ตอบคุณจีจี้เรื่องสิทธิสละสัญชาติไทยของบุตรของหญิงสัญชาติไทยและชายเบลเยี่ยม
โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร
บันทึกความเห็นทางกฎหมายเพื่อตอบคำถามของประชาชนเรื่องการจัดการประชากร
เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ม พ.ศ.๒๕๕๖
--------
คำถาม
---------
คุณจีจี้เข้ามาใน http://www.gotoknow.org/posts/259492?2847752 เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๖ เพื่อตั้งคำถามว่า “รบกวนสอบถามอาจารย์ว่า ถ้าลูกดิฉันเกิดที่เมืองไทย สามีเป็นคนเบลเยี่ยม จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายที่เมืองไทยแล้ว ถ้าลูกเกิดมาสามารถถือสัญชาติได้ทั้งสองสัญชาติเลยไหมคะ แล้วเลือกสัญชาติใดสัญชาติหนึ่งตอนอายุ 20 ปีบริบูรณ์ ขอบพระคุณค่ะ”
--------
คำตอบ
---------
1. บุตรของคุณจีจี้ย่อมมีสิทธิในสัญชาติไทยโดยหลักสืบสายโลหิตจากมารดา หากว่า คุณจีจี้มีสถานะเป็นคนสัญชาติไทยในขณะที่บุตรเกิด คำถามที่ต้องถามกลับ ก็คือ คุณจีจี้ได้รับการรับรองสถานะคนสัญชาติไทยในทะเบียนราษฎรของรัฐไทย กล่าวคือ มีชื่อในทะเบียนบ้านประเภทคนอยู่ถาวร (ท.ร.๑๔) หรือไม่คะ ?
2. บุตรของคุณจีจี้ย่อมมีสิทธิในสัญชาติไทยโดยหลักดินแดนโดยผลของกฎหมายจากมารดา หากว่า บุตรดังกล่าวเกิดในประเทศไทย และ คุณจีจี้มีสถานะเป็นคนสัญชาติไทยในขณะที่บุตรเกิด หรือในกรณีที่คุณจีจี้ไม่มีสถานะเป็นคนสัญชาติไทยในขณะที่บุตรเกิด บิดาสัญชาติเบลเยี่ยมก็จะต้องมีสถานะเป็นคนต่างด้าวที่เข้าเมืองถูกกฎหมายและมีสิทธิอาศัยถาวรตามกฎหมายไทยว่าด้วยการเข้าเมือง
3. ในกรณีที่บุตรมีสิทธิในสัญชาติไทยโดยผลของกฎหมาย ก็มีความเป็นไปได้ที่บุตรจะมีสิทธิในสัญชาติเบลเยี่ยมโดยหลักสืบสายโลหิตจากบิดา ทั้งนี้ เป็นไปตามกฎหมายเบลเยี่ยมว่าด้วยสัญชาติเบลเยี่ยม
4. ในเรื่องการสละสัญชาตินั้น บุตรจะต้องกระทำหรือไม่ ภายในเงื่อนเวลาใด ย่อมเป็นไปตามกฎหมายสัญชาติของทั้งรัฐไทยและรัฐเบลเยี่ยม
5. ในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิในสัญชาติเบลเยี่ยมนั้น การสละสัญชาติเป็น “หน้าที่” หรือ “สิทธิ” ก็ย่อมเป็นไปตามกฎหมายสัญชาติของรัฐเบลเยี่ยม แต่อย่างไรก็ตาม โดยข้อมูลจาก คุณตุลย์นภา ติลกมนกุล และอาจารย์บงกช นภาอัมพรแห่ง UNHCR หากบุตรของคุณจีจี้มีเงื่อนไขที่กฎหมายสัญชาติเบลเยี่ยมกำหนด เขาก็อาจจะมีสิทธิในการถือสองสัญชาติตามกฎหมายเบลเยี่ยม คำตอบที่แน่นอน ก็คงมาจาก การที่คุณบอกเราว่า บุตรของคุณเกิดในช่วงเวลาใด[1]
อาจารย์บงกช นภาอัมพร ให้หลักคิดตามกฎหมายสัญชาติเบลเยี่ยมว่า[2] กรณีคนที่มีสิทธิในสัญชาติไทยและสัญชาติเบลเยี่ยมย่อมตกอยู่ภายใน มีสัก ๔ สถานการณ์ (scenario) ดังต่อไปนี้ (๑) ถ้าคนสัญชาติเบลเยี่ยม ไปถือสัญชาติอื่นด้วย ก่อนวันที่ ๙ มิถุนายน ค.ศ.๒๐๐๗/พ.ศ.๒๕๕๐ ให้เสียสัญชาติเบลเยี่ยม (๒) ถ้าคนชาติเบลเยี่ยม ไปถือสัญชาติอื่นที่ไม่ใช่สัญชาติของประเทศออสเตรีย เดนมาร์ค สเปน ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์ค นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ หรือ อังกฤษ ระหว่างวันที่ ๙ มิถุนายน ค.ศ.๒๐๐๗/พ.ศ.๒๕๕ ถึงวันที่ ๒๘ เมษายน ค.ศ.๒๐๐๘/พ.ศ.๒๕๕๑ – ให้เสียสัญชาติเบลเยี่ยม (๓) ส่วนคนชาติเบลเยี่ยมที่ได้สัญชาติอื่นหลังวันที่ ๒๘ เมษายน ค.ศ.๒๐๐๘/พ.ศ.๒๕๕๑—ไม่เสียสัญชาติ และ (๔) แต่ยังมีกรณีคนชาติเบลเยี่ยมที่เกิดต่างประเทศก่อนวันที่ ๑ มกราคม ค.ศ.๑๙๖๗/พ.ศ.๒๕๑๐ และส่วนใหญ่อาศัยอยู่ต่างประเทศตั้งแต่อายุ ๑๘ – ๒๘ ปี และไม่เคยแสดงเจตนากับสถานทูตเบลเยี่ยมว่า ขอถือสัญชาติเบลเยี่ยมต่อ และมีสัญชาติอื่นอยู่แล้ว ก็จะเสียสัญชาติ อาจจะพอสรุปได้ว่า ประเทศเบลเยี่ยมเพิ่งยอมรับให้มีการถือสองสัญชาติ หลังวันที่ ๒๘ เมษายน ค.ศ.๒๐๐๗/พ.ศ.๒๕๕
ในที่สุด ก็ขอแนะนำให้ไปหารือสถานกงสุลเบลเยี่ยมประจำประเทศไทย กฎหมายสัญชาติมีความละเอียด ซับซ้อน และเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ควรหารือกงสุลเบลเยี่ยมประจำประเทศไทย จะเป็นข้อมูลที่ใช้ได้มากที่สุด
6. ในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิในสัญชาติไทยนั้น การสละสัญชาติเป็น “สิทธิ” ค่ะ มิใช่ “หน้าที่” และหากบุตรจะใช้สิทธิสละสัญชาติไทยโดยไม่ยอมให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยทัดทานได้เลย ก็ต้องสละสัญชาติในระหว่างที่มีอายุครบ ๒๐ ปีบริบรูณ์ และไม่เกิน ๒๑ ปีบริบูรณ์ แต่หากจะสละสัญชาติไทยตั้งแต่ ๒๑ ปีบริบูรณ์เป็นต้นไป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก็อาจไม่อนุญาตค่ะ เมื่อท่านผู้นี้ไม่อนุญาต บุตรของคุณก็จะต้องถือสิทธิในสัญชาติไทยต่อไปค่ะ
7. การสละสัญชาติไทยในกรณีแรก เป็นไปตามมาตรา ๑๔ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘ ซึ่งถูกแก้ไขและเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๒ และ ๓) พ.ศ.๒๕๓๕ รวมถึง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๕๑ ซึ่งบัญญัติว่า
“ผู้มีสัญชาติไทยซึ่งเกิดในขณะที่บิดาหรือมารดาเป็นคนต่างด้าวและได้สัญชาติของบิดาหรือมารดาด้วยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของบิดาหรือมารดา หรือผู้ซึ่งได้สัญชาติไทยตาม มาตรา ๑๒ วรรคสอง หรือมาตรา ๑๒/๑ (๒) และ (๓) ถ้ายังประสงค์จะถือสัญชาติอื่นอยู่ต่อไป ให้แสดงความจำนงสละสัญชาติไทยตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง[3]ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่มีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์
เมื่อได้พิจารณาความจำนงดังกล่าวแล้วเห็นว่ามีหลักฐานเชื่อถือได้ว่าผู้นั้นอาจถือสัญชาติของบิดาหรือมารดาหรือสัญชาติอื่นได้จริง ก็ให้รัฐมนตรีอนุญาต เว้นแต่ในระหว่างประเทศไทยมีการรบหรืออยู่ในสถานะสงคราม รัฐมนตรีจะสั่งระงับการสละสัญชาติไทยรายใดก็ได้”
8. การสละสัญชาติไทยในกรณีที่สอง เป็นไปตามมาตรา ๑๕ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘ ซึ่งถูกแก้ไขและเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๕๑ ซึ่งบัญญัติว่า
“นอกจากกรณีตามมาตรา ๑๔ ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น หรือผู้ซึ่งได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ ถ้าประสงค์จะสละสัญชาติไทยให้ยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง[4]
การอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้สละสัญชาติไทยให้อยู่ในดุลพินิจของรัฐมนตรี”
9. การสละสัญชาติไทยในทั้งสองกรณีจะมีผลเฉพาะตัวและในวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นไปตามมาตรา ๕ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘ ซึ่งถูกแก้ไขและเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๕๑ ซึ่งบัญญัติว่า “การได้สัญชาติไทยตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๒ หรือมาตรา ๑๒/๑ การเสียสัญชาติไทยตามหมวด ๒ หรือการกลับคืนสัญชาติไทยตามหมวด ๓ ให้มีผลต่อเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและให้มีผลเฉพาะตัว”
10. ด้วยข้อเท็จจริงที่คุณให้มา เราอาจมีคำตอบให้ได้เพียงนี้
11. ขอมวลมิตรโปรดเพิ่มเติมข้อความรู้เพื่อคุณจีจี้ได้เลยค่ะ
[1] https://www.facebook.com/archanwell/posts/10151761451856425 <วันพุธที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖>
[2] http://diplomatie.belgium.be/en/services/services_abroad/nationality/loss_and_re-acquisition/loss/<วันพุธที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖>
[3]ผู้มีสัญชาติไทยซึ่งเกิดในขณะที่บิดาหรือมารดาเป็นคนต่างด้าวและได้สัญชาติของบิดาหรือมารดาด้วยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของบิดาหรือมารดา หรือผู้ซึ่งได้สัญชาติไทยตาม มาตรา ๑๒ วรรคสอง หรือมาตรา ๑๒/๑ (๒) และ (๓) ชายหรือหญิงซึ่งมีสัญชาติไทยและได้สมรสกับคนต่างด้าว ถ้าประสงค์จะสละสัญชาติไทย ให้ดำเนินการยื่นคำขอตาม ข้อ ๗ แห่งกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๑๐) ลงวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๐ ออกตามความในพระราชบัญญัติสัญชาติพ.ศ.๒๕๐๘
[4]ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นหรือผู้ซึ่งได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ ถ้าประสงค์จะสละสัญชาติไทย ให้ดำเนินการยื่นคำขอตาม ข้อ ๗ แห่งกฎกระทรวง (พ.ศ.๒๕๑๐) ลงวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๐ ออกตามความในพระราชบัญญัติสัญชาติพ.ศ.๒๕๐๘
ไม่มีความเห็น