จืด


1.
     เมื่อฝนร้าง-ฟ้าจาง-ย่อมใสแจ่ม
บุบผาผลิดอกแซมคลี่กลีบสยาย
เขียวใบไม้-ลมพัดระจัดระบาย
แดดหมาดฝ้ายพรมแสงห่มลงห่มโลก
เมื่อแดดหมาดสาดศรอ่อนๆแสง
ผลิตแรงขับหมอกมัวหม่นโศก
ครามีดย้ำค้ำภูสู่กรรโชก
มินาน, โศลกตะวันประจัญหม่น
2.
     ในโลกซึ่งย่อมแน่แต่ความมืด
แสงมิจืด มิเข้ม และเต็มข้น
มิเห็นซึ่งสรรพสิ่งที่วิ่งวน
ยิแต่เสียงอึงอน สับสนนัก
สัมผัสได้เพียงริ้วผิวสัมผัส
ปรากฏชัด-ในกลิ่น-ระรินหนัก
ในห้องหับลับลี้ในที่พัก
มีเสียงทัก-เพียงสาย-ลมหายใจ
     แม้ดวงตามิอาจรับสดับสว่าง
อย่า! เลือนรางความหวัง แม้ร่ำไห้
ขอมีเพียงโชนแสงแห่งแรงไฟ
มิอาลัย-ใดในหล้า-ชะตาตัว
3.
     ในโลกแห่งความมืดมิจืดรัก
ยังมีหลักพักแรงในแสงสลัว
บนสองขา ตั้งมั่น มิหวั่นกลัว
เผชิญโลกถ้วนทั่ว-ด้วยน้ำมิตร
เมื่อฝนร้าง-ฟ้าจาก-ย่อมใสแจ่ม
ชีวิตราวคืนแรม-ใช่มีสิทธิ์!
เมื่อแดดปรายสายปราณธารชีวิต
สุขสถิตยั่งยืนทุกพื้นใจ
     สุข-ทุกข์ ทุกข์-สุข จริงเป็นสิ่งแท้
จักพ่ายแพ้แก่ทุกข์เข็ญ-เห็นเป็นไฉน
ใยมิหาสุขในทุกข์เป็นสุขใจ
ในโลกไร้ แสงมืด มิจืดรัก

เขียน ศุกร์ที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๗
ทับแก้ว ๒

หมายเลขบันทึก: 546802เขียนเมื่อ 27 สิงหาคม 2013 20:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 สิงหาคม 2013 20:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท