SCAMPER คืออะไร ?


SCAMPER คืออะไร ?

ความคิดสร้างสรรค์ที่แท้จริง ประกอบด้วย

การเห็น สิ่งที่ทุกคนมองเห็น

การคิด สิ่งที่คนอื่นไม่เคยคิด และ

การทำ สิ่งที่คนอื่นไม่กล้าทำ !

SCAMPER พัฒนา โดย Bob Eberle เป็นเทคนิคในการหาคำตอบเพื่อ

ค้นพบความคิดใหม่ (new ideas) ผลิตภัณฑ์ใหม่ (new products)

หรือบริการใหม่ (new services

การใช้เทคนิค SCAMPER

SCAMPER เป็นคำย่อเพื่อใช้ในการตั้งคำถามเพื่อสร้างความคิดใหม่ที่แตกต่าง

ในปัญหาที่เราเผชิญอยู่

S = Substitute (การทดแทน) ลองคิดดูว่า บางส่วนของผลิตภัณฑ์ / กระบวนการ

เราหาสิ่งอื่นมาทดแทนได้หรือไม่ เช่น สตาร์บัคส์ใช้ กาแฟสายพันธุ์ใหม่ เครื่องสำอางใส่

สารต้านอนุมูลอิสระ ไวตามิน สารธรรมชาติ

คำถามที่ใช้ถามเสมอ คือ อะไรที่เราจะนำมาทดแทน เพื่อทำให้ดีขึ้น ? เราจะทดแทน

สถานที่/เวลา/วัสดุ/หรือคนได้อย่างไร ?

C = Combine (การผสมหรือผนวกรวม) เป็นการนำสิ่งสองสิ่งหรือ มากกว่ามารวมกัน

เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ แตกต่างไปจากเดิม เช่น การสร้างรถไฮบริด (ไฟฟ้า+ปิโตรเลียม) เพื่อการประหยัด

และลดมลภาวะ เมดิคอลสปา (การผนวกรวมแพทย์สมัยใหม่กับแพทย์แผนตะวันออก)

เพื่อไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ การทำคอนเวอร์เจนซ์ ผนวกรวมเทคโนโลยีแบบมีสาย,ไร้สาย

อินเตอร์เนท เคเบิลทีวี การโอนเงินและความบันเทิงหลายรูปแบบเข้าด้วยกันเป็น นวัตกรรม

การบริการแบบใหม่

คำถามที่ใช้ถามเสมอคือ จะใช้วัสดุ/รูปแบบ/กระบวนการ/ คน/ผลิตภัณฑ์/ส่วนประกอบใด

มาผนวกรวมกันได้บ้าง

A = Adapt (การปรับเปลี่ยนให้ก้าวหน้า/ดีขึ้น) เช่นการปรับเปลี่ยน แนวคิดของ

โรงพยาบาล (ที่ดูน่ากลัว) ให้มีการบริการ/ความสวยงาม เหมือนโรงแรม ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ของ

Hospitel (Hospital + Hotel)

คำถามที่ใช้ถามเสมอคือ เราจะเปลี่ยนส่วนใดของ ผลิตภัณฑ์ได้บ้าง ? เปลี่ยนไปเพื่ออะไร ?

ถ้าเปลี่ยนแล้วบุคลิกของผลิตภัณฑ์จะเปลี่ยนไหม ?

M = Modify/Magnify/Minify(การดัดแปลงแก้ไข/การเปลี่ยนแปลงรูปแบบคุณสมบัติ/

การขยายให้ใหญ่ขึ้น คุณภาพดีขึ้น/การทำให้เล็กลง/เบาลง/ช้าลง ความถี่ลดลง) เช่น

การคิดค้นจอ LCD แบบพิเศษที่เล็กลง/เบาขึ้นเป็นทั้งจอ TV, จอComputer, จอวงจรปิด ฯลฯ

คำถามที่ใช้ถามเสมอคือ จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราดัดแปลงกระบวนการบางอย่าง ?

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราเพิ่มส่วนประกอบให้มากขึ้น/ใหญ่ขึ้น ?

P = Put to other purposes/uses (การนำไปใช้เพื่อประโยชน์หรือวัตถุประสงค์อื่น)

คิดว่าเราจะใช้ผลิตภัณฑ์/กระบวนการที่เรามีอยู่ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นอย่างไร หรือนำกลับมาใช้

(reuse) ได้อย่างไร หรือจะนำผลิตภัณฑ์ของเราไปขายในตลาดอื่นได้อย่างไร เช่น การนำมูลสัตว์มาทำแก๊ส

การนำวัชพืช มาถักทอเป็นกระเป๋า/เครื่องใช้สำหรับตลาดระดับสูง

คำถามที่ใช้ถามเสมอคือ มีตลาดอื่นไหมที่สามารถใช้ ผลิตภัณฑ์นี้ เราอาจใช้ผลิตภัณฑ์นี้

กับใคร หรือคนที่อื่นได้อีกไหม ?

E = Eliminate (การตัดทิ้ง/การขจัดออก) อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเราตัด บางส่วนของผลิตภัณฑ์/ SM

กระบวนการ/ออกไป หรืออาจจะตัดส่วนนั้นทั้งหมดทิ้ง ถ้าเราเปรียบเทียบดูผลิตภัณฑ์ของใช้ในบ้าน

เช่น เตียงนอน/รถยนต์ในอดีตและปัจจุบันเราจะเห็นการตัดทิ้งหลายส่วนออกไป ทำให้ดูง่าย ๆ

สวยงาม ไม่เทอะทะ

คำถามที่ใช้ถามเสมอคือ จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราตัดบางส่วนออก มีวิธีอื่นที่จะทำให้เรา

สัมฤทธิ์ผลได้โดยไม่ใช้วิธีการที่เราเคยทำไหม?

R = Rearrange/Reverse (จัดระบบใหม่/เปลี่ยนทิศทางใหม่) ลองคิดดูว่าเราจะทำอย่างไร

ถ้าบางส่วนของผลิตภัณฑ์/กระบวนการ/ทำงานกลับทาง หรือแตกต่างจากระบบเดิม หรือจะทำอย่างไร

ถ้าเราต้องเปลี่ยนระบบ/วิธีการทำงานใหม่ เช่น การใช้นักเรียนสอนนักเรียนใช้ตู้เย็นฟอกอากาศ

เป็นต้น

คำถามที่ใช้ถามเสมอคือ จะเกิดอะไร ถ้าเรากลับทิศทางการทำงาน/หรือลำดับการทำงานใหม่

เราจะทำให้เกิดผลในทางตรงกันข้ามได้อย่างไร ลองใช้เทคนิค SCAMPER ดู จะพบว่าสามารถปรับปรุง

และค้นหาความคิดใหม่ ๆ ได้มากมายทีเดียว.

ที่มา รศ.ดร.วิทยา ดำรงเกียรติศักดิ์  คณบดีคณะสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยแม่โจ้


คำสำคัญ (Tags): #scamper
หมายเลขบันทึก: 544572เขียนเมื่อ 4 สิงหาคม 2013 10:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 สิงหาคม 2013 10:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท