Kham, TIBET


Prilgrimage to the Heart of Kham (Tibet)

ประทับใจการไปแสวงบุญที่แคว้นคาม (ทิเบต)
 
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่กุหลาบได้ไปแสวงบุญที่ทิเบต นำโดย รศ. ดร. กฤษดาวรรณ หงศ์ลดารมภ์ ประธานมูลนิธิพันดารา โดยครั้งแรกได้ไปที่ลาซาและภาคกลางของทิเบตรวม 7 วัน (10 - 17 สิงหาคม 2554) จากความประทับใจครั้งนั้น ทำให้กุหลาบมีความมั่นใจในการนำทางของมูลนิธิพันดาราและมีศรัทธาสูงในการไปแสวงบุญที่ทิเบตมากขึ้น จึงได้ร่วมเดินทางไปแคว้นคามกับมูลนิธิอีก ซึ่งครั้งนี้ทำให้ กุหลาบมีโอกาสได้พบ กัลยณมิตรใหม่ ๆ มากขึ้น ได้ทำกิจกรรมการกุศลทุกวัน ได้กราบอัษฎางคประดิษฐ์ เคียงคู่ไปกับชาวทิเบตแท้ ๆ  ได้สวดมนตราบทสำคัญ ๆ  เป็นภาษาทิเบต ได้ถวายดวงประทีป ดอกไม้ ตะเกียงน้ำมันเนย ถวายมันดาลา และทำสมาธิในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ได้ถวายสบงจีวร เป็นสังฆทานแด่พระสงฆ์ชาวทิเบต ได้ร่วมทำบุญตามวัดต่าง ๆ และได้ร่วมทำบุญกับโรงเรียนที่วัดให้ความอุปถัมภ์ เป็นต้น

With the pleasingly achievement of the first Tibetan pilgrimage 7-day trip to Lhasa and central Tibet conducted by Prof. Dr. Krisdawan Hongladarom, the Chairman of Pandara - the Thousand Stars Foundation which I joined in August 2011, my belief and confidence in the Foundation solidly goes stronger which leads to my same nature Trip to Kham.

Throughout the Kham trip, we have prayed alongside the Tibetans with their traditional way of worshipping (Asdangka Pradit-praying with 8 body parts touching the earth with humbleness), praying the Tibetan prayers, making merit and offerings of monk robes and necessity items we brought along from Thailand and Sichuan, China.

แคว้นคามเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยภูเขาสูงและหุบเขามากมายหลายลูก การเดินทางไปสถานที่เช่นนี้ จึงไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่เรียบง่าย นอกจากอากาศที่เบาบางมากเมื่อขึ้นสู่ภูเขาที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 5,000 เมตร และการเดินทางบนถนนแคบ ๆ ที่ขรุขระ ซึ่งสร้างด้วยดินและก้อนหินหยาบ ๆ จากภูเขา ตลอดเส้นทางอันยาวไกล อุปสรรคระหว่างการเดินทางจึงมีมากมาย ทำให้คาดการณ์ได้ยากว่าจะถึงที่หมายเวลาเท่าใดในแต่ละวัน จุดหมายที่จะไปทุกแห่งล้วนแต่ต้องเดินต่อด้วยเท้าทั้งสิ้น ทำให้รู้สึกเหน็ดเหนื่อย หายใจได้ลำบากขึ้น รู้สึกคลื่นไส้ จนต้องอาเจียน และไม่มีแรง ตัวกุหลาบเองก็อยู่ในอาการเช่นนั้นอยู่เป็นระยะ ๆ  แต่ด้วยความรู้ ความชำนาญ ประสบการณ์ และความคุ้นเคยในแค้วนคาม กว่าสิบกว่าปีของอาจารย์กฤษดาวรรณ และอาจารย์เยินเต็น อาจารย์ผู้ช่วยชาวทิเบตของท่าน ที่ดูแลทุกคนอย่างใกล้ชิด ให้คำแนะนำก่อนและระหว่างการเดินทาง เตรียมยาสมุนไพรของทิเบต และอ๊อกซิเจน เพื่อปรับร่างกายให้เข้ากับระดับความสูงเป็นระยะ ๆ ทุกวัน ทำให้พวกเราประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย มีความสุขและความประทับใจในการเดินทางทุกคน

Kham has a rugged terrain characterized by mountain ridges and gorges running from northwest to southeast. For unfamiliar visitors like us, a trip to a place like this is a very extraordinary experience. The high altitude of about 5,000 meters above sea level and the thin air made some of us feeling sick, some with a slight dizziness, unsettled stomach, headache and others with a slight breathing problem which requires an oxygen mask from time to time.  Although we were somewhat adapted to the condition as we traveled along, yet some of us including myself experienced sickness for half of the trip.
We all have been in good hands of Dr. Kris and her Tibetan assistance, Ahjarn Meu Yontan, who has more than a decade of experience in Kham, took the troubles intently looking after all of us throughout this adventure.

ด้วยความมุ่งมั่นและแรงศรัทธาในการเดินทางที่ทุกคนมี สิ่งที่เป็นอุปสรรคที่เล่ามานั้นมันเล็กน้อยมาก  เมื่อเทียบกับการที่เราชาวพุทธ มีโอกาสสักครั้งหนึ่งในชีวิต ได้ไปสัมผัส  กราบไหว้ ทำบุญ ทำสมาธิ และประกอบการกุศล ณ ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ อาจารย์ได้นำพวกเราไปทุกที่  ทุกแห่งที่เป็นพุทธสถาน อันศักดิ์สิทธิ์ ของแคว้นคามโดยไม่ย่อท้อ ต่อความเหนื่อยยาก
ประสบการณ์ในการเดินทางไปแสวงบุญที่คามคราวนี้ กุหลาบรู้สึกตื่นตะลึงกับทิวทัศน์อันงดงามตลอดเส้นทางการเดินทางในคาม ท้องฟ้าเป็นสีครามเข้มตัดกับเมฆสีขาวนวลรูปร่างแปลก ๆ ตามจินตนาการของแต่ละคน ความเขียวชอุ่มราวกำมะหยี่ของเทือกเขา อันแสดงถึงความเป็นป่าที่สมบูรณ์ที่สุด มองดูเป็นลูกคลื่นที่นุ่มนวล แม้ในฤดูร้อนเช่นขณะนี้ยอดเขาบางแห่งก็ยังคงมีหิมะปกคลุมอยู่บ้าง ทำให้ดูเป็นสีเงินตัดกับสีเขียวของต้นไม้และสีครามเข้มของท้องฟ้า ช่างสวยงามจริง ๆ  ส่วนบนพื้นดินก็มีดอกไม้ป่าเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นดอกเล็ก ๆ สีม่วง สีคราม เหลือง แดงก่ำ ชมพูสดใส ชมพูจาง ขาว และฟ้าใส บ้างก็ชูช่อสูงเป็นดอกเดี่ยว ๆ บ้างก็เป็นกลุ่มเป็นพุ่ม  บ้างก็อยู่ระดับติดหินและดิน ส่วนลำธารน้ำใสก็ไหลเย็นเป็นทาง บางแห่งก็เชี่ยวมาก มีให้เห็นตลอดเส้นทาง บางแห่งก็เห็นทางน้ำไหลคดเคี้ยวลงมาจากภูเขา คล้ายดังน้ำตกเล็ก ๆ แคว้นคามได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งแม่น้ำ 4 สาย คือแม่น้ำโขง สาละวิน แยงซี และยาลอง ฉะนั้นจึงมีธรรมชาติที่สวยงามที่นักถ่ายรูปชาวอเมริกัน และยุโรปนิยมจัด    ทริปมาเก็บภาพประทับใจในฤดูหนาวที่คามแห่งนี้

But these problems are nothing when we take it that this is  a once-in-a-lifetime of a Buddhist to have an opportunity to visit and pray for, including merit making in this holy land.  Dr. Kris has shown us numerous sacred Buddhist Temples in Kham, some located in very remote areas, where access roads are very rough and curving along the mountainside, making some of us (including me) feeling sick. 
Despite all of the obstacles, with our faith and determination, we all are very happy and feel highly accomplished to have made it to our destination.

