ความไม่ฉลาดประการแรกคือ
การรับปากชาวบ้านไว้แล้วทำไม่ได้
แล้วเลือกใช้วิธีเอากำลังเจ้าหน้าที่
มาสลายกลุ่มผู้เรียกร้องราคายางพาราเพิ่ม
แทนที่จะเจรจาแบบสันติและอดทน
ความไม่ฉลาดประการที่สองคือ
การเอาคนที่ชาวบ้านไม่ชอบมาเจรจา
ผู้ว่าฯเมืองนครท่านคงจะรู้จักชาวบ้านดี
ว่าเขาชอบใครและไม่ชอบใคร
ควรใช้คนให้ถูกกับงาน
ความไม่ฉลาดประการที่สามคือ
ประเมินการสื่อสารผิดพลาด
คิดว่าส่งหนังสือถึงสื่อหลักคือโทรทัศน์
แล้วภาพที่ออกมาจะเห็นว่ารัฐเป็นฝ่ายดีงาม
แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น
เพราะในสื่อสังคมออนไลน์ภาพที่ปรากฏรัฐเป็นพญามาร
ภาพตำรวจทั้งในและนอกเครื่องรุมกระทืบชาวสวนยาง
ใช้ไฟฟ้าช็อต ทุบตีและการลากขึ้นรถ
ภาพเหล่านี้ไปถึงคนจำนวนมาก
แม้หน่วยงานของรัฐและราชการ
ก็ใช้สังคมออนไลน์กันเกือบทุกหน่วยงาน
ความไม่ฉลาดประการที่สี่สุดท้ายคือ
ต่อให้นำตำรวจไปมากมายเท่าใด ต่อให้สลายได้
แต่กองกำลังตำรวจจะนั่งเฝ้าสี่แยกอยู่ไม่ได้
เดี๋ยวชาวบ้านก็กลับมาชุมนุมกันได้ใหม่
แค่มีรถสิบล้อสองคันก็ชุมนุมต่อได้แล้ว
และจะชุมนุมที่สี่แยกไหนก็ได้
การกระทำของรัฐครั้งนี้
ทั้งขาดความชอบธรรมที่จะทำ
และไม่ก่อประโยชน์แก่ใครเลย
ตำรวจก็เจ็บ ชาวบ้านก็เจ็บ
ชาวบ้านทั้งเจ็บและเกลียดผู้ว่าขึ้นมา
นี่คือความไม่ฉลาด ๔ ประการของเจ้าหน้าที่รัฐ
นี่คงเป็นเพียงคำสอนที่ดร.เมืองนครคนหนึ่ง
มอบให้แก่ผู้ว่าฯเมืองนครท่านหนึ่ง
ด้วยรักและห่วงใยเมืองนครศรีธรรมราช
เท่าที่รูครูหยิน..ก็ขาดรายได้จากสวนยางพาราเช่นกัน
แปลกดีรัฐเริ่มประกาศการเปลี่ยนชนิดของพืชที่ปลูก
รัฐคงคิดกลยุทธ์เพิ่มราคายาง
หรือกลยุทธ์อื่นที่ทำให้ชาวสวนยางอยู่ดีมีสุข
ถ้าผมเป็นรัฐบาล
ผมจะคิดทุกวัน
ของฟรี...ไม่มีในโลก...นโยบายที่ทุ่มเทให้ แบบฟรี ๆ ก็คงไม่มีในโลกเช่นกันล่ะนะ