1.
ลมยังรินโลมไล้ใบไม้ไหว
สะบัดไกว กิ่งริ้ว พลิ้วทุกก้าน
คล้ายมีใครกวักมือเรียกเพรียกอยู่นาน
หวิวๆหวาน ใบไม้ ลมประพรมเพลง
พอลมกล้าแขนแกว่งยิ่งแรงนัก
ราวจะหัก ด้วยลม ขืนข่มเหง
ครั้นลมเบา เจ้าไกว แขนบรรเลง
เป็นมนต์เพลง คนคลายหายร้อนใจ
เมื่อไร้ลม เจ้าไซร้ หยุดไหวนิ่ง
ทุกก้านกิ่ง ความสงบ สยบเคลื่อนไหว
ทุกใบไม้ แน่นิ่ง มิติงกาย
ราวซากไร้ ชีวิต จิตวิญญาณ
เหตุไฉน เมื่อลมเข้า เย้าอีกครั้ง
หวือหวิวดังโหยหวนทวนเพลงหวาน
แม้ลมเจ้าจากไปไกลแสนนาน
รำเพยผ่าน กิ่งก้านไหว เคยคุ้น เคยคุ้น
2.
นี่ต่างจากมิตรภาพกี่มากน้อย
กี่คำถ้อย, คำแนะนำ, คำปลอบอุ่น
กี่กระทำ ทั้งกระด้าง และละมุน
ยังเอิบอาบ กำซาบ อุ่นทุกขุมใจ
แม้ห่างร้างลาไกลไปแสนนาน
มิได้ผ่านพบกันทุกวันไฉน?
เมื่อประสบในดวงตา...เห็นดอกไม้
เกินจะเอ่ย เผยคำใด เหมือนเดิม เหมือนเดิม
(เมื่อประสบในดวงตา...เห็นดอกไม้
มิต้องเอ่ย เผยคำใด เหมือนเดิม เหมือนเดิม)
วันจันทร์ ที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๘
ณ บ้านรุติ รำลึกถึงคืนต่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ กับเพื่อนทุกคน
(รุติ, ตู่, ทัย, บึม, โต้ง, อ้น, ปุ๊ก, จอย, นก, รัตน์, นก จา, เบน, เปิ้ล, โอบะ, อ้อย ฯลฯ ที่มีเพียงหนึ่งเดียว)
เพราะจังครับอาจารย์
ขอบคุมากครับคุณ พ.แจ่มจำรัส