โรงเรียนปัญญาประทีป
ก่อตั้งขึ้นด้วยเจตจำนงและความร่วมมือร่วมใจ ของคณะบุคคลในชุมชนโรงเรียนทอสี ซึ่งมุ่งหมายที่จะสานต่อการศึกษาวิถีพุทธ จากระดับอนุบาลและประถมของโรงเรียนทอสี ให้ต่อเนื่องไปจนถึงระดับมัธยมศึกษา ในรูปแบบของโรงเรียนบ่มเพาะชีวิต (Boarding School)
คุณครูแจ๊ด - พัชนา มหพันธ์ รองผู้อำนวยการโรงเรียน และ คุณครูกิ๊ฟ – ครูชุติยา ศรีเศรษฐการ ฝ่ายบ่มเพาะชีวิตนักเรียนเล่าว่าจากครั้งก่อนที่มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทำให้ได้แนวความคิดเรื่องการทำความสะอาดทั้งโรงเรียน สัปดาห์ละ ๒ วัน จากโรงเรียนรุ่งอรุณมาใช้
กิจกรรมที่ทางโรงเรียนทำอยู่แล้ว
ห้องเรียนครูคนแรกของลูก จัดให้ผู้ปกครองทุก ๒ เดือน เพื่อให้เกิดความตื่นรู้ในคุณค่าของตนและความเป็นมนุษย์ ตื่นรู้ในกายและวินัยของตน ตื่นรู้ในเรื่องอคติ ๔ และโลกธรรม ๘ ซึ่งพ่อแม่จำเป็นต้องรู้เรื่องพวกนี้
โรงเรียนอยากให้ครูรู้อะไร อยากให้เด็กรู้อะไรก็อยากให้ผู้ปกครองรู้ด้วย เช่น หัวข้อ “I LOVE YOU” ที่จัดขึ้นเพราะรู้ว่าผู้ปกครองรักลูกมาก แต่ไม่เคยสื่อสาร และสื่อสารไม่เป็น รูปแบบกิจกรรมจึงเป็นการพาให้ผู้ปกครองได้รู้จักกับ Active Listening ตามที่ได้ไปเรียนรู้มาจาก อ.พนม เกตุมาน และมีกิจกรรม I Message “จี๊ดถึงใจ” ที่พาให้ผู้ปกครองมีวิธีพูดคุยกับลูกในแบบที่ไม่ทำร้ายใจกัน แล้วปิดท้ายด้วยการนำประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันว่าทำอย่างไรลูกจึงจะสามารถดูแลตัวเองได้
เด็กแนว เป็นกิจกรรมแนะแนวที่จะพาให้เขารู้จักตัวเอง รู้จักผู้อื่น และรู้จักการทำชีวิตให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง และผู้อื่นโดยใช้พุทธปัญญาเป็นหลัก พระอาจารย์ชยสาโรจะมาสอนธรรมะทุกวันพุธ เป็นธรรมะที่อิงอยู่กับชีวิตจริง เพราะชีวิตเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกขณะ
วิธีการแนะแนวของปัญญาประทีปจะดูแลทั้งพฤติกรรม ความคิด ความเชื่อ ทั้งกลุ่ม และรายบุคคล โดยเอาชีวิตจริงเป็นโจทย์ มาอยู่ที่นี่ (จ.นครราชสีมา) เด็กต้องฝึกฝืนมาก และเมื่อมาใหม่ๆ เขาแตกต่างกันมาก ครูแจ๊ดจึงชวนเด็กผู้หญิงทุกคนมานั่งดื่มช้อกโกแล๊ตร้อนกันที่ห้องนอนของครูแจ๊ด แล้วชวนให้เด็กๆ ตอบคำถาม ชวนให้ร้องเพลง จนได้พบจุดร่วมกันคือทั้ง ๘ คนรักเสียงเพลง ครูแจ๊ดเลยชวนพวกเขาตั้งวง Girl Band วงแรกของโรงเรียนขึ้น ซึ่งการเกิดวงนี้เป็นความลับมาก จะเปิดวงครั้งแรกในงาน “โตก่อนโต” วันพรุ่งนี้
โตก่อนโต เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นพิเศษเพื่อให้เด็กๆ ได้พบปะพูดคุย และได้รับแรงบันดาลใจจากคนในแต่ละอาชีพ โดยจัดเป็นตารางให้นักเรียนกลุ่มย่อยๆ ได้มาพบกับบุคคลเหล่านั้นได้ กลุ่มละ ๑๕ นาที เพื่อให้พวกเขาได้เติบโตทางสติปัญญา ได้รับรู้ความมุ่งมั่นตั้งใจ และได้ซัถถามปัญหาที่แต่ละคนมีความสนใจใคร่รู้
