เบิ๋งแหง๋นเมืองอุดรธานี ตอนที่ 2 ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน

              

                   เบิ่งแหง๋นเมืองอุดรธานี วันนี้จะพาไปเที่ยวชมศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน ในบริเวณศาลเจ้าปู่-ย่า ตรงข้ามกับตลาดหนองบัว สถานที่นี้เป็นอีกหนึ่งแห่งที่ผู้เขียนภาคภูมิใจมาก ๆ เพราะสวยงามและเป็นแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเป็นการแสดงออกถึงความเป็นปึกแผ่นของคนจีนที่อาศัยร่มโพธิสมภารของกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้ก่อตั้งเมืองอุดรธานี

             ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน อุดรธานี เริ่มก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นจุดศูนย์รวมอนุรกษ์ศิลปะ วัฒนธรรม วิถีบรรพชนและหลักปรัชา ของพี่-น้องชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดอุดรธานี โดยเริ่มมีแนวคิดการจัดสร้างในสมัยคณะกรรมการศาลเจ้าปู่-ย่า สมัยที่ 58  ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน อุดรธานี ตั้งอยู่เลขที่ 889 ถ.39 ศาลเจ้าเนรมิตร ต.หมากแข้ง อ.เมือง .จ.อุดรธานี โทร. 042-242444 , 042- 242333 ในบริเวณศาลเจ้าปู่-ย่า อุดรธานี ตรงข้ามตลาดหนองบัว    รู้ประวัติเคร่า ๆ แล้วเราเข้าไปชมความงามข้างในของศูนย์ฯเลยน่ะค่ะ

             เพียงก้าวแรกที่ย่างเดินเข้าไปในศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน เหมือนกับเรากำลังเดินขึ้นสู่สรวงสวรรค์ที่เราเคยพบเห็นในหนังจึน ครั้งแรกที่ผู้เขียนไปเยือน ทำเอาตระลึงทีเดียวค่ะ แถมยังบอกเล่าเรื่องราวของยอด 24 กตัญญูและคติธรรมตามความเชื่อของชาวจีนด้วยค่ะ

             

               หากท่านมาเยือนตอนค่ำ ๆ ทางศูนย์ฯ จะเปิดไฟแสงสี และมีเพลงบรรเลงคลอเบา ๆ โรแมนติกมาก ๆ ค่ะ       

              

                   บริเวณทางเดินเข้าไปในตัวอาคารถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม และมีคติธรรมเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับ 24 ยอดกตัญญู ตามความเชื่อของคนจีนทึ่ยึคถือความกตัญญูู รู้คุณอย่างเคร่งครัดค่ะ คนจีนทุกครอบครัวจะพร่ำสอนลูกหลานให้กตัญญูู ซื่อสัตย์และขยัน ซึ่งสวยตกแต่งด้วยไม้มงคลของจีน มีตั้งแต่ ต้นเครามังกร ต้นหลิว ต้นไผ่ดำ ประทัดจีน หงส์ฟู่ บีโกเนีย โป๊ยเซียน พุด เทียนหอมที่รายล้อมสระบัว และบ่อปลาคาร์ฟจักรพรรดิ

  

           ชมความงามด้านนอกแล้ว เราเข้าไปเรียนรู้วัฒนธรรมของคนจีนที่กันดีกว่าค่ะ.....

           ภายในอาคารศูนย์วัฒนธรรมถูกออกแบบเป็นกลุ่มอาคาร ประกอบด้วยอาคารเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา อาคารพิพิธภัณฑ์คุณธรรมบอกเล่าถึงเรื่องราวของคนไทยเชื่อสายจีนในจังหวัดอุดรธานี เมื่อกว่า 120 ปี  ชั้นใต้ดินยังจัดแสดงเรื่องราวของมหาบุรุษปราชญ์ผู้ยิ่งใหมญ่ชาวจีน “ขงจื่อ” เป็นการจัดแสดงเรื่องราวชีวิตของท่าน ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยชรา คำสอนและการเดินทางถ่ายทอดเรื่องราวออกมาในรูปแบบของภาพแกะสลักนูนต่ำ การปั้นรูปเหมือน อาคารการเรียนรู้ อาคารหอประชุมปรีชา ชัยรัตน์ และอาคารสำนักงาน ร้านค้า

         รูปจำลองอาก๋ง-อาม่า ค่ะองค์จริงอยู่เลยเข้าไปในศาลเจ้าปู่-ย่า อุดรธานี บริเวณเดียวกัน อย่าลืมแวะไปขอพรท่านน่ะค่ะ มีธูปเทียนบริการฟรีค่ะ

 ลื้อแจ๊ะแต้บ่..... (คุณดื่มน้ำชาด้วยกันไหมค่ะ)

ภายในศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน อุดรธานี ยังมีภาพยนตร์ 3มิติฉายให้ชมด้วยค่ะ

   

         เทศกาลตรุษจีนค่ะ (Chinese New Year Festival) คนที่นี่เค้าจะพร้อมใจกันแต่งชุดกีเพ้า หรือไม่ก็สวมใส่เสื้อผ้าสีแดงต้อนรับปีใหม่ของจีนที่มีความเชื่อว่า สีแดงเป็นสีแห่งโชคลาภและความมั่งคั่งค่ำ ผู้คนจะออกมาจับจ่ายซื้อของ และรับประทานอาหาร ถนน 4 เลนกลางเมืองอุดรธานีจะถูกปิด ดูแคบไปถนัดตาเลยค่ะ งานจะเริ่มช่วงค่ำ ๆ จนไปถึงดึกเลยน่ะค่ะ ปกติเค้าจะจัดงานประมาณ 3-5 วันค่ะ  

          

               มีการแห่เอ็งกอ (อันนี้ผู้เขียนจะเฝ้าชมทุก ๆ ปี มากว่า 25 ปีแล้วไม่เคยผิดหวัง แถมยังวิ่งตามยังกะเด็ก ๆ ค่ะ) ที่ในตำนานจีนเล่าขานว่า เป็นโจรที่มีคุณธรรม ปล้นทรัพย์สินของคนรวยแล้วนำไปแจกจ่ายให้กับคนยากจน ลักษณะเด่นชัดของเอ็งกอคือ แต่ละคนจะแต่งหน้าอำพรางใบหน้าที่แท้จริงของตนเอง อีกช่วงที่ท่านจะหาชมได้คืองานทุ่งศรีเมือง โดยทางมูลนิธิศาลเจ้าปู่-ย่าอุดรธานี จะมีพิธีเชิญเจ้าในวันที่ 1, 5 (ตรงกับวัดเฉลิมพระชนพรรษาของในหลวง) และวันที่ 15 ธ.ค. (เชิญเจ้ากลับ)  ของทุกปีค่ะ แห่งรอบ ๆ เมืองอุดรธานี ตั้งแต่เช้า กว่าจะกลับเข้าทุ่งศรีเมืองก็ราว ๆ 1-2 ทุ่ม หากอยากรู้ว่า มังกร-เอ็งกอ อยู่จุดไหน ถามคนในพื้นที่ก็ได้ค่ะ แต่ต้องทำใจหน่อยน่ะค่ะ คนรอชมเป็นแสน ค่ะ

               ที่สำคัญมีการโชว์มังกรซึ่งคนจีนมีความเชื่อว่ามังกรเป็นสัตว์มงคลและคู่กับกษัตริย์ที่รวมลักษณะเด่นของสัตว์ 9 ชนิดไว้ในร่างเดียว มีเขาสวยงามเหมือนกวาง มีตาสวยเหมือนกระต่าย มีหัวเหมือนอูฐ ลำคอยาวระหงเหมือนงู ท้องขาวนวลเหมือนหอยแครงยักษ์  มีเกล็ดแวววาวเหมือนปลาตะเพียน หรือปลากะโห้ มีอุ้มเท้าเหมือนสิงโต มีเล็บเท้าเหมือนเยี่ยวหรืออินทรีย์               

               ขอบคุณท่านผู้อ่านที่เป็น Fan Club ผู้เขียนอย่างเหนียวแน่น แล้วอย่าลืมติดตามอ่าน "เบิ่งแหง๋นเมืองอุดรธานี ตอนที่ 3" น่ะค่ะ

ขอขอบคุณ ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน อุดรธานี, คุณ ngokapong

28 July 2013