นายจรูญ เอกอินทร์
เกิดเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2478
ณ บ้านหัวหาญ ตำบลมะลวน
อำเภอพุนพิน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เป็นบุตรคนโตของนายเนียน และนางมล
เอกอินทร์ โดยบิดามารดามีอาชีพทำนาและภายหลังเปลี่ยนมาประกอบอาชีพค้าขายของเบ็ดเตล็ดในตลาดมะลวน
มีน้อง 5 คน คือ นายทวีป
นางสดับ
เรืองเสวียด(ถึงแก่กรรม) นางสนทนา
พงศ์ศุภสมิทธิ์ นายอำนาจ และนายทวีลาภ
เอกอินทร์
นายจรูญได้รับการศึกษาระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนประชาบาลตำบลมะลวน 1
(ปัจจุบันคือโรงเรียนวัดแหลมไผ่) โดยเป็นเด็กที่เรียนเก่ง ผลการเรียนเป็นที่ 1
ของชั้นตลอดมา รวมทั้งเป็นเด็กที่มีความประพฤติดี มีความโอบอ้อมอารีต่อเพื่อนฝูง
จึงเป็นที่รักของครูและเพื่อนๆเป็นอย่างยิ่ง
ช่วงเวลานั้นอยู่ในระหว่างมหาสงครามเอเซียบูรพา
ต้องวิ่งหนีเครื่องบินที่มาทิ้งระเบิดที่สนามบินหัวเตยและบริเวณใกล้เคียงบ่อยๆ หรือบางครั้งก็ไปดูเครื่องบิน B.29ที่มาทิ้งระเบิดทำลายสะพานจุลจอมเกล้ากับเพื่อนๆ ซึ่งเป็นสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำตาปี
หลังสงครามสงบแล้ว
นายจรูญได้เข้าเรียนระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนพันธศึกษา
ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนในตำบลมะลวน
และนายจรูญก็ยังคงรักษามาตรฐานการเรียนเป็นที่ 1 ของห้องตลอดมา
เมื่อจบชั้นมัธยมปีที่ 6
ได้สอบชิงทุนเพื่อเรียนต่อในโรงเรียนฝึกหัดครู
แต่กลับสอบได้เรียนต่อที่โรงเรียนฝึกหัดครูพลศึกษา
เพราะจังหวัดจัดสอบเฉพาะภาควิชาการ จึงเป็นที่ขบขันในหมู่เพื่อนๆมาก
เพราะนายจรูญเป็นเด็กรูปร่างอ้วน
มักจะถูกเพื่อนๆแกล้งและล้อเลียนเสมอ แต่ในที่สุดนายจรูญก็ต้องเข้ามาเป็นนักเรียนประจำที่โรงเรียนฝึกหัดครูพลศึกษา
(ปัจจุบันคือคณะพลศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ) และตั้งใจศึกษาเล่าเรียนจนสำเร็จได้รับประกาศนียบัตรประโยคครูพลศึกษาเอก(พ.อ.)
ในพ.ศ. 2499 ระหว่างเรียนที่กรุงเทพฯนายจรูญได้นำเงินที่ทางบ้านให้มาเป็นค่าเล่าเรียนนำมาปลูกบ้านเช่าบริเวณหลังวัดปทุมวนาราม
แล้วเก็บค่าเช่าเป็นค่าเล่าเรียนของตนและส่งให้น้องๆอีก 5 คนได้เรียนหนังสือด้วย
ต่อมาในระหว่างเข้ารับราชการนายจรูญได้ไปศึกษาต่อภาคค่ำในระดับปริญญาตรีที่วิทยาลัยวิชาการศึกษาบางแสน(ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยบูรพา)
สำเร็จได้รับพระราชทานปริญญาการศึกษาบัณฑิต(กศ.บ.) สาขาประถมศึกษา ใน พ.ศ.2510 และศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สำเร็จได้รับพระราชทานปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต(ค.ม.) สาขาบริหารการศึกษา ใน
พ.ศ. 2517
นายจรูญได้บรรจุเข้ารับราชการครั้งแรกเมื่อ
พ.ศ. 2500 ในตำแหน่งครูประจำกรมชั้นตรี กรมสามัญศึกษา พ.ศ. 2501 มาเป็นครูตรีที่โรงเรียนพญาไท ทำหน้าที่ศึกษานิเทศก์ตรี ฝ่ายพลานามัย โดยถูกส่งไปปฏิบัติงานการสอนในโรงเรียนตามโครงการกรุงเทพ-ธนบุรี
ซึ่งเป็นโครงการปรับปรุงโรงเรียนประถมศึกษา ที่มีแนวทางในการปรับปรุง 3 ประการคือ
การปรับปรุงบริเวณอาคารสถานที่
การปรับปรุงด้านพลานามัย(พลศึกษาและสุขศึกษา)
และการปรับปรุงอุปกรณ์การสอนและวิธีสอน
ต่อมาได้รับมอบหมายให้เป็นศึกษานิเทศก์ทำหน้าที่นิเทศทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
โดยในส่วนภูมิภาคแบ่งการนิเทศออกเป็นสายๆ นายจรูญได้ประจำสายในภาคการศึกษา(เขตการศึกษา)
9, 10 และ11
พ.ศ.2507 ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์โท
กรมสามัญศึกษา ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล และจัดฝึกอบรมศึกษานิเทศก์ใหม่แต่ละรุ่นของหน่วยศึกษานิเทศก์ตลอดมา
พ.ศ.2516 ได้เป็นศึกษานิเทศก์เอก
กรมสามัญศึกษา พ.ศ.2517
รักษาการในตำแหน่งศึกษานิเทศก์เอก ฝ่ายสามัญศึกษา จังหวัดนนทบุรี
ทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยศึกษานิเทศก์จังหวัดนนทบุรี พ.ศ. 2518 เป็นศึกษานิเทศก์ 6 กรมสามัญศึกษา
รักษาการในตำแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนศรีบุณยานนท์ จังหวัดนนทบุรี พ.ศ. 2522 เป็นศึกษานิเทศก์ 7 กรมสามัญศึกษา พ.ศ.2523
เมื่อได้มีการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาได้โอนไปดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์
7 สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ.2526 รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการการประถมศึกษาจังหวัด
พะเยา พ.ศ.2527
รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการการประถมศึกษาจังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ.2528
ดำรงตำแหน่งหัวหน้างานการเจ้าหน้าที่(บุคลากร 7)
สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ.2529 เป็นผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ และ พ.ศ. 2535
เป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ รับผิดชอบดูแลงานบุคคล
จนเกษียณอายุราชการใน พ.ศ.2539
ชีวิตราชการของนายจรูญ เอกอินทร์
ส่วนใหญ่จะเป็นศึกษานิเทศก์
และเป็นผู้บริหารการศึกษา ไม่ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งใดก็มีความขยันขันแข็ง
มีความรับผิดชอบงานสูง จนมีความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ราชการโดยลำดับ ดังเช่นตอนที่เป็นศึกษานิเทศก์ก็ได้มุ่งมั่นพัฒนาวิชาชีพนี้
จนได้รับการยกย่องกันในหลายๆชื่อ ดังที่ นางจงดี แสงเพชร ผู้เคยเป็นศึกษานิเทศก์ระดับ 9
สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติได้เขียนไว้ในหนังสือชีวิตและงาน จรูญ
เอกอินทร์ ความตอนหนึ่งว่า
“...27ปีอันยาวนานของการเป็นศึกษานิเทศก์ทำให้ท่านผูกพันกับวิชาชีพศึกษานิเทศก์อย่างแนบแน่น
ท่านปกป้องคุ้มครองและมุ่งมั่นพัฒนาวิชาชีพนี้มาโดยตลอด
จนได้รับสมญาที่ยกย่องเกียรติคุณของท่านหลายชื่อ...
ศน.นักบุกเบิก
ได้มีส่วนร่วมในการบุกเบิกและพัฒนางานวิชาชีพนี้
พยายามทุกวิถีทางที่จะต่อสู้ผลักดันให้องค์กรศึกษานิเทศก์และวิชาชีพนี้มีเกียรติมีศักดิ์ศรีจนเป็นที่ยอมรับในวงการศึกษาทั่วไป...
ศน.นักมนุษยสัมพันธ์ มีจุดเด่น 3 อย่าง คือ การเป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพที่ทำให้ผู้อื่นยอมรับ
การเป็นผู้ที่เข้าใจคน และการเป็นผู้ที่เข้าใจปัญหา...
ศน.นักบริหาร เป็นคนที่มีความสามารถยอดเยี่ยมทั้ง 3 ด้านคือ
รู้จักงาน รู้จักสถานการณ์ และรู้จักคน
...
ศน.นักพัฒนา
เป็นผู้ที่มีความตั้งใจที่จะขวนขวายหาความรู้จากหลายๆทาง เช่น การเข้าร่วมประชุม
รับฟัง รับการอบรม ศึกษาค้นคว้า
แล้วนำความรู้มาพัฒนางานของศึกษานิเทศก์ให้เจริญก้าวหน้า...
ศน.นักแก้ปัญหา เป็นผู้มีความรู้อย่างกว้างขวาง
และได้แสดงความสามารถในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆได้ดี...”
รศ.บรรเทา กิตติศักดิ์ อดีตศึกษานิเทศก์
กรมสามัญศึกษาและอดีตอาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ได้กล่าวถึงนายจรูญในช่วงที่เป็นศึกษานิเทศก์ ไว้ในหนังสือเล่มเดียวกัน
ความตอนหนึ่งว่า
“...สิ่งที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวท่านอาจารย์จรูญ
เอกอินทร์ ก็คือ ท่านจำรายละเอียดได้แม่นยำ ดังนั้นเมื่อท่านรับปากกับใครก็ตามที่ท่านจะช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาให้
ท่านก็จะช่วยเหลือหรือแก้ไขปัญหาให้จนเป็นผลสำเร็จเสมอ ท่านจึงเป็นที่พึ่งของเหล่าชาวศึกษานิเทศก์ในส่วนภูมิภาค
ทั้งศึกษานิเทศก์ระดับภาคการศึกษา (เขตการศึกษา)และระดับจังหวัด
จึงเป็นที่รักใคร่ของศึกษานิเทศก์โดยทั่วไปและจะรู้จักท่านเป็นอย่างดี...”
นอกจากนี้ นายพะนอม แก้วกำเนิด
ผู้เคยทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยศึกษานิเทศก์ และอธิบดีกรมสามัญศึกษา
ได้เขียนถึงคุณลักษณะที่ดีของนายจรูญสมัยที่ร่วมเป็นศึกษานิเทศก์ด้วยกัน ไว้ในหนังสือเล่มเดียวกัน
ความตอนหนึ่งว่า
“...ท่านรองฯจรูญ เอกอินทร์ เป็นคนดีมีน้ำใจโอบอ้อมอารี
เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เอาการเอางาน ขยันหมั่นเพียร
มีความรับผิดชอบงานในหน้าที่สูงมาก
ได้รับมอบหมายงานใดจะต้องมุมานะบากบั่นทำงานนั้นจนลุล่วงให้เกิดผลตามวัตถุประสงค์ของงาน
โดยมิได้มุ่งหวังในเรื่องใด นอกจากผลสัมฤทธิ์ของงานนั้นๆ ประพฤติปฏิบัติเช่นนี้มาโดยตลอด
จนเป็นลักษณะเฉพาะของท่านรองฯจรูญ...”
ช่วงเวลาที่นายจรูญเข้ามารับผิดชอบบริหารงานบุคคลของสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาตินั้นเป็นระยะเวลาที่เพิ่งก่อตั้งสำนักงานใหม่ๆ
ซึ่งต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารและงานวิชาการไปจากเดิมมีการให้อำนาจในการบริหารการประถมศึกษาไปต่างจังหวัด
โดยมีกฎหมายรองรับ จึงจำเป็นต้องอาศัยบุคลากรที่กล้าตัดสินใจในการดำเนินงาน และนายจรูญเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งที่ปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ดังที่ ดร.สายหยุด จำปาทอง ผู้เคยเป็นเลขาธิการคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ
ได้เขียนไว้ในหนังสือเล่มเดียวกัน ความตอนหนึ่งว่า
“...การบริหารงานของ
สปช.ในระยะเริ่มแรกนี้จำเป็นต้องอาศัยบุคลากรที่กล้าตัดสินใจในการดำเนินงาน
และคุณจรูญเป็นบุคคลหนึ่งในกลุ่มนี้
จึงกล่าวได้ว่า สปช.เป็นหนี้บุญคุณของบุคลากรกลุ่มนี้อย่างมาก...อาจกล่าวได้ว่า
ในกระทรวงศึกษาธิการมีข้าราชการน้อยคนนักที่จะรอบรู้เรื่องงานประถมศึกษาทุกแง่ทุกมุมทัดเทียมคุณจรูญ...”
นายเฉลิม บุญธรรมเจริญ
ผู้เคยเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ
ได้วิเคราะห์คุณสมบัติที่ทำให้นายจรูญประสบความสำเร็จในการบริหารงานบุคคลไว้ 4
ประการ เขียนไว้ในหนังสือเล่มเดียวกัน ความตอนหนึ่งว่า
“...ประการแรก
เป็นผู้มีความรับผิดชอบสูง...เป็นผู้ขยันขันแข็ง จะมาถึงที่ทำงานแต่เช้าเสมอ
เป็นผู้มีความซื่อสัตย์ต่อการงาน
การเสนองานตรงไปตรงมา
ไม่เคยพบว่าหมกเม็ดหรือสอดไส้...
ประการที่สอง รอบรู้งานในหน้าที่ทั้งทางกว้างและลึก
โดยเฉพาะด้านการบริหารบุคคล
จะรู้จักประวัติการทำงานของบุคคลเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งระเบียบปฏิบัติต่างๆด้วย
ประการที่สาม เป็นผู้สู้งานไม่ย่อท้อ ดังจะเห็นได้ว่า
กรมสั่งให้ไปปฏิบัติงานในจังหวัดเพื่อแก้ปัญหาหลายครั้งหลายครา
ท่านก็รับอาสาด้วยความเต็มใจทุกครั้ง
และงานก็เป็นผลสำเร็จสมเจตนารมณ์ของกรมทุกครั้ง
ประการที่สี่ เป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์ดี
สามารถในการประสานงานดี
เมื่อกรมสั่งให้ไปติดต่อกับบุคคลต่างๆก็สามารถปฏิบัติได้เรียบร้อย...”
ด้วยความสามารถในการเป็นนักบริหาร
นักมนุษยสัมพันธ์ นักพัฒนา
และนักแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆได้เป็นอย่างดีของนายจรูญ จึงเป็นที่ยอมรับของผู้บังคับบัญชาระดับสูง
ทำให้ได้รับความไว้วางใจและมอบหมายให้ไปเป็นผู้บริหารเพื่อแก้ปัญหาในหน่วยงานต่างๆหลายจังหวัดทั้งในหน่วยศึกษานิเทศก์ ในสถานศึกษา และในสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัด
ซึ่งนายจรูญก็สามารถแก้ปัญหาให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีในทุกแห่ง
นายสมชัย วุฑฒิปรีชา ผู้เคยเป็นเลขาธิการคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ
ได้กล่าวไว้ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ นายจรูญ เอกอินทร์ ความตอนหนึ่งว่า
“...คุณจรูญได้ร่วมรับราชการกับผมที่สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ
ตลอดระยะเวลา 6 ปี ที่สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ
ซึ่งมีบุคลากรหลายแสนคน คุณจรูญ เอกอินทร์
ในฐานะผู้อำนวยการกองบริหารบุคคล ซึ่งต้องรับผิดชอบในงานบริหารบุคคลเป็นส่วนใหญ่
ไม่เคยทำให้ผู้บังคับบัญชาต้องหนักอกหนักใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระเบียบ
กฎหมายความยุติธรรม และที่สำคัญที่สุดคือความสุจริต ของคุณจรูญได้ปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็ง
ตรงไปตรงมา ไม่เคยได้ยินเสียงติฉินในทางลบจากทางใดๆทั้งสิ้น ผมอยากกล่าวว่า
การที่งานบริหารบุคคลของ สปช. ในระยะที่ผมมีส่วนรับผิดชอบดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อย
ส่วนหนึ่งเพราะความสามารถรวมทั้งความซื่อสัตย์สุจริตของอาจารย์จรูญ เอกอินทร์
ซึ่งผมขอแสดงความชื่นชม และขอบคุณด้วยความจริงใจต่ออาจารย์จรูญ เอกอินทร์ ไว้ ณ
ที่นี้ ผมแน่ใจว่า ด้วยความดี ความรอบรู้และความซื่อสัตย์สุจริตของอาจารย์จรูญ
เอกอินทร์ จึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองเลขาธิการ สปช. ...”
เกียรติคุณที่นายจรูญ เอกอินทร์ได้รับคือ
พ.ศ.2531 พ่อตัวอย่าง
จากสมาคมอาสาสมัครและช่วยการศึกษา
พ.ศ.2534 นักบริหารงานบุคคลดีเด่น จากมูลนิธิจินดา ณ
สงขลา และศิษย์เก่าดีเด่น
จากภาควิชาบริหารการศึกษา
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พ.ศ.2537 ศิษย์เก่าดีเด่น จากมหาวิทยาลัยบูรพา
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดที่ได้รับพระราชทาน คือ ประถมาภรณ์ช้างเผือก ประถมาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญจักรพรรดิมาลา
นายจรูญสมรสกับ นางสาวสุธีร์
สิทธิรักษ์ เมื่อ พ.ศ. 2511 มีบุตร 3 คน
คือ นางจนัสกร พงษ์ฉบับนภา นายจโนธ และนายจิรายุส เอกอินทร์
หลังเกษียณอายุราชการนายจรูญได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับครอบครัวอย่างมีความสุข
และยังคงช่วยเหลืองานด้านการศึกษามาโดยตลอด เช่น
เป็นผู้ทรงคุณวุฒิให้สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครู เป็นที่ปรึกษาด้านการผลิตสื่อการเรียนการสอน
เป็นต้น
นายจรูญมีโรคประจำตัวคือเบาหวานและความดันโลหิตสูงซึ่งต้องดูแลรักษามาอย่างต่อเนื่อง ต่อมาภายหลังมีอาการปวดหลัง
เนื่องจากกระดูกทับเส้นประสาท
จึงต้องดูแลรักษาเพิ่มขึ้นอีก
จนกระทั่งวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555
มีอาการหัวใจล้มเหลวอย่างกะทันหันและถึงแก่อนิจกรรมในวันเดียวกัน รวมสิริอายุได้ 77 ปี 9 เดือน 25 วัน
นายธเนศ ขำเกิด ผู้เรียบเรียง
ข้อมูลอ้างอิง
1. อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ
นายจรูญ เอกอินทร์ วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2556
ณ ฌาปนสถานวัดตรีทศเทพวรวิหาร
2. ชีวิตและงาน จรูญ เอกอินทร์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ
หนังสือที่ระลึกเกษียณอายุราชการ 30 กันยายน
2539
3. นางสุธีร์
เอกอินทร์ ภรรยา
ผู้ให้ข้อมูลเพิ่มเติม
เมื่อวัน ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2556
.... ขอบคุณเรื่องเล่าดีดีนี้ค่ะ ....