ภารกิจขับรถพาครูไปสนามบิน


ภารกิจขับรถพาครูไปสนามบิน

บอกให้เป็น (เราเป็นได้รึยัง แค่ไหนอย่างไร) ชี้ให้เห็น (ยังไง แบบไหน) เป็นให้ดู (เป็นยังไงเรารู้สึกยังไงต่อสิ่งที่ครูเป็นให้ดู)

ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่ได้รับโอกาสให้แก้ไข เพราะสถานการณ์อย่างเดิม ครูทุ่มเทแลกการได้รับการฝึกฝนของหนูกับการตกเครื่องบิน ท่านใจเด็ดและเมตตามาก ๆ

ไม่มีกลัวเสียอะไร หนูตั้งสติตั้งแต่ครูส่งสัญญาณว่า ไม่ช้าอะไรก็ช้าอย่างหนึ่ง

“สงสัยเป็นโจทย์ของไอ้ติ๋ว”

ซึ่งก็ใช่เลยสำหรับใจหนู พอครูถามย้ำว่าจะฝึกไหม

ในใจหนูตอบ “หนูมาเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ” ตอบครูว่า “เจ้าค่ะ”

พอเริ่มขับรถครูก็ให้โจทย์ ถามเรื่องเมื่อวานที่ให้ทำภารกิจ ครูถามใน FB มา 2 ครั้ง และเป็นความแปลกประหลาดข้อความที่หนูพิมพ์กว่า 10 บรรทัด หายเกลี้ยง

ก็รู้สึกแปลกใจตอนพิมพ์ว่า ทำไมครูเงียบ พอปรากฏการตอบโต้กลายเป็นหายไป

เล่าตอนแรก ยังปนด้วยความกลัว อันเป็นโทสะ เล่าไปสำรวจใจตนเองไป

พอเห็นปนด้วยโทสะ หนูจะนิ่งข้างในโทสะยุบตัวลงพูดออกมา โทสะมาอีกนิ่งดูอีก

ครูกระตุ้น ขับช้าจะตกเครื่อง เป็นการฝึกแบบสร้างสติ ด้วยการทำโจทย์หลายอย่างควบคู่กัน

  ครูบอกให้เป็น โดยการขับรถให้ทันมีเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงถึงสนามบินจากวัดแบบไม่ฉุกละหุก ช้ากว่านั้นก็ต้องแทบวิ่ง หนูตั้งสติพยายาม

แต่นิสัยเดิมคือ ถ้าทำอะไรอยู่แล้วต้องคิดพิจารณาไปด้วย จะเหม่อ

ครูก็คอยเตือน

ระหว่างคิดพิจารณาเหม่อ นกบินผ่านตัวแรกชนปึก หนูใจหายแว๊บ

ครูชี้เห็นไหมขาดสติ จะมีความเสียหาย ถ้าไม่ตั้งสติเดี๋ยวมีตัวที่สอง

ไม่ทันไร นกบินผ่านอีก ชนปึกเข้าให้

หนูบอกตนเอง “ไม่ได้แล้ว”

ครูคอยชี้ให้เห็นข้อบกพร่องเพื่อแก้ไข

ชี้ทางออกให้ด้วย

ใจหนูตอบสนองคำสั่งครูเป็นทางรอด

ตอบสนองโจทย์เป็นโอกาสในความก้าวหน้า แบบถึงไหนถึงกัน

ท่านเมตตาแลกกับหนูขนาดนี้ เอาชีวิตท่านมาเสี่ยง

แล้วหนูจะมาขี้เกียจทำได้ยังไง

  แล้วครูก็ให้โจทย์พิจารณา พร้อม ๆ กับคอยชี้ให้สติหนู

แล้วย้ำว่า “ถ้าไม่ผ่านตายอีก”

ใจหนู ฮึดขึ้นมา

“ไม่ได้ ๆ จะให้เกิดขึ้นอีกไม่ได้”

ตั้งสติทำโจทย์แบบสู้ ด้วย สติ ด้วยปัญญา

นึกย้อนถึงการเรียนปรึกษาพระพี่ชาย ท่านเป็นผู้อ่อนน้อม กตัญญูต่อครู และแม่

รู้สึกได้ว่า ท่านระลึกถึงครูกะปุ๋ม สม่ำเสมอ ว่า ที่ท่านได้บวชเพราะครู ทั้ง ๆที่ท่านไม่เคยเจอ ระหว่างที่ปฏิบัติต่อหลวงปู่ท่านก็ระลึกเสมอว่า สิ่งนี้แม่สอนมาทั้งชีวิต

  ใจต่างจากข้างในหนูลิบลับ รวมถึงใจหนู

ครูถามซ้ำ หนูพิจารณา ตลอดระยะเวลาที่รู้จักครูที่ผ่านมา หนูอยู่ในวิสัย

ที่ปฏิบัติต่อครูอย่างนิ่มนวลได้ เพราะแม่ปลูกฝังเรื่องการเอาใจใส่ดูแลผู้อื่นมาแต่เล็กแต่น้อย แต่ใจหนูกระด้างไม่ ฝึกฝนตนเอง มากไปกว่าประจบ แบบอยากจะได้อะไร ๆ เป็นครั้งครา

พอผ่านโจทย์ นกบินผ่าน หนูเบรกทัน

นกรอด ใจหนูโล่ง

ครูชี้ว่า เห็นไหม สติ

ถ้าตะกี้ไม่ผ่านนกตาย

โจทย์ใหม่มา

ครูชี้ว่า “รู้ไหมทำไมครูถึงใช้สรรพนามพระพี่ชายกับติ๋ว”

ครูย้ำว่า “ถ้าไม่ผ่านโจทย์นี้ตายหมู่”

หนูตอบว่า “เพราะท่านเป็นพระแท้”

หนูตอบแบบใช้สมองคิด ครูถามซ้ำ หนูรู้ละมีอะไรผิด

สำรวจใจตนเองใหม่ ใจหนูชอบแข่ง ชอบกดหัวคนอื่นลง

ไปเจอความรู้สึกว่า “ใจหนูรู้สึกว่าท่านคือ พี่ชาย”

พอได้เห็นข้างในยุบลง

ครูตอบว่า “ใช่”

แล้วเป็นยังไง พอเห็นแล้วข้างในมันยุบลง

ตอนนั้นใจหนูย้ำสิ่งที่ยุบลงข้างในว่า “มันดับ”

ครูเมตตาชี้ลงไปอีกว่า “พระพี่ชายติ๋วเป็นพระตั้งแต่ยังไม่ปลงผม”

สักกายทิฐิไม่มี เพราะเชื่อในสิ่งที่ใครก็ไม่รู้บอก ไม่มีตัวมีตนเลยเชื่ออย่างลงจิตลงใจ

บวชแล้วรักษาศีล 227 ข้อ แน่วแน่ไม่หวั่นไหว

ความลังเลสงสัยไม่มี มุ่งปฏิบัติภาวนา ส่วนตอนนี้ท่านจะขั้นไหนแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของเราที่จะไปเพ่งมอง

ใจหนูสาธุ

แบบน้ำตาไหล แต่มีสองความรู้สึกที่ชิงกันเข้ามาในใจ

ดีใจปีติ กับน้อยใจ

ดีใจที่พระพี่ชายพ้นทุกข์ ดีใจที่ได้เป็นน้องสาวเป็นลูกพ่อแม่เดียวกัน และท่านพ้นทุกขืให้เห็น มิน่าทุกครั้งที่เรียนปรึกษาท่าน ท่านไม่เคยชี้ให้หนีห่างครูบาอาจารย์เลย มีแต่ปลอบใจบอกว่า

“ธรรมดาคนเราก็ต้องมี โลภ โกรธ หลง เป็นธรรมดา แบบที่น้องเป็น”

แต่ดีที่สุดก็เชื่อครู เชื่อไม่ได้ก็อดทน อดทนอยู่ อดทนกิเลสตัวเองนี่แหละ

คำแนะนำของท่านมักจะมาลงตรงนี้เสมอ ๆ

ไม่ต้องไปไหนมาเหมือนเดิม อยู่ใกล้ ๆท่านไว้ เราปลอดภัย

อยากอยู่ก็อยู่ ไม่อยากอยู่ก็อยู่ อยู่ไปจนกว่าจะเข้าใจ จนกว่าจะพ้นทุกข์

ไม่มีครั้งไหนที่ท่านจะบอกให้หนีห่างจากครูบาอาจารย์เลย มีแต่บอกให้สู้

พอกราบเรียนครู

ครูชี้ว่า “ให้พลิกจิตที่น้อยใจมาเป็นพลัง เป็นความมุ่งมั่น จิตอย่างเดียวกันนี่แหละจะเป็นกำลังใจให้เราฝึกฝน”

“นี่ไง ตัวเมียมันฝึกยาก”

หนูสำทับกับใจตนเองว่า

“เจ้าค่ะฝึกยากจริง ๆ ทั้งอิจฉา โกรธ ท้อ มันคอยคุกคาม”

ข้างในเอ่ยถึงสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความท้อแท้สำออยอีกต่อไปเป็นความหนักแน่นแบบเห็นแล้ว เห็นกิเลสแล้ว พร้อมอดทนเผชิญหน้า

ผ่านโจทย์นี้ปุ๊บ ซ้ายสุนัข ขวาคนจะขับรถมอร์เตอร์ไซด์ข้ามถนน

เป็นจังหวะที่ครูให้สติ ทัน

เข้าใจเลยว่า ถ้าไม่มีสติ อุบัติเหตุอยู่ตรงหน้าแน่ ๆ

แต่เจ็ดโมงจะสิบแล้วยังถึงแค่ทางเลี่ยงเมือง ครูให้สติ เคาะที่นาฬิกา

หนูเปิดที่ปัดน้ำฝน ฮา

ขาดสติ

ระหว่างทางครูชี้สอน เรื่อง สติ หากมีสติ เจริญสติ จะเกิดปัญญา

จึงเรียก สติปัญญา

หรือ เรียกว่า “สติสัมปชัญญะ”

ใจหนูตอบรับ สาธุแบบใจเปิด

พอถึงสนามบิน หนูเอากระเป๋าไปโหลด ครูเอารถไปจอด ไปถึงกลุ่มสุดท้ายที่เขาเรียกขึ้นเครื่อง

ปรากฏว่า “หนูรอดและผ่านแบบเฉียดฉิว”

ครูเมตตาให้รางวัลเป็น “รองเท้าสีขาวคู่ใหม่ของ Cross ของท่านเป็นกำลังใจ”

เพราะวันนี้หนูตั้งใจเรียน

ไม่ใช่ครั้งแรกที่เดินทางมาสนามบิน

ครั้งที่แล้วครูเป็นให้ดูด้วยการขับมาถึงด้วยระยะเวลาไม่นาน ทั้งขับด้วย สอนหนูด้วย ทั้ง ๆที่ใจหนูก็หนักด้วย แบบลากเปรตขึ้นรถทีเดียวค่ะ แต่ครูก็เมตตาหนูและให้ได้โอกาสแก้ไข

สาธุกราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ

 

คำสำคัญ (Tags): #aar#km#ภาวนา#วิมังสา
หมายเลขบันทึก: 541964เขียนเมื่อ 10 กรกฎาคม 2013 05:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 กรกฎาคม 2013 05:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท