคมแห่งการอยู่ร่วมระหว่าง “มหาวิทยาลัยกับชุมชน” อย่างน่ายกย่อง –
และที่สำคัญวันนี้ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประกาศเอกลักษณ์ชัดแจ้งว่า “เป็นมหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน : เป็นที่พึ่งของสังคมและชุมชน”
รวมถึงประกาศอัตลักษณ์นิสิตว่า “เป็นผู้ช่วยเหลือสังคมและชุมชน”
ครับ-ผมมีความสุขเมื่อได้หวนคิดถึง "วันนี้เมื่อห้าปีที่แล้ว"
รู้และสัมผัสได้ว่า ไม่มีอะไรสูญเปล่าจริงๆ...
อย่างน้อย ก็เห็นการเติบโตเล็กๆ จากผู้ที่เกี่ยวข้องเมื่อ 5 ปีก่อนอย่างเป็นรูปธรรม
และวันนี้ ชาวบ้านจากชุมชนขามเรียง ก็กำลังทะยอยเข้ามาร่วมกิจกรรม "ศิลปวัฒนธรรมอีสาน"
ทีมฮักแพงเบิ่งแญงขามเรียง ขนอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องไม้อันเป็นมรดกวัฒนธรรมเข้ามาจัดแสดง
มีเพลงกล่อมลูกมาฝากนิสิต,
...และอื่นๆ อีกมากมาย
แสดงความยินดีกับความสำเร็จครั้งนี้ค่ะ^___^
-สวัสดีครับ....
-ตามมาชมภาพบรรยากาศ...
-ผ่านมาหลายปี...แต่ความทรงจำ...ยังคงมีให้ได้ระลึกถึง...
-ขอบคุณครับ..
ชื่นชมค่ะอาจารย์ ได้อ่านก็สุขใจค่ะ เป็นแรงบันดาลใจที่จะให้ ที่จะทำสิ่งดีๆให้สังคมค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณ บันทึก ดี ดี ของคุณแผ่นดินมากนะครับ