ขอขอบคุณ ผู้ใหญ่ใจดีที่ให้ความอนุเคราะห์กับ โรงเรียนต่างๆ 12 โรงเรียน บริจาค
อาหารแห้ง นม และเสื้อผ้ามือสองให้โรงเรียนต่างๆ กราบขอบพระคุณอย่างสูง
ณ โรงเรียนบ้านเขานางสางหัว ในวันที่ 20 กันยายน 2556
คุณสุพจน์ ชูนวล ตัวแทนมูลนิธิเด็กกล่าวพิธีมอบของให้โรงเรียนต่างๆ ในอำเภอเลาขวัญ
ผู้อำนวยการโรงเรียนเลาขวัญราษฎร์บำรุง กล่าวขอบคณมูลนิธิเด็ก
เรียนคุณครูวาส สนใจชื่อโรงเรียนนี้มาก ครูช่วยเล่าประวัติศาสตร์ชุมชนให้ฟัง จะขอบคุณมาก
ขอบคุณผอ.มากครับที่แจ้งให้ทราบ
ชอบสถานที่โรงเรียนมากๆๆ
ฝากดูแลนักเรียนเป็นเหาด้วยครับ
คงต้องให้บ้านและโรงเรียนช่วยกัน
ขอบคุณ อ.ขจิตอย่างสูงที่เป็นห่วงนักเรียนที่เป็นเหา ต้องรีบจัดการเลยค่ะพรุ่งนี้ เพราะก็เป็นปัญหาอยู่ค่ะ เรารณรงค์ป้องกันกันอยู่แต่คงต้องทำกิจกรรมกำจัดเหาให้บ่อยและประสานงานกับผู้ปกครองให้เร็วขึ้นมากขึ้นค่ะ
เรื่องเล่าประวัติศาสตร์ชุมชนบ้านเขานางสางหัว
มีประวัติดังเดิมนั้นได้มีเรื่องเล่าขานว่าได้ยินเสียงคนร้องให้ และนั่งหวีผม (สางผม) ที่เขาลูกนี้ บ่อยๆ จึงเรียก เขานางสางหัว
แต่เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2556 มีพืธีบวงสรวงสร้างพระนางสางหัว หรือ พระนางกาญจนารี เพราะมีการสืบสานค้นพบประวัติศาสตร์ โดยมีหลักฐานอ้างอิงหลายอย่าง ว่าเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ ดังรายละเอียดที่แนบท้ายข้อมูลต่อไปนี้
ประวัติชุมชนเขานางสางหัว
ชุมชนเขานางสางหัว อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ตั้งอยู่เชิงเขานางสางหัว ริมลำห้วยอันเป็นลำน้ำสาขาของคลองหมื่นเทพสันนิษฐานว่า มีผู้คนอยู่อาศัยในชุมชน 2 ยุคสมัยคือ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และยุคประวัติศาสตร์
ยุคก่อนประวัติศาสตร์
ชุมชนเขานางฯ เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของผู้คนในสมัยก่อนประวัติศาสตร์อายุมากกว่า2500 ปี มีหลักฐานสำคัญคือพบเครื่องมือขวานหิน และเครื่องมือหินกะเทาะ กระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่
ชุมชนเขานางฯ ตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าโบราณเชื่อมฝั่งทะเลจีนใต้ไปออกมหาสมุทรอินเดีย ทิศเหนือเป็นที่ตั้งของบ้านโป่งคอม บ้านพุน้ำร้อน อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ส่วนทิศใต้เป็นที่ตั้งของบ้านดอนตาเพชร จ.กาญจนบุรี ซึ่งทั้งสองแห่งได้พบหลักฐานที่ทำให้ระบุได้ว่าเป็นเส้นทางการค้าโบราณดังกล่าว
ในยุคนี้ผู้คนในชุมชนจะนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติเพราะพุทธศาสนายังไม่เข้ามาถึงดินแดนแถบนี้ นักประวัติศาสตร์เชื่อว่า ผู้หญิงจะมีบทบาทเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณเห็นได้จากการตั้งชื่อลำน้ำขึ้นต้นว่า “แม่” (แม่น้ำ) ตั้งชื่อภูเขาขึ้นต้นว่า “นาง” เช่น เขานางบวช เขานมนาง เขานางสางหัว ฯลฯ
ยุคประวัติศาสตร์
ในสมัยทวารวดี (หลัง พ.ศ.1000) เส้นทางการค้าทางทะเลจีน-อินเดียได้เปลี่ยนแปลงไปทำให้ผู้คนเคลื่อนย้ายไปตั้งถิ่นฐานใกล้ลำน้ำท่าจีน-จระเข้สามพันมากขึ้น ชุมชนเขานางฯ คงร้างไปในช่วงเวลานี้
ในสมัยลพบุรีตอนปลาย(หลัง พ.ศ.1700 – 1800) มีผู้คนมาตั้งหลักแหล่งอีกครั้ง เพื่อฟื้นฟูเส้นทางทรัพยากรแร่ธาตุและของป่าที่มีอยู่สำหรับใช้ส่งออกไปยังหัวเมืองต่างๆด้วยพบหลักฐานว่ามีชุมทางการค้าใหญ่เกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียงคือบ้านหนองเรือ ที่ขุดพบพระนาคปรกสำริด พระพุทธรูปปางประทานอภัยสำริด พระอุมาสำริด ฯลฯ
ในสมัยอยุธยา (หลัง พ.ศ. 1900 - 2300) ชุมชนมีความเจริญ มีผู้คนมาอยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ด้วยพบเศษภาชนะดินเผากระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่นอกจากนี้ ยังมีศาสนสถานสำคัญในบริเวณใกล้เคียงกันคือ วัดโบสถ์เก่าจิกด่านซึ่งเป็นวัดในสมัยอยุธยาตอนต้น
ชุมชนเขานางฯ น่าจะร้างไปในช่วงสงครามเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2
ชุมชนเขานางฯ ยังมีตำนานกล่าวถึงนางผู้หนึ่ง ต่อมาเรียกว่า พระนางกาญจนารี(พระนางสางหัว)เล่าว่า พระนางฯ เป็นลูกหลานพญาลิไทยในราชวงศ์พระร่วง ได้สมรสกับแม่ทัพนายกองในราชวงศ์สุวรรณภูมิ พระนางฯ มาประทับอยู่ที่เขานางสางหัวและนั่งแต่งตัวหวีผม (สางหัว) เพื่อรอคอยคนรักและสิ้นพระชนม์ ณ เขาลูกนี้
ผู้รวบรวมข้อมูล ดร.ฉันทัส เพียรธรรม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
โรงเรียนบ้านเขานางสางหัวและชุมชนบ้านเขานางสางหัว