มาลองใช้เสียงเพลงสร้างคุณธรรมให้เด็ก.....กันดีกว่า !!!


  มาลองใช้เสียงเพลงสร้างคุณธรรมให้เด็ก.....กันดีกว่า !!!

                    สังคมปัจจุบันการที่จะปลูกฝังให้เด็กมีคุณธรรมหรือมีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ความใกล้ชิดระหว่างเด็กกับพ่อแม่และครูอาจารย์นั้นก็จืดจางเต็มที เพราะต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาเอาแต่ทำมาหากิน ปล่อยให้เด็กถูกมอมเมาโดยสื่อต่างๆ หากเป็นเด็กที่มีสติปัญญาสามารถรู้จักผิดชอบชั่วดี  ได้ด้วยตนเองก็นับว่าเป็นความโชคดีของพ่อแม่และสังคม ตรงกันข้ามหากเด็กไม่รู้จักคิดและตริตรอง ชอบทำตามใจตนเองหรือวิ่งตามกระแสความเจริญของโลก พ่อแม่ สังคมก็คงสบสนและวุ่นวายเอาการทีเดียว
          วัยเด็กจำได้ว่า เมื่อวันสำคัญต่างๆทางพระพุทธศาสนามาถึง พวกเราก็จะช่วยกันเตรียมอาหารคาวหวานไปทำบุญที่วัดใกล้บ้าน  ช่วยกันกวนขนมและทำกับข้าวกันตั้งแต่ย่ำรุ่ง มีทั้งที่จัดเตรียมไปถวายพระ และแจกเพื่อนบ้าน ผู้เฒ่าผู้แก่ที่เดินไม่ค่อยสะดวกก็จะมีเด็กๆมาช่วยยกสำรับกับข้าว ผู้ใหญ่ท่านก็ให้ศีลให้พร และแจกขนม เด็กๆก็ภูมิใจอมยิ้มจนแก้มปริจากคำชมเหล่านั้น หลังจากพระท่านฉันอาหารเรียบร้อยแล้ว ญาติโยมก็รับประทานอาหารร่วมกัน มีอะไรก็แบ่งปันกันไป ส่วนเด็กๆก็ไปวิ่งเล่นตามลานวัด ด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลินเพราะมีเสียงเพลงจากเครื่องขยายเสียง  ฟังดูคล้ายกับลิเกแต่ก็มีเนื้อร้องกินใจ
          ตอนเป็นเด็กมัธยม เมื่อเดินทางมาถึงโรงเรียน หลายคนชอบวิ่งเล่น บางคนก็รับประทานอาหารเช้า บ้างก็คุยกับเพื่อนฝูง บางกลุ่มก็เพิ่งลงมาจากรถรับส่งของโรงเรียน ส่วนเราเองเดินมาโรงเรียนเพราะบ้านอยู่ไม่ห่างไกลนัก พบปะพูดคุยกับเพื่อนได้ไม่นานนักก็มีเสียงระฆังตีบอกให้แถวเพื่อเข้าห้องเรียน ก่อนที่ระฆังจะดังขึ้นนั้นพบว่ามีเด็กหลายคนเตรียมตัวไปเข้าแถวแล้วซึ่งก็รวมทั้งเราด้วย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะพวกเราจำเพลงฝรั่งที่โรงเรียนเปิดให้ฟังประจำ  คราวใดที่เพลงพวกนี้ดังขึ้น ก็เตรียมตัวเข้าแถวได้เลย และไม่เพียงแต่จำช่วงเวลาได้เท่านั้น  ทำนองและเนื้อร้องของเพลงพวกเราก็ยังจำได้จนถึงปัจจุบัน เหมือนบทสวดมนต์ที่เราสวดเป็นประจำ ก็จะมีความคุ้นเคยและท่องจำได้จนขึ้นใจนั่นเอง
           สองสัปดาห์ก่อนมีโอกาสได้นั่งรถโดยสารเดินทางไกล พนักงานขับรถเปิดเพลงที่เราฟังแล้วคุ้นๆเหมือนที่เคยฟังเมื่อตอนเป็นเด็ก พิจารณาตามเนื้อร้อง แล้วกินใจจนเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ โดยเฉพาะเพลงที่กล่าวถึงพระคุณของพ่อแม่ ท่วงทำนองและจังหวะก็เป็นแบบไทยๆ ผู้ร้องจำได้ว่าเป็น พรภิรมย์ ซึ่งปัจจุบันท่านก็บวชเป็นพระแล้ว เนื้อเพลงสอนไว้ดีมาก ทั้งในเรื่องของการรักษาสัจจะ รู้จักกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ฯลฯ เสียดายตามหาซื้อแผ่นต้นฉบับไม่เจอ แต่ที่แนบ File มาให้ฟังก็เลียนแบบจากของเดิมนั่นแหละ
          หากท่านผู้มีอำนาจหรือทางโรงเรียนต่างๆ จะนำเพลงเหล่านี้มาเปิดในช่วงเวลาก่อนเข้าแถว โดยเปิดเป็นประจำเด็กก็อาจจะซึมซับเอาคำสอนที่มีอยู่ในเนื้อร้อง ซึ่งเป็นนิทานคำกลอน จนอาจส่งผลให้เด็กมีความคุ้นเคย ชอบและรักในดนตรีไทยก็ยิ่งดี จะได้ช่วยกันรักษาวัฒนธรรมอันดีงามของไทยสืบต่อไป เด็กเองก็จะไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเนื่องจากเป็นการสอดแทรกโดยที่ผู้ฟังไม่รู้ตัว หากหลายท่านเห็นว่าเพลงดังกล่าวอาจจะเชยไปบ้าง ก็ขอแนะนำให้ทดลองใช้เพลง " เด็กเอ๋ย เด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน " เอามาเปิดให้ฟังก็ได้ ช่วยกันคนละไม้ละมือไม่นานก็คงจะเห็นผล 

                                                                       โดย    คนบ้านเดียวกัน
 
    ติดตามฟังเพลง  ตอน 1 Bunny

 http://gotoknow.org/file/chuanpis/kailas1.wma   และตอน 2  Tigerhttp://gotoknow.org/file/chuanpis/kailas2.wma   ตามที่อยู่นี้ค่ะ 

หมายเลขบันทึก: 54636เขียนเมื่อ 15 ตุลาคม 2006 06:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท