Learning in classroom VS Learning in project
การเรียนรู้ในห้องเรียนกับการเรียนรู้ในโครงงาน
การเรียนรู้ในห้องเรียน
knowlege -> process
ในการเรียนรู้ในห้องเรียนนั้นเป็นการเรียนรู้ครูคอยป้อนการเรียนรู้ให้กับเด็ก เป็นการสอนให้เด็กเรียนรู้โดยเน้นให้เด็กเป็นผู้ตามซึ่งประเด็นเหล่านี้เป็นการสอนให้เด็กเชื่อตาม คล้อยตาม พูดตาม กระทำตาม เเต่ไม่ได้สอนให้เด็กใคร่ครวญตรึกตรองดูว่าเเบบนี้ดีไหม เเบบนี้เป็นอย่างไร มีความเหมาะสมไหม มีความเหมาะสมอย่างไร การเรียนรู้ในห้องเรียนเป็นเป็นการเรียนรู้ที่ได้ความรู้มากเเล้วเด็กสามารถนำไปใช้ได้น้อย...ในการเรียนรู้ในห้องเรียนนั้นผมเองมองว่า knowlege จะได้มาซึ่ง process เพราะในการเรียนเราเน้นความรู้ทางวิชาการเป็นหลักสำคัญในการเรียนรู้ซึ่งความรู้นั้นก็มากมายมหาศาลทำให้การใช้งานความรู้นั้นๆเป็นไปได้ค่อนข้างยากจนทำให้ process ลดลงในทุกขณะ...เป็นการเรียนรู้ที่ได้ความรู้มากเเต่ใช้ได้น้อย มีความรู้มากเเต่กระบวนที่จะได้มาซึ่งความรู้น้อย เเล้วจุดด้อยอีกข้อ คือ เด็กมีความคิดอิสระในการเรียนรู้ในห้องเรียนน้อยมากเพราะผลจากความรู้ทางวิชาการมาบีบคั้นความคิดความเห็นต่าง มีจุดเด่น คือ การเน้นความรู้ให้เด็กมีความรู้ ให้เด็กมีความเก่ง ฉะนั้นการเรียนรู้ในห้องเรียนจะเน้นที่ความรู้ที่มากมายเเล้วความรู้นั้นจะนำมาซึ่งกระบวนการในการเรียนรู้น้อยมาก
การเรียนรู้ในโครงงาน
process -> knowlege
ในการเรียนรู้ในโครงงานนั้นเป็นการฝึกหลักคิดให้กับเด็ก ให้เด็กคิดเป็นโดยไม่ติดยึดกับหลักทฤษฎีมากเกินไปเป็นการสอนให้เด็กคิดเป็น ทำเป็น เป็นการเรียนรู้ในความถนัดเเละความชอบของตนเอง เด็กมีความคิดอิสระในการเรียนรู้เพราะเขามีความเชื่อว่างานที่ได้ทำโครงการนั้นเป็นงานของเขาเอง เขาจึงมีความตั้งใจเเล้วภูมิใจในสิ่งที่เขาทำที่ส่งผลออกมาตามผลิตผลนั้นๆโดยมีครูจะเป็นโค้ชที่คอยดูเเลการเรียนรู้ เป็นการเจาะลึกใน project เดียวเเต่งานที่เขาทำนั้นความรู้เเค่ project เดียวสามารถขยายผลการเรียนรู้ออกไปได้อย่างกว้างขวางมาก จุดเด่น คือ เป็นการเรียนรู้ที่มีอิสระในการคิด คิดนอกกรอบ คิดไม่ติดยึดกับหลักทฤษฎี คิดอยากทำงานของตนเองซึ่งการทำงานนี้จะได้มาซึ่งการเรียนรู้ เป็นต้น จุดด้อย คือ มีหลักวิชาการในการเรียนน้อยกว่าการเรียนรู้ในห้องเรียน....เเต่ความรู้ที่ได้มาจากการศึกษาเองของการเรียนรู้ในโครงการนั้นจะอยู่คงทนในการจดจำได้มากกว่าความรู้ที่มาจากการที่ครูคอยสอนคอยป้อนให้ การเรียนรู้ในโครงการเป็นการออกสู่โลกกว้างโดยไม่ติดยึดการเรียรในห้องเรียน มีความรู้ในการทำงานต่างๆ อาทิ ประสานงาน คุยงาน เขียนงาน วิเคราะห์งาน เป็นต้น ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญที่ทำให้เด็กออกสู่ชีวิตจริงซึ่งเด็กจะมีประสบการณ์เเละกระบวนการ เมื่อได้กระบวนการความรู้ก็จะหาไม่ยากเพราะกระบวนการจะนำมาซึ่งการเรียนรู้เรียกอีกอย่างว่าเบ็ดตกปลาส่วนความรู้นั้นคือปลา เมื่อเราได้กระบวนการ(เบ็ด) เราจะสามารถตกความรู้(ปลา)ได้เรื่อยๆ ขณะเดียวกันถ้าเรามีเเต่ความรู้(ปลา) เเต่เราไม่มีกระบวนการ(เบ็ด) เราก็จะไม่มีที่ตกปลา ซึ่งความคุ้มค่าจะอยู่ที่เบ็ดโดยเบ็ดจะเป็นทุนที่จะได้มาซึ่งปลา ฉะนั้นการเรียนรู้ในโครงงานจึงเป็นการเรียนรู้ที่นำ process มาหา knowlege เพื่อที่จะได้ knowlege ที่คุ้มค่า
ในการเรียนรู้นั้นไม่มีกรอบ ไม่มีความจำกัด ไม่มีความกำจัด ไม่มีที่สุดสุด สามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต ทุกสิ่ง คือ การเรียนรู้ เราสามารถเรียนรู้ได้ทุกสิ่ง การเรียนในห้องเรียนเป็นความรู้ที่ทรงคุณค่าเเต่การเรียนรู้ในโครงงานนั้นทรงคุณค่ามากยิ่งกว่าเพราะความรู้ในห้องเรียนเป็นการจับปลามือเปล่าส่วนการเรียนรู้ในโครงการนั้นเป็นการสร้างเบ็ดมาจับปลา...ในการลงทุนนั้นเปรียบเปรยได้กับการศึกษา คือ ทุน นั้นคือความรู้ ที่เราจะลง โจทย์ คือ เราจะลงอย่างไร นั่นล่ะ กระบวนการ ฉะนั้นในการลงทุนเราจะหาทุนก่อนหรือจะหาวิธีลงก่อน....ซึ่งมุมมองของเเต่ละคนอาจเเตกต่างกันไปตามทัศนคติ...เเต่ผมมองว่าต้องหาวิธีการลงก่อนเพื่อให้รู้ว่าลงอย่างไรเเล้วค่อยหาทุนมาจับเพราะเมื่อได้วิธีลงเราจะสามารถดึงทุนออกมาได้.. นั่นล่ะเป็นความคุ้มค่าในการลงทุน
project กับ Problem เหมือนกันไหม
project จะเรียนรู้ใน problem ... ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คล้องกันอยู่...เรียกว่าเป็นการเรียนรู้บนสภาพปัญหาครับ....ฉะนั้น โครงงานเป็นการเรียนรู้ในปัญหา....Problem -> project -> process -> knowlege (ปัญหาจะนำมาสู่โครงงาน โครงงานจะนำมาสู่กระบวนการ กระบวนการจะนำมาสู่ความรู้.... ครับ