เด็กแนวปกติ มีกิจกรรมให้นักเรียนเลือกหนังสือที่ชอบอ่าน ๓ เล่ม และเลือกหนังสือที่ส่งเสริมอาชีพในอนาคต ในขณะเดียวกันทางโรงเรียนจะมีแบบฟอร์มใกล้ชิด ให้ผู้ปกครองทำด้วยเพื่อสอบถามความสนใจของลูกในเรื่องต่างๆ เช่น ให้ระบุชื่อของสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ สื่อออนไลน์ ที่ลูกสนใจ ชื่อเพื่อนสนิท และเล่าถึงเพื่อนสนิทของลูก เป็นต้น
นักเรียน ม.๓ เริ่มทำหัวข้อศึกษาเอกเทศเป็นเวลา ๑ ปี ด้วยการตั้งเป้าหมายของตัวเอง เช่น ตั้งเป้าว่าจะดูภาพยนต์ ๓๐ เรื่อง เพราะอยากเป็นนักวิเคราะห์ภาพยนต์ เมื่อจบปีมีการประเมินว่าทำได้แค่ไหน เพราะเหตุใด
เด็กแนวภาคค่ำ เป็นกิจกรรมสอนบทบาทชายหญิงโดยแยกกลุ่มกันพูดคุยในเรื่องต่างๆ เช่น พาดูมิวสิควิดีโอเพลงฟิเจอริ่ง ของเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ แล้วถามว่าหนูคิดอย่างไร ไม่มีคำตอบให้ แต่การอี๊ (ปฏิเสธ) ของเด็กแต่ละคนจะช่วยสอนกันเอง
หรือการมีตัวอย่างของ สุภาพบุรุษจุฑาเทพ VS สมบุรุษปัญญาประทีป (คุณครูผู้ชายของโรงเรียน) และ สุภาพสตรีจุฑาเทพ VS สมสตรีปัญญาประทีป (คุณครูผู้หญิงของโรงเรียน) มาให้ดู เป็นต้น
ระบบ “ต่อเทียน” pay it forward เป็นการมอบหมายให้พี่น้องดูแลกันเอง พี่น้องเมตตาต่อกันด้วยพรหมวิหาร ๔ มีการตั้งกลุ่ม หาน้องมาเข้ากลุ่ม ตั้งชื่อที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับชีวิตที่โรงเรียน พบว่าชื่อที่พวกเขาตั้งออกมาสะท้อนถึงคุณค่าที่ครูคาดไม่ถึง
พี่ต้องใช้พลังความสามารถที่มีทั้งหมดร่วมกัน เมื่อเขาได้พลัง เขาก็จะดูแลน้องได้ด้วยการแบ่งรับ แบ่งสู้ คือต้องแบ่งหน้าที่กันทำ และสู้ด้วยกัน กลุ่มพี่จะจัดกิจกรรมทานข้าวกับน้อง ทำเวรกับน้อง และอื่นๆ พวกเขาได้มาเล่าให้ฟังว่าเหนื่อยมากที่ต้องตามน้องตอนน้องหนีเวร
* ระเจ้า เป็นศัพท์ของกลุ่มวัยรุ่นใน พ.ศ.นี้ กร่อนมาจากคำว่า พระเจ้า
กิจกรรมตื่นรู้
Open Approach และ Lesson Study เป็นแนวทางที่เรียนรู้มาจากโรงเรียนรุ่งอรุณ และโรงเรียนเพลินพัฒนา เมื่อนำ Open approach และ Lesson Study มาทดลองใช้ ทำให้เข้าใจกระบวนการชัดเจนขึ้น แต่ก็เกิดปัญหาติดขัดหลายประการ เพราะที่โรงเรียนปัญญาประทีปยังไม่มีคนที่รู้จักและเข้าใจใน Open Approach และ Lesson Studyในขั้นที่แนะนำคนอื่นได้
คุณครูปาด – ศีลวัต ศุษิลวรณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ โรงเรียนเพลินพัฒนา ได้ให้ข้อเสนอแนะในประเด็นนี้ว่าสามารถเลือกเส้นทางที่จะดำเนินด้วยการลุยเองอย่างที่โรงเรียนเพลินพัฒนาทำอยู่ หรืออาศัยเส้นทางที่ผู้เชี่ยวชาญวางเอาไว้อาศัยโจทย์สถานการณ์ ทำไปบนแบบเรียน ด้วยกระบวนการ OA อย่างที่โรงเรียนรุ่งอรุณทำอยู่ก็ได้ แต่ตอนนี้ปัญญาประทีปไม่ได้เริ่มจากศูนย์ เพราะสามารถเริ่มไปบนทุนเดิมของทั้งสองโรงเรียนที่นำร่องไปก่อนหน้าแล้ว
Lesson Study
Open approach
คุณครูอ้อ – ชัชฎาภรณ์ ศิลปสุนทร ผู้ช่วยครูใหญ่ฝ่ายประถมโรงเรียนรุ่งอรุณ เสนอแนะเพิ่มเติมว่าจากประสบการณ์ในการทำ BBL ในวิชาภาษาไทย ที่ครูต้องมาตีความหลักการเอาเอง พบว่า กลุ่มครูภาษาไทยเหนื่อยกว่ากลุ่มครูคณิตที่มีตำรา และมีโจทย์การเรียนรู้จัดไว้ให้แล้ว ทำให้ครูสามารถมุ่งไปทำงานพัฒนาตัวเองเพียงอย่างเดียว
ไม่มีความเห็น