“พรุ่งนี้นักเรียนชั้น ม.4 ทุกคนอย่าลืมไปทำบุญตักบาตรนะคะ
พบกันที่วัดศรีนวล เวลา 07.00 น. ค่ะ”
เป็นเสียงประชาสัมพันธ์จากกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
หลังจากประชาสัมพันธ์ประกาศเสียงตามสายเพื่อเตือนนักเรียนก่อนเดินทางกลับบ้านหลังเลิกเรียน
... ปิติพล วิ่งกระหืดกระหอบมาหาผู้เขียนซึ่งนั่งพักผ่อนอยู่ตรงเก้าอี้ยาวลานน้ำตกของโรงเรียน
พอมาถึงปิติพลก็ทำความเคารพแล้วนั่งแหมะลงกับพื้น(ผู้เขียนนึกชมในใจเด็กคนนี้น่ารัก)
ผู้เขียนบอกให้ขึ้นมานั่งเก้าอี้ด้วยกัน ปิติพลก็บอกไม่เป็นไรครับผมนั่งตรงนี้ดีกว่า
ผู้เขียนก็ตามใจ ปิติพลเป็นเด็กใหม่ คือเป็นเด็กจากโรงเรียนอื่นมาสอบเรียนต่อระดับม.ปลาย
ที่โรงเรียนแห่งนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่เข้าร่วมกิจกรรมทำบุญตักบาตรในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา
ซึ่งกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม
ได้ทำโครงการนี้ทุกปี ...จึงเป็นเรื่องใหม่สำหรับปิติพล ...
ปิติพล: คุณครูครับ ทำบุญตักบาตรพรุ่งนี้ใส่อาหารสดหรืออาหารแห้งครับ...
ปิติพลถามพร้อมกับเงยหน้ามองครู เพื่อรอคำตอบ
ผู้เขียน: เขาไม่ได้กำหนดนะลูกว่าให้ใส่อาหารสดหรืออาหารแห้ง
ปิติพล :ครับ
ผู้เขียน : แล้วตกลงจะเลือกประเภทไหนหละลูก
ปิติพล : ผมว่าผมจะเลือกใส่อาหารแห้งครับ...
ผู้เขียน : เพราะ...
ปิติพล : นักเรียนไปทั้งระดับ ม. 4 ...นักเรียนม. 4. มี 15 ห้อง โดยเฉลี่ย ห้องละ 40
รวมก็ประมาณ 600 คน ผมว่าอาหารที่นำมาตักบาตรต้องเยอะมากครับครู
ถ้าเป็นอาหารสด กลัวพระท่านจะฉันท์ไม่หมด จะเน่าเสียเปล่าๆ
ผมว่าถ้าใส่บาตรอาหารแห้งที่สามารถเก็บไว้ได้นานๆ
ถ้าวันใดฝนตกหนักๆพระท่านมาบิณฑบาตไม่ได้ ก็จะได้ฉันอาหารที่เก็บไว้ได้ครับ...
ผมจะใส่บาตรข้าวสาร อาหารแห้งครับครู...
ผู้เขียน: หนูคิดได้รอบคอบดีจังเลยลูก...หนูรู้ไหมที่วัดศรีนวลเปิดโรงเรียนสอนสามเณร
และพระภิกษุด้วย...เณรเยอะมากเดี๋ยวหนูก็จะเห็นวันพรุ่งนี้...ข้าวสาร อาหารแห้ง
คงเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลเลยหละ...
ปิติพลนั่งสนทนากับครูพอสมควรก็ขออนุญาตไปเตรียมของเพื่อทำบุญตักบาตรในวันรุ่งขึ้น...
ในวันรุ่งขึ้น วันที่ 14 สิงหาคม 2556 ตรงกับวันพุธ ผู้เขียนต้องแต่งเครื่องแบบลูกเสือ
เพราะว่าวันนี้มีสอนเนตรนารีระดับชั้น ม. 1 (เพื่อนครูแซวว่าวันนี้แม่เสือพาลูกเข้าวัด)
ผู้เขียนถึงวัดศรีนวลเวลา 06.45 น. พร้อมกับสำรับที่จะใส่บาตร
และถุงปัจจัยที่นักเรียนแต่ละห้องบริจาค ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินเหรียญ
เป็นจำนวนเงิน2,578.50 บาท (หนักพอสมควรแต่หนักบุญค่ะ)
สามเณรกำลังจัดเตรียมสถานที่เพื่อรอรับนักเรียนที่จะมาทำบุญตักบาตร
...ปิติพลมาถึงวัด ประมาณ 07.10 น. พร้อมกับถุงพลาสติกขนาดใหญ่ในนั้นมีสำรับที่จะใส่บาตร
จำนวน 5 ชุด ประกอบด้วย ข้าวสาร มาม่า ขนมปังอบ ซึ่งทั้งสามอย่างแพ็ครวมในถุงเดียวกัน
จัดเป็นชุด 5 ชุดอย่างสวยงาม ผู้เขียนทักว่าจัดได้สวยจัง ปิติพลยิ้ม แล้วตอบว่า
แม่เป็นคนจัดให้ครับ ... แต่ของใส่บาตรทั้งหมดผมซื้อเองครับ...
ผมเป็นคนกรอกข้าวสารใส่ถุงครับ แต่ที่จัดเป็นชุดแม่จัดให้ครับ
แม่บอกว่าถ้าหยิบทีละอย่างใส่บาตรจะช้า เพราะว่านักเรียนมีจำนวนมาก
จัดเป็นชุดเวลาใส่บาตรจะใช้เวลาน้อยและสะดวกครับ” ครูครับทำไมนักเรียนมาน้อยจังครับ
...ผู้เขียนตอบว่า เจ็ดโมงครึ่งก็เต็มศาลาแล้วลูก ...หนูขึ้นไปนั่งรอเพื่อนบนศาลาเลยนะครับ...
นักเรียน ม. 4 ปีนี้มาทำบุญกันมากจริงๆ ศาลาวัดขนาดใหญ่มากๆ
นักเรียนยังล้นออกมาข้างนอก ผู้เขียนยิ้มไม่หุบดีใจ สุขใจ
ยิ่งเห็นนักเรียนแต่ละคนมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่ใส ผู้เขียนสุขใจจนบอกไม่ถูก ...
วันนี้ตรงกับวันพระพอดี จึงมีชาวบ้านมาทำบุญกันหนาตา
ศาลาใหญ่ดูแคบไปถนัด หลังจากเสร็จสิ้นพิธีใส่บาตรหลวงพ่อเจ้าอาวาสก็แสดงธรรม
ให้นักเรียนฟังในเรื่อง “ทำบุญอย่างไรให้ได้บุญ” โดยหลวงพ่อให้ความสำคัญ
ที่สิ่งของที่นำมาทำบุญ ท่านว่าการทำบุญที่ได้บุญนั้น คนที่ทำจะต้องไม่เบียดเบียนตนเอง
มีน้อยก็ทำน้อย มีมากก็ทำมาก คืออย่าให้ตนลำบาก ถ้าไม่มีเงินจะซื้อของมาทำบุญ
ก็มากับเพื่อนนี่แหละ ยกมือใส่หัว ตั้งจิตตั้งใจฟังธรรมก็ถือว่าได้บุญ
ไม่ใช่ว่ามาทำบุญตอนเช้าแต่ไม่มีเงินกินข้าวเที่ยง ต้องอดข้าว ปวดท้อง เรียนก็ไม่
รู้เรื่องเพราะหิว ..แบบนี้เขาเรียกว่าทำบุญได้บาป ...นักเรียนต้องรู้จักตนเองก่อนอย่างมีสติ
..แล้วจะทำให้เรารู้จักคนอื่นอย่างมีสติเช่นกัน...ฯลฯ รับศีลรับพรเสร็จก็เป็นเวลา 08.10 น. ครูและนักเรียนก็เดินทางกลับโรงเรียนซึ่งระยะทางโรงเรียนกับวัดห่างกันประมาณ 400 เมตร เดินทางถึงโรงเรียนก็ประมาณ 7-10 นาที ...ช่วงเดินทางกลับโรงเรียน ปิติพลเข้ามาคุยด้วย บอกว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ทำบุญกับคนจำนวนมากขนาดนี้และเป็นครังแรกที่เห็นของใส่บาตรมากมายอย่างนี้ ...ผู้เขียนถามว่า หลังจากทำบุญรู้สึกอย่างไร ...ปิติพลบอกว่า สุขใจครับ ก็เหมือนทุกครั้งที่ได้ทำบุญ แต่ครั้งนี้ดูตื่นเต้นและยิ่งใหญ่ครับ...และผมดีใจครับที่ผมได้ทำเหมือนหลวงพ่อสอนที่ผมทำบุญเท่าที่ผมพอทำได้ ครั้งแรกผมอยากทำสำรับใส่บาตร 9 ชุดครับ เพราะผมได้ยินคนเขาพูดกันครับว่าทำบุญครบ 9 ชุด จะทำให้เรามีความก้าวหน้าในชีวิตครับ แต่เงินผมมีไม่พอ คือต้องใช้จ่ายซื้ออย่างอื่นด้วยครับ ผมก็เลยทำมา 5 ชุด ก็ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดรมารดา ครู-อาจารย์ ครบองค์ 5 เหมือนที่ครูเคยสอนในห้องเรียนไงครับ แล้วปิติพลก็หัวเราะ...เป็นเสียงหัวเราะที่ทำให้ ทุกคนอยากได้ยิน...
ผู้เขียนเองก็ภูมิใจ กิจกรรมที่นักเรียนได้ลงมือทำเอง ได้เรียนรู้กับผู้รู้จริง(หลวงพ่อ)
ทำให้เด็กเกิดความเชื่อมั่นและศรัทธา ...ความศรัทธาเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการดำเนินชีวิต
เพราะถ้าเราศรัทธาในความดี...เราก็มุ่งมั่นที่จะทำดี...ตามคำสอนของพระพุทธองค์...
ลูกๆชาวนางฟ้า รู้จักและเข้าใจ คำว่าพอดีสำหรับตน ....
ดั่่งอัตลักษณ์ของนักเรียนโรงเรียนของเรา “ลูกนางฟ้าพอเพียง”
แม่เสือพาลูกเข้าวัด
...ทำสิ่งที่ดีมีความสุขนะคะ
ขอบคุณค่ะ วศิน ชูมณี ที่เข้ามาเยี่ยมชม
สวัสดีครับครูมุกครับ
ขอบคุณครูมุกอีกครับครับ
ขอบคุณ ดร.ต๋อย ฤทธิไกร มหาสารคามที่ให้ข้อเสนอแนะค่ะ แล้วจะบอกปิติพลให้นะคะ
"ตามพระวินัยแล้ว พระสงฆ์จะไม่สะสมอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอาหารแห้งหรืออาหารสดครับ อาหารแห้งที่เรานำมาถวาย ส่วนใหญ่แล้ว ท่านจะนำไปทำทานต่อไป "
มีคำถามค่ะ
1. ถ้าเป็นกรณีที่ เมื่อท่านรับบิณฑบาตรแล้ว อาหารแห้งที่สามารถเก็บไว้นาน ท่านนำไปมอบให้โรงครัวของวัด ให้โยมที่มีหน้าที่เกี่ยวกับโรงครัวเจ้าหน้าที่โรงครัวทำมาถวายในยามที่จำเป็นเช่น กรณีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน กรณีน้ำท่วม พระท่านผิดวินัยหรือไม่คะ
2. กรณีที่วัดเป็นสถานศึกษาของสามเณรและภิกษุสงฆ์ที่มีจำนวนมาก ถ้าพระท่านนำไปมอบให้โรงครัว โดยที่ตัวท่านเองไม่ได้สะสมอาหาร ท่านทำผิดพระวินัยหรือไม่คะ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำตอบค่ะ
-สวัสดีครับครู..
-ตามแม่เสือมาเข้าวัดครับ
-น้องๆ คงสุขใจที่มีแม่เสือพาไปทำบุญ
-ปิติพล...ตั้งใจเรียนนะครับ..รับรอง..ก้าวหน้าแน่นอน...ฮ่า ๆ
-ขอบคุณครับ
คุณครูเก่งมากๆๆๆเลยครับ
คุณหมอ เล่า
พระเป็นลม ....เล่าต่อ เรื่องเก็บอาหารถวายพระครับ...
…วันนี้เช้าวันอาทิตย์ครอบครัวของเราเอาอาหารเช้าไปถวายพระ เณร ทั้งหมด 136 รูป เราเป็นครอบครัวเดียวของเช้านี้ในวัด ไปบ่อยจนพระคุ้นเคยกับครอบครัวเราแล้ว ลูก2 คนก็คุ้นเคยกับการใกล้วัดทำบุญ นี้เป็นกิจกรรมที่ครอบครัวเราตั้งใจจะทำตลอดตราบที่มีพระศาสนาและชีวิตนี้ เมื่อวานวันเสาร์ก็ไป พบ 3 ครอบครัว ดีใจมากเมื่อพบว่ายังมีครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับการทำบุญตามกาลอันสมควรและสั่งสอนทายาทแห่ง ฆราวาสที่ปฏิบัติดี เพื่อเพิ่มศรัทธา เพื่อเป็นอุปถัมภ์ อุปัฏฐากแก่เหล่ากอของพระสมณะเจ้า
เช้าวันนี้...มีเหตุการณ์ พระภิกษุรูปหนึ่งกำลัง อาพาธเป็นลม ตัวซีด เหงื่อเย็น หลังจากกลับบิณฑบาตร มีพระ 2-3 รูปกำลังปฐมพยาบาล พระเณรที่เหลือนั่งเตรียมฉันเช้าทั้งศาลา แต่ยังไม่เริ่มฉันก็หันมามองแบบส่งใจช่วยกัน ผมไปถึงแต่เช้า7.30 นกำลังเห็นเหตุการณ์ ซักถามประวัติ พบว่าท่านเป็นไข้หวัด มา1 สัปดาห์ ฉันยาหวัด มีโรคตับเป็นโรคประจำ เมื่อวันฉันมื้อเช้าอย่างเดียว และไม่ได้ฉันอะไรอีก 24 ชม. ผมและภรรยา เธอก็เป็นหมอเหมือนกันช่วยกันซักประวัติ เห็นเบื้องต้นว่าท่าน ขาดน้ำและกลูโคสต่ำ ผมรีบเข้าไปในโรงครัวที่เก็บอาหารมองหาเครื่องดื่มรสหวานสักอย่าง เจออยู่1/2 ขวดที่ดูเหมือนเก็บไว้นานแล้ว รีบละลายน้ำแล้วชงให้ท่านดื่ม นอนพักสักครู่ก็ลุกขึ้นนั่งได้และฉันเช้าได้ แจ้งกับโยมที่ดูแลวัดว่าถ้าไป รพ.ให้เบอร์โทร.ตามผมได้ ตรวจเลือดเช็คก็น่าจะเป็นการดี
สิ่งนี้ได้เกิดการเรียนรู้หลายประการ 1.ผมนึกถึงประโยชน์ของการมีโรงครัวไว้สำหรับเก็บอาหาร เครื่องดื่ม น้ำหวาน แต่ต้องมีคนโยมจัดการ เรื่องนี้ผมต้ังใจว่าต้องเล่าให้คุณครูมุก ทราบ
2.ลูกผมเห็นเหตุการณ์ สามัญสำนึกช่วยผู้อื่นเกิดโดยมิรีรอ เรียนรู้จากการเป็นต้นแบบพ่อแม่ (role model) โดยเฉพาะการช่วยพระภิกษุ อาพาธ พระพุทธองค์ท่านเทียบกุศลกรรมเท่ากับการอุปัฏฐากพระพุทธเจ้าทีเดียว สิ่งนีเด็กๆ เรียนแบบตัวอย่างจากคุณครูและผู้ใหญ่ในสังคมได้เช่นกัน เช่นการไหว้พระภิกษุ ผู้ใหญ่เมื่อเดินผ่าน ช่วยหิ้วถือภาระสิ่งของ
3.เราคิดว่าพระเณร ควรได้ตรวจเช็คสุขภาพบ้างเพื่อ ท่านจะได้แข็งแรง สืบสาน ท่องสาธยาย รักษาพระสัทธรรมไว้ยืนยาว ( ผมกำลังวางแผนให้เป็นโครงการสร้างเสริมสุขภาพประชาชนแก่นักเรียนแพทย์ครับ)
….ทั้งหมดนี้ เป็นกุศลกรรมหรือ อกุศลให้ผล บ้างก็ตาม ในวงเวียน วกวน วุ่นวาย แห่งระบบสังสารวัฏ ที่เรื่องนี้ปรากฎ เพราะ go to know มีส่วนทำใำ้ห้ครูมุก สอบถาม.. อาหารแห้ง.. และผมก็บังเอิญมาอ่านเข้า กุศลอื่นก็เกิดต่อๆ ตามๆ ใครมาอ่านเจอเข้า ก็เป็นสุตะมยปัญญา ( ความรู้จากการเล่าสู่กันฟัง) แต่เป็นกุศลวิปาก(วิบาก แปลว่า ผล ไม่ได้หมายความว่า ลำบาก หรือกรรมไม่ดีแต่อย่างใด) ของท่านเอง ที่อ่านมาถึงวรรคนี้
พระธรรมวินัยที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้วของพุทธบริษัทหรือชาวโลก คือ ความงดงาม และความสงบ สง่าองอาจ ที่นอกเหนือไปจากความงามและสงบตามธรรมชาติ ...ขอให้ความงดงามที่หยั่งลงในใจท่านแล้วได้ทำงานอย่างองอาจเถิด เพื่อเป็นภาวนามยปัญญา(ความรู้และความสุขที่เกิดจากการปฏิบัติ)