กุหลาบได้เรียนรู้ทั้งด้านศาสนา วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ได้ประจักษ์ในหัวใจอันแข็งแกร่ง อดทนได้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เป็นมิตร ต้อนรับคนต่างถิ่น สิ่งที่กุหลาบรู้สึกชื่นชมคนทิเบตมากที่สุดคือ การที่เขาใช้ชีวิต ด้วยการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างดีเยี่ยม กลมกลืนกับธรรมชาติอย่างยิ่ง  และประการสำคัญที่กุหลาบชื่นชมที่สุดคือ ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของชาวทิเบต ที่เห็นได้อย่างชัดเจน และมีอย่างมากมายและไม่เหมือนกับพุทธศาสนิกชนชาติใดในโลก กุหลาบได้เห็นมนตราบนภูเขาสูงที่สลักเป็นอักษรทิเบตอย่างงดงามเป็นสีขาว และธงมนตราห้าสี บนเทือกเขาสูงสีเขียวมองเห็นได้อย่างเด่นชัดอยู่ทั่วไปในแคว้นคาม เช่นเดียวกับวัดและพระสถูปที่ชาวทิเบตมักสร้างไว้บนที่ที่สูงที่สุดเสมอ เมื่อเขากราบพระพุทธรูป เขาก็จะกราบอย่างนอบน้อมที่สุดที่เรียกว่าแบบ    อัษฎางคประดิษฐ์ (มือสอง เข่าสอง เท้าสอง ศีรษะ และท้อง รวมแปดส่วนแนบพื้น) พร้อมกับการภาวนาไปด้วย บางคนก็กราบจากสถานที่สำคัญทางศาสนาในเมืองหนึ่ง ไปสิ้นสุดที่อีกเมืองหนึ่งด้วยระยะทางเป็นร้อย ๆ กิโลเมตร ผ่านเส้นทางที่เป็นภูเขาและหุบเขา เช่นจากวัดลาคังที่แคว้นคาม ไปสิ้นสุดที่วัดโจคัง เมืองลาซาซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปโจโวริมโปเช (หรือที่เรารู้จักในชื่อพระศรีศากยมุนี) เช่นเดียวกันทั้งสองแห่ง เป็นต้น

Throughout the trip, we have experienced and learnt many aspects of the Tibetans, being highly revered religion - Buddhism, unique cultures, simple ways of living. Tibetans are very adaptive to their unfavorable surrounding nature and landscapes. Despite these hardships, Tibetans do take life positively and are always friendly to visitors. For Tibetans, Buddhism is the center of their life and is practiced with highest respects. The unique way of praying, Asdangka Pradit- a prostration praying with 8 body parts (both hands, both knees, both feet, stomach, and a head) touching the earth with humbleness. It is not uncommon scenes to see Tibetans do their Asdangka Pradit praying along passages from one sacred town to another which is far away, sometimes up to hundreds of kilometers away as part of their worshipping and showing the highest offering they can give.

ทั้งหมดที่บรรยายมานี้กุหลาบยังไม่ได้พูดถึงความประทับใจในความสวยงามของศิลปกรรมแบบทิเบต ซึ่งมีเอกลักษณ์และสีสันงดงามเฉพาะตัว ซึ่งจะเห็นได้จากวัด พระสถูป อาคารบ้านเรือน เและสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ มากมายในแคว้นคาม

In addition, we are very impressed with the unique Tibetan arts which display a very colorful and distinctive style found on temples, stupas, buildings around Kham.

การไปแสวงบุญที่คามคราวนี้ แม้เราต้องเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง เจ็บป่วย ปวดศีรษะจนต้องอาเจียนหลายครั้ง และหลายวัน  กุหลาบก็ยังรู้สึกถึงความคุ้มค่าที่มีโอกาสได้ไปทริปนี้ หากให้เลือกตัดสินใจใหม่ได้ ว่าจะไปแสวงบุญแบบนี้อีกหรือไม่ กุหลาบก็ยังมั่นคงและตัดสินใจว่าไปแน่นอนเช่นเดิม

ขอขอบพระคุณอาจารย์กฤษดาวรรณ หงษ์รดารมภ์ อาจารย์เยินเต็น และเพื่อนร่วมทางทุกท่านที่เป็นกัลยาณมิตรที่น่ารัก ให้ความเอื้ออารี ห่วงใย ช่วยเหลือในยามที่กุหลาบและเพื่อนเจ็บป่วย ทำให้การแสวงบุญครั้งนี้มีความสุข มีความประทับใจมากตลอดการเดินทางทั้งแปดวันในทิเบตค่ะ _/|\_

Despite all of the difficulties and hardships we faced during the trips, we feel that this visit is really a worthwhile experience and would not hesitate to recommend it, and I will definitely do it again if there is such an opportunity.

We are thankful to Ahjarn Dr. Krisdawan and Ahjarn Meu Yontan for leading and educating, guiding and taking good care of us around Kham. This  makes our pilgrimage trip beautifully successful and a true Tibetan experience for us all.  Lastly, thanks for a good companion to all of the tour members.

This Pilgrimage Trip will always be remembered and happily cherished by us all.

Till we meet again…..

หมายเลขบันทึก: 544935เขียนเมื่อ 8 สิงหาคม 2013 06:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 กรกฎาคม 2014 13:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ดีใจมากที่ได้อ่านบันทึกของคุณกุหลาบ เป็นบันทึกที่ทรงคุณค่ามาก สำหรับคนที่ไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างแดนอย่างผม

เป็นบุญตาและบุญใจมากครับ

ขอบคุณครับ

ขอขอบคุณ"พี่หนาน" มากค่ะที่ให้ดอกไม้กุหลาบเป็นคนแรก และให้กำลังใจที่มีค่ายิ่งนัก _/|\_ 

ดีจังคับได้มีโอกาสทำกิจกรรมแบบวิถีพุทธที่แตกต่าง

ขอบคุณครับทำให้ได้ฝึกภาษาไปด้วยครับ

อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ...เป็นบันทึกที่งดงามทั้งเรื่องราว และภาพนะคะ...ขอบคุณค่ะ

ขอขอบคุณ อาจารย์ขจิต ฝอยทอง อาจารย์ นงนาท สนธิสุวรรณ อาจารย์ ดร. พจนา แย้มนัยนา อาจารย์ ครูแป๊ว กัลยาณี และ คุณยง  ที่กรุณาให้เกียรติอ่านบันทึกนี้และมอบช่อดอกไม้ให้กุหลาบด้วยค่ะ  

ขอขอบคุณอาจารย์ ดร. พจนา แย้มนัยนา และ คุณยง ที่ได้เขียน commentไว้ให้กุหลาบด้วย รู้สึกดี และมีกำลังใจมาก ๆ ค่ะ   

ขอขอบคุณ ทพญ.ธิรัมภา ที่กรุณาให้เกียรติอ่านบันทึกนี้และมอบช่อดอกไม้ให้กุหลาบด้วยค่ะ  

ขอขอบคุณ คุณ สายนที"๑๙ มากค่ะที่กรุณาให้เกียรติอ่านบันทึกนี้และมอบช่อดอกไม้ให้กุหลาบด้วยค่ะ

  

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท