GotoKnow

มาลาดอกไม้..ของยายบุญมา (Narrative medicine)

ลูกหมูเต้นระบำ
เขียนเมื่อ 31 กรกฎาคม 2556 00:02 น. ()
แก้ไขเมื่อ 31 กรกฎาคม 2556 08:57 น. ()
“มาลาพวงดอกไม้ มาลาพวงดอกไม้ มาตั้งไว้เพื่อบูชา มาตั้งไว้เพื่อบูชา..”


                           

             ผู้เขียน 

คุณปรานต์พนิตา  นาสูงชน  พญาบาลวิชาชีพชำนาญการ
โรงพยาบาลกุมภวาปี


ภาพจาก www.pixpros.net


     



     ห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่กว้างใหญ่นัก ภายในมีเตียงขนาดกะทัดรัดอยู่สี่เตียงรอบๆเตียงเต็มไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับกู้ชีพและยื้อชีวิตอยู่รายเรียง บางอันมันถูกวางนิ่งทิ้งไว้ไร้คนสนใจเพราะยังไม่ถึงเวลาใช้งาน บางอันมันถูกผูกโยงกับตัวผู้ป่วยส่งเสียงบี๊บๆร้องเตือนคนในห้องเหมือนเรียกร้องความสนใจอยู่ตลอดเวลาฉันกำลังพูดถึงห้อง ICU ห้องที่คนข้างนอกอาจจะรู้สึกว่ามันมีแต่ความวิกฤติและคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายแห่งความหดหู่ สูญเสีย แต่สำหรับฉันกลับรู้สึกเหมือนห้องนี้เป็นละครโรงใหญ่ ที่มีตัวละครหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันมาอยู่ตลอดเวลา พระเอกนางเอกอาจนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียง จิตวิญญาณอาจหลุดลอยไปแล้ว แต่ถูกยื้อต่อลมหายใจด้วยเครื่องมือแพทย์เพื่อรอเวลาคนข้างหลังทำใจยอมรับ เรื่องราวของละครก็มีทั้ง สุข เศร้า มีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะและเสียงร้องไห้คร่ำครวญ เสียงเครื่องไม้เครื่องมือที่ส่งเสียงอยู่ตลอดเหมือนดนตรีประกอบ บางทีมันดังสม่ำเสมอเอื้อยเจื้อยเหมือนดนตรีขับกล่อมเป็นจังหวะ บางทีมันดังระรัวเร่งเร้าเหมือนละครเข้าสู่ช่วงเวลาตื่นเต้นเร้าอารมณ์ ตัวละครและเรื่องราวอาจต่างที่มา แต่ตอนจบของละครมักลงเอยคล้ายๆกัน คือไม่จบด้วยคราบรอยน้ำตาก็จบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หมุนเวียนอยู่อย่างนี้


     ครั้งนี้ก็เช่นกัน ตัวละครเอกในความรับผิดชอบของฉันถูกย้ายขึ้นมานอนยังเตียงสี่ ที่ร้างคนไข้มา2 วัน ยายบุญมา ผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้ายที่เพิ่งมาตรวจพบหลังจากนอน รพ.ได้ 2 สัปดาห์ ยายต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อช่วยทำงานในการแลกเปลี่ยนก๊าซแทนปอดตลอดเวลา หลายครั้งที่ยายหายใจไม่สัมพันธ์กับเครื่องไม่ว่าจะปรับ settingแบบไหน หรือให้ยานอนหลับเพื่อให้ยายได้หลับจะได้หายใจได้สบายขึ้น..แต่ให้ยาไปเท่าไหร่ยายก็ไม่หลับ ยังหายใจต้านเครื่องอยู่ตลอดเวลา ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรให้ยายดีขึ้น ได้แต่คิดในใจว่า“หมดมุขแล้วนะยาย”  แต่ก็พอรู้มาว่าก่อนยายจะป่วย..ยายเป็นผีฟ้าที่รำรักษาเวลาที่มีคนเจ็บป่วยในหมู่บ้าน ซึ่งการรักษาแบบผีฟ้าจะเป็นการร่ายรำและร้องเป็นภาษาภูไทโดยเชื่อว่าถ้าใครทำผิดจากแนวปฏิบัติผีจะทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย ผีฟ้าคือแถนที่อยู่บนฟ้ามีอำนาจเหนือกว่าทุก ๆ ผี ที่อยู่บนโลกมนุษย์สามารถมารักษาเยียวยาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยทางกายทางใจของมนุษย์ให้หายได้พิธีจะเริ่มจากหมอแคนเป่าแคน ครูบาลำเชิญผีฟ้าพร้อมกับเดินรอบ ๆ เครื่องบูชาเมื่อผีฟ้าลงมาเข้าสิงทุกคนจะมีอาการสั่นไม่รู้สึกตัวผีฟ้าจะบอกวิธีการปฏิบัติเพื่อให้หายจากการเจ็บป่วย จากนั้นก็จะกลับเมืองฟ้าจึงเรียกว่า รำผีฟ้า..ใช่แล้วคุณยายน่าจะคุ้นเคยกับการรำร้องเป็นแน่..“music therapy”ชั้นนึกขึ้นในใจ แต่ฉันร้องภูไทไม่ได้นี่นา เอาไงดี ..เอ๊ะ!!เดี๋ยวก่อน..ฉันพอร้องสรภัญญะเป็นบ้าง มันน่าจะใช้แทนกันได้ล่ะน่า คิดได้ดังนั้น ฉันจึงมานั่งข้างๆ จับมือยายไว้..และเริ่มร้องสรภัญญะให้ยายฟัง..“มาลาพวงดอกไม้ มาลาพวงดอกไม้ มาตั้งไว้เพื่อบูชา มาตั้งไว้เพื่อบูชา..” นานจนจบเพลง..ไม่น่าเชื่อยายจะนิ่งฟังฉัน จากนั้นยายเริ่มหายใจช้าลงสม่ำเสมอและหลับได้ในที่สุด


       และจากนั้นมา ทุกครั้งที่ฉันอยู่เวรฉันจะได้รับมอบหมายให้ดูแลยายเสมอเสียงร้องสรภัญญะจะดังแว่วออกมาจาก ICU จนเป็นเสียงที่คุ้นหูของทุกคนที่เดินเข้าออกไอซียูในช่วง 2-3 เดือนนั้น.. และก็ดูเหมือนยายจะชื่นชอบบทเพลงของฉันมาก ถึงกับขอให้ฉันเขียนเนื้อเพลงให้..ฉันจึงนั่งพิมพ์และปริ๊นมันใส่กระดาษ  A4 ให้ และแกก็เก็บมันไว้กับตัวตลอดเวลา

     แต่จากโรคที่เป็นอยู่...อาการของยายก็เริ่มแย่ลงทุกวัน ยายมีปัญหาเรื่องเสมหะอุดตันที่มาจุกอยู่ที่หลอดคอและต้องการให้ดูดเสมหะให้เกือบตลอดเวลา แม้จะมีเพียงแค่เล็กน้อยยายก็ต้องการให้ไปดูดให้ ทุก 3-5 นาทีที่ฉันต้องลุกไปดูดเสมหะให้ยาย คนอื่นยายก็ไม่เอาหากเป็นวันที่ฉันขึ้นเวร แรกๆก็รู้สึกดี แต่นานวันเข้าจากวันเป็นเดือน เป็น 2 เดือนที่ฉันต้องเป็นเจ้าของไข้ดูแลยาย ฉันเริ่มรู้สึกเบื่อ เหนื่อยล้าในขณะที่ยายก็เรียกร้องหาแต่ฉันก็มีคนไข้อื่นที่ฉันต้องดูแลด้วย ไหนจะกิจกรรมอีกมากมายใน ICU  และจากอัตรากำลังที่ไม่เพียงพอทำให้บ่อยครั้งที่ฉันต้องขึ้นเวรต่อเนื่องยาวถึง16 ชม. ฉันรู้ว่ายายรัก..แต่ความเหนื่อยล้า ความเบื่อหน่ายที่รุมเร้า มันถาโถมเข้าใส่จนฉันบอกกับตัวเองว่า ไม่ไหวแล้วนะ ฉันไม่อยากให้ยายยึดติดกับฉันมากขนาดนี้

“ฉันเหนื่อย ฉันเบื่อ ทำไมต้องเป็นฉันด้วยที่เป็นเจ้าของไข้ยายทุกวัน ..” ฉันคุยกับหัวหน้าและพยาบาลรุ่นน้องที่ขึ้นเวรด้วยกันในวันนั้น

“ก็ยายเค้ารักพี่เค้าอยากให้พี่ดูแลนี่”

“ไม่ ใครจะดูก็ดู พี่ไม่ดูแล้ว พอแล้ว..หนูขอเปลี่ยนเคสค่ะหัวหน้า”

หลังจากวันนั้นมา ฉันก็ไม่ได้รับให้เป็นผู้ดูแลยายอีกทุกครั้งที่ฉันเดินผ่านยาย สายตาของยายจะมองตามฉัน ฉันรู้ว่ายายคิด รู้สึกอะไร แต่ฉันทำเป็นมองไม่เห็น เดินผ่านก็มองเลยยายไป ไม่ทักทาย ไม่ร้องเพลง เสียงร้องสรภัญญะเริ่มเงียบหายไปจาก ICU ฉันคิดอยู่อย่างเดียวว่า ไม่อยากให้ยายมาติดกับฉันอีก แต่ยายก็ไม่ได้เอะอะไรเหมือนแรกๆอีกอาการที่ทรุดหนักลงเรื่อยๆทำให้ยายหมดฤทธิ์เดชที่จะต่อต้านกับอะไรอีกต่อไป น้องที่รับช่วงดูแลยายก็ดูแลไปตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น แล้วฉันก็ลาพักร้อนหยุดยาวไม่ได้รับรู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับยายอีก จนบ่ายวันนึงที่กลับมาทำงาน

“ปรานต์...ยายบุญมาเสียแล้วนะเมื่อวาน..ก่อนญาติขอกลับไปตายที่บ้านยายถามหาแกด้วย..ยายฝากนี่ไว้ให้แกด้วยนะ” ฉันอึ้งเงียบไป ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นสมองคิดอย่างไร น้ำตาเอ่อท้น มือค่อยๆ เอื้อมไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นที่ยายฝากไว้ให้ฉัน..

     พี่ๆ เตรียมรับใหม่ เคสผู้ป่วยหญิงไทยวัยชรามาด้วย Respiratory failure แพทย์ใส่ tube แล้วที่ ER หมอกำลังจะย้ายลงมา...เสียงน้องพยาบาลอีกคนร้องบอก เพื่อให้เตรียมที่จะรับเคสใหม่ในวันนี้..มันทำให้ฉันตื่นจากภวังค์..ฉันค่อยๆพับกระดาษแผ่นนั้นเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ.. “ให้นอนเตียง 4”

     ฉันมองหน้ายายที่ admit ลงมาใหม่ “มาลาพวงดอกไม้ มาลาพวงดอกไม้ มาตั้งไว้เพื่อบูชา มาตั้งไว้เพื่อบูชา..” เสียงร้องสรภัญญะกลับมากึกก้องในหัวใจของฉันอีกครั้ง ...ความเงียบและวังเวงเริ่มเข้ามาปกคลุม..มันไม่ใช่ความเงียบจากภายนอก..แต่มันกำลังเกิดขึ้นในใจฉัน.. นึกเสียใจว่าไม่มีโอกาสได้ร่ำลายาย และยังคงติดค้างใจมาจนทุกวันนี้ว่า สิ่งที่ฉันทำและปฏิบัติต่อยายถูกต้องแล้วหรือ…ใครก็ได้ บอกฉันที

                                               



   จากน้องถึงพี่….  <div>
<div>      ถึงพี่ตุ๊กกี้หรือปรานต์พนิตา ผู้หญิงร่างเล็กที่แต่งกายแสนสบายนั้น จนทำให้ผมลืมนึกถึงพี่สาวคนนี้ไป “เธอเป็นพยาบาล”  พี่สาวที่น่ารักที่เข้าร่วมการอบรม Narrative medicine ร่วมกัน เธอช่างสวยงามเหลือเกิน “หากเรามองการรักษามนุษย์เพียงแค่ชิ้นส่วน นั่นย่อมไม่สามารถสัมผัสถึงจิตใจผู้ป่วยได้” มีคนบอกว่าในบางครั้งคำพูด 1 คำในการให้กำลังใจจากหมอหรือพยาบาล เปรียบเสมือนพลังมหาศาลแม้ยาขนานเอกแบบไหนก็หาใดเทียมได้ หากจะบอกว่าพี่ตุ๊กกี้ทั้งวิธีการคิด กระบวนการเขียนและน้ำเสียงของเธอนั้นสะกดอารมณ์ทุกคนให้ตกอยู่ในภวังเหมือนต้องมนต์นั้นคงไม่แปลก….ระหว่างที่เธอกำลังเล่าเรื่องนี้ผู้เข้าร่วมอบรมทุกคนผมสังเกตได้ว่าความเงียบเข้ามาปกคลุมทั่วห้อง…เพราะอะไรนะหรือ เพราะเธอกำลังร้องเพลง “มาลาพวงดอกไม้ มาลาพวงดอกไม้ มาตั้งไว้เพื่อบูชา มาตั้งไว้เพื่อบูชา..” ผมว่านี่คือสิ่งที่แทนใจพี่สาวผม หรือมันแทนความรู้สึกของเธอเหลือเกิน…ว่าเธอรักยายบุญมามากเพียงไร…พี่ตุ๊กกี้ครับสมแล้วละครับ…ที่เป็นขวัญใจยายบุญมา<div>
</div><div>
</div></div></div><p></p>

สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง

ความเห็น

Pojana Yeamnaiyana Ed.D.
เขียนเมื่อ

"หากเรามองการรักษามนุษย์เพียงแค่ชิ้นส่วน นั่นย่อมไม่สามารถสัมผัสถึงจิตใจผู้ป่วยได้" สวยงามทั้งรูปร่างหน้าตา และจิตใจนะคะ...ขอชื่นชมค่ะ

ลูกหมูเต้นระบำ
เขียนเมื่อ

  พยาบาลหัวใจมนุษย์จริงๆครับ..

พ.แจ่มจำรัส
เขียนเมื่อ

เป็นบันทึกที่ทำให้ผมคิดถึงแม่ที่จากผมไปเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว..ภาพการร่ายรำกับผีฟ้าของแม่ ได้ย้อนกลับมาให้คิดถึงแม่อีกครั้ง

ไม่น่าเชื่อว่า วิธีนี้ก้ยังใช้กันอยู่..

ขอบคุณบันทึกดีๆ ครับ

noktalay
เขียนเมื่อ

ชื่นชมการทำงานของพยาบาลท่านนี้มากๆค่ะ

Bright Lily
เขียนเมื่อ

ขอรู้สึกรักเธอด้วยคนนะคะ คุณ "ตุ๊กกี้" 

ขอบคุณคุณลูกหมูฯ ที่มองเห็นคุณค่าและช่วยกันเชิดชูคนดีค่ะ 

(ก็คุณลูกหมูฯ ก็เป็นคนดีที่หนึ่งด้วยไงค่ะ)

เพชรน้ำหนึ่ง
เขียนเมื่อ

-สวัสดีครับ

-เป็นบันทึกที่อ่านแล้วมีความสุขและเศร้าไปพร้อม  ๆกัน

-ขอบคุณบันทึกดี ๆ และให้กำลังใจพี่พยาบาลทุกท่านนะครับ

-เห็นคุณลูกหมูบอกว่าไม่เห็นต้นบะตันขอนานแล้ว..ผมได้บันทึกเรื่อง"บะตันขอ"ไว้นานแล้ว เก็บมาฝากครับ

http://www.gotoknow.org/posts/411079

ทิมดาบ
เขียนเมื่อ

ประทับใจมากครับ....ยอกจากเยียวยาผู้อื่น...ก็ต้องเยียวยาตนเองได้ครับ....ชื่นชมมากครับ

อักขณิช
เขียนเมื่อ

ร้อยได้อย่างสวยงามและปราณีตมากๆ เลยครับ

แวะมาเรียนรู้ความงามของสุขภาวะในการช่วยเหลือผู้อื่นด้วยศาสตร์ทางสังคมศาสตร์การแพทย์ ขอบคุณมากครับ

...ปริม ทัดบุปผา...
เขียนเมื่อ

มาชื่นชมหัวใจอันงดงามผ่านบันทึกนี้ค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ

ไม่ระบุ
เขียนเมื่อ

มาให้กำลังใจด้วยคนครับ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย