ความตอนหนึ่งในหนังสือพระของประชาชน สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย จัดพิมพ์น้อมถวายสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในงานฉลองพระชันษา ๙๖ ปี วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๒ หน้า ๑๙๑ ได้กล่าวถึงวัตรปฏิบัติประการหนึ่งของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ที่สมควรนำมาเผยแพร่เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติให้พระภิกษุสามเณร ตลอดจนพุทธศาสนิกชนในการดำรงตนอย่างเรียบง่าย นั่นคือ “ความเป็นผู้สันโดษ” ข้อความในหนังสือได้กล่าวไว้ว่า “เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงเป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ที่ดำรงชีวิตด้วยการกินอยู่ง่าย ทรงมักน้อย อดทน เป็นพระผู้สันโดษ และไม่ยึดติดพิธีรีตอง การดำเนินชีวิตของพระองค์เป็นไปอย่างพอเหมาะแก่ความเป็นสมณะที่เรียกว่า สมณสารูป แม้จะทรงดำรงสมณศักดิ์อยู่ในฐานะประมุขของสงฆ์ก็ตาม ที่อยู่อาศัยก็ไม่โปรดให้ตกแต่งอย่างวิจิตรพิสดาร มีดำรัสแก่ภิกษุสามเณรในวัดอยู่เสมอว่า ‘พระเณรไม่ควรอยู่อย่างหรูหรา เป็นพระต้องจน’
กระทั่งจีวรนุ่งห่มก็ทรงใช้สอยอย่างธรรมดาเรียบง่าย โปรดใช้จีวรที่ซักย้อมเป็นประจำมากกว่าของใหม่ ทั้งยังโปรดที่จะซักและเย็บชุนด้วยพระองค์เองด้วย
ทรงรับสั่งในหมู่พระเณรและศิษย์ใกล้ชิดเสมอๆ ว่า ให้ใช้สอยข้าวของอย่างประหยัด โดยทรงปฏิบัติพระองค์ให้เห็นเป็นแบบอย่าง ไม่ทรงนิยมสะสมข้าวของ และมักแจกจ่ายออกไปตามโอกาสอันควร เช่น ในวันมหาปวารณาออกพรรษา
คราวหนึ่งมีผู้ประสงค์จะถวายรถยนต์สำหรับทรงใช้สอยเวลาเสด็จไปปฏิบัติภารกิจต่างๆ
ทรงมีรับสั่งตอบว่า ‘ไม่รู้จะไปเก็บไว้ที่ไหน’ หมายความว่าไม่ทรงรับถวาย
และทุกครั้งเวลาเสด็จไปร่วมงานบุญงานกุศลที่วัดไหน เมื่อมีผู้ถวายปัจจัย
พระองค์จะไม่ทรงรับไว้เอง จะประทานคืนโดยรับสั่งว่า ‘ขอร่วมทำบุญด้วย’
พระคุณธรรมเหล่านี้นำชีวิตของพระองค์ให้ดำเนินสู่เส้นทางของความสำเร็จ
แม้จะมีอุปสรรคหรือทรงพบกับความผิดหวังต่างๆ แต่ด้วย
พระคุณธรรมที่มีมีอยู่ประจำพระองค์ก็ทรงฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายมาได้โดยตลอด ชีวิตของพระองค์จึงเป็นตัวอย่างอันดีงามสมควรที่จะยึดถือเป็นแบบอย่างเพื่อประพฤติปฏิบัติตาม”
นอกจากนี้ ความตอนหนึ่งในหนังสือพระผู้สำรวมพร้อม ซึ่งจัดพิมพ์เป็นที่ระลึกในงานบำเพ็ญพระกุศลคล้ายวันประสูติ เจริญพระชันษา ๙๙ ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๕ หน้า ๑๒๐-๑๒๑ ได้กล่าวไว้ว่า “พระภิกษุในวัดบวรนิเวศวิหารที่ถวายการปรนนิบัติดูแลเจ้าพระคุณสมเด็จฯ เล่าว่า แม้จนเมื่อทรงดำรงตำแหน่งประมุขแห่งศาสนจักรแล้ว ที่บรรทมในตำหนักที่ประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ก็ยังคงเป็นเพียงเก้าอี้สปริงตัวเก่า ซึ่งสั้นเกินกว่าที่จะใช้นอนได้ จึงต้องใช้ตั่งต่อทางปลายเพื่อวางพระบาท ถัดจากด้านปลายพระบาทไปก็เป็นโต๊ะเล็กๆ อีกตัว ตั้งพัดลมเก่าๆ ซึ่ง ‘เปิดทีก็หมุนแก็กๆ ๆ’
แม้แต่อาสนะผืนเก่าที่พระมารดา คือ ‘นางน้อย’ เคยเย็บถวายแต่เมื่อครั้งยังเป็นมหาเปรียญหนุ่มๆ พระองค์ก็ใช้เรื่อยมา จนเมื่อขาดเปื่อยไป ก็ยังนำไปรองไว้ใต้อาสนะผืนใหม่ และเมื่อทรงได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชแล้ว อาสนะผืนเก่าที่พระมารดาเย็บให้ก็ยังโปรดให้วางไว้ใต้อาสนะที่ประทับเป็นการแสดงกตัญญุตาสนองคุณเช่นที่เคยทรงถือปฏิบัติมา ได้ยินมาว่าครั้งหนึ่งเคยมีเด็กจะหยิบไปทิ้งเพราะเห็นเป็นผ้าเก่าๆ ขาดๆ แต่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ มีรับสั่งว่า ‘นั่นของโยมแม่ เอาไว้ที่เดิม’
...ครั้งหนึ่งหลังจากทรงได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชแล้ว ไม่นานนักศิษย์ใกล้ชิดคนหนึ่งมากราบทูลว่า ‘ขณะนี้วัด (ชื่อวัด) ที่เมืองกาญจน์ฯ กำลังสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเกือบจะเสร็จแล้วยังขาดเงินอีกราว ๗-๘ แสนบาท อยากจะกราบทูลใต้ฝ่าพระบาทเสด็จไปโปรดสักครั้ง สะพานจะได้เสร็จเร็วๆ ไม่ทราบว่าใต้ฝ่าพระบาทจะพอมีเวลาเสด็จได้หรือไม่ กระหม่อม’ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ตรัสตอบว่า ‘เวลาน่ะพอมี แต่เงินตั้งแสนจะเอาที่ไหน เพราะพระไม่มีอาชีพการงาน ไม่มีรายได้เหมือนชาวบ้าน แล้วแต่เขาจะให้’…”
เจ้าพระคุณสมเด็จฯ จึงทรงเป็นแบบอย่างของการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ที่เราท่านทั้งหลายควรยึดถือเป็นแบบอย่างอย่างในการดำรงตน และในโอกาสอันเป็นมงคลงานฉลองพระชันษา ๑๐๐ ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ๓ ตุลาคม ๒๕๕๖นี้ ขอเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมกันปฏิบัติและจัดกิจกรรมถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก รวมทั้งร่วมประดับธงตราสัญลักษณ์งานฉลองพระชันษา ๑๐๐ ปีฯ ตามอาคารของหน่วยงานและบ้านเรือนที่เหมาะสม โดยประดับในระยะเวลาของการจัดงานฉลองพระชันษาฯ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ เมษายน – ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.watbowon.com
ทศพนธ์ นรทัศน์ เรียบเรียง
ประธานชมรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อความเท่าเทียมกัน
www.facebook.com/ICTforAll.orgพระต้องเรียนรู้เพื่อสืบต่อพระศาสนาปฏิบัติถูกต้องตามพระวินัย