ปีชง! ปีทองของชีวิต 1


ปี พ.ศ.๒๕๕๖ นี้..เพื่อนๆหลายคนรวมทั้งข้าพเจ้า ต่างตกอยู่ในเกณฑ์ที่ทางคนจีนมีคติความเชื่อว่า "ชง"
เพราะพวกเราเกิดพ.ศ. ๒๕๑๔  อายุอานาม ๔๒ ตรงกับปีกุน

หลายๆคนก็โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊คมั่ง พูดคุยโทรศัพท์ถามไถ่ข่าวคราวกันมั่ง
และแนะนำให้ไปทำพิธีแก้เคราะห์ สะเดาะเคราะห์ในปีชงกันมั่ง อย่างนี้เป็นต้น
 สำหรับตัวข้าพเจ้านั้น ค่อนข้างเชื่ออยู่บ้างแต่ไม่ถึงกับงมงาย
เพราะตั้งแต่เกิดมาจนอายุย่างเข้าวัยกลางคนแล้วนี้
ได้พบประสบเหตุการณ์ที่คนไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยิน และถ้าไม่รู้จักมักคุ้นกันแล้ว
เป็นอันเชื่อได้ว่า ข้าพเจ้าน่าจะเพี้ยน หรือพูดอะไรเป็นตุเป็นตะ(ซึ่งต่อไปจะรวบรวมเหตุการณ์เหล่านั้น มาเล่าให้เราๆท่านๆได้อ่านกัน)
สำหรับปีชงปีนี้ เพื่อนๆบางคนก็ต่างไปทำพิธีแก้ชงกันมาบ้างแล้ว

คงมีแต่ข้าพเจ้าที่ยังไม่ได้ทำพิธีตามคติความเชื่อนั้น แม้ว่าที่บ้านจะมีเชื้อสายจีนถึง๗๕ % เลยที่เดียว
(เคยเห็นภาพงานศพบรรพบุรุษ   ที่ตอนคุณแม่ข้าพเจ้ายังเด็กนั้น ท่านใส่ชุดกระสอบแบบคนจีนเต็มยศเลย
เข้าใจว่าน่าจะเป็นก๋งหรือ ปู่ของแม่))
ความเป็นจีนของที่บ้านนี้ปัจจุบันหลงเหลือเพียงไหว้ตรุษจีนกับสารทจีน
และภาษาพูดคุยกันในบ้าน บางคำที่เราใช้กันอยู่(แต่มาอยู่ใต้นี่ไม่ค่อยได้ใช้เลย!!)
เช่นคำว่า เทียวไล้เทียวขื่อ     ท้ำเทีย   ปุ๊นเต๊า   เล่าเต๊ง! อย่างนี้เป็นต้น

เอ้า!ไปนอกเรื่องซะไกล
วกกลับมาเรื่องปีชงต่อ

อย่างที่บอกว่าเป็นปีชง ความเชื่ออย่างนึงก็คือต้องแก้เคล็ด เช่นให้คนเกิดปีกุนไปขอเหรียญอะไรก็ได้
จากคนเกิดปีระกามาเก็บติดตัวไว้ จะช่วยเสริมดวงที่ชงให้ดีขึ้น ประมาณนี้  และอย่าลืมว่าให้คนเกิดปีระกานั้น
กล่าวคำอวยพร ให้ศีลให้พรเราด้วย

พอดีข้าพเจ้ามีน้าสาวซึ่งอายุห่างจากข้าพเจ้าเพียง 2 ปี น้าสาวคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณแม่
(ปัจจุบันเป็นอาจารย์ที่จ.ชลบุรี )
ได้เคยวิ่งเล่นซ่อนหา เล่นไล่จับ และข้าพเจ้าต้องตกเป็น  "ลูกไล่" ของน้าสาวท่านนี้มาแต่เด็ก
ก็นานๆที เวลากลับบ้านและน้าสาวได้กลับมาช่วงตรุษสารท จึงพบหน้าค่าตากัน

อย่ากระนั้นเลยโทรศัพท์ไปขอเหรียญจากน้าดีกว่า เนื่องจากเมื่อเดือนมกราคม ๒๕๕๖ ข้าพเจ้า
ได้จังหวะพานักกีฬาไปแข่งกีฬาที่สถาบันการพลศึกษา(ต้นสังกัดเดิม!) วิทยาเขตชลบุรีพอดี
ปรากฏว่า โทรคุยกันไป ต้องกลืนก้อนสะอื้นไว้ เพราะน้ากล่าวถ้อยคำชื่นชมมา
เนื่องจากเล่าให้น้าฟังแล้ว น้าซึ่งแทบจะเป็นพี่สาวคนนี้ ก็พูดให้กำลังใจ
และชื่นชมข้าพเจ้าตลอดทั้งให้ศีลให้พร
ชนิดที่เรียกว่า  ข้าพเจ้าต้องกลืนก้อนแข็งๆ(เห็นโบราณเขาเรียกก้อนสะอื้น)ลงไปในอก
เนื่องจากภาพแห่งความหลังและความยากลำบากในชีวิตของขัาพเจ้ามันดันผลุดขึ้นมา!
(ส่วนน้าสาวท่านนี้ ท่านคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เพราะเกิดมาเตี่ยท่านก็มีทรัพย์สมบัติ
บ้านช่องใหญ่โตไว้ให้แล้ว เรียกว่ามีฐานะในหมู่ญาติพี่น้องฝ่ายแม่ข้าพเจ้าอยู่แล้ว)
ก็เลยพูดอะไรไม่ออก อึ้งไปพักใหญ่ สรุปว่าไม่ได้พบหน้ากัน เหรียญนั้นก็ยังไม่ได้
มันจะช่วยให้หายชงมั้ยก็ไม่รู้ ???

นี่ล่วงมาเดือนมิถุนายน และเดือนนี้กำลังจะจากไปเดือนใหม่จะมาแทนที่แล้ว 
มีเหตุการณ์ในชีวิตหลายอย่างที่อยากจะบันทึกไว้ว่า เป็นปีทอง!

 ข้าพเจ้าขอสรุปเหตุการณ์ว่าปีทองของชีวิต! มีอะไรบ้าง
1. ปีนี้ให้บังเอิญ คุณลุงพี่ชายคนโตของคุณแม่ข้าพเจ้า อายุท่านปีนี้ ๗๓ ปี ต้องไปให้ยาฆ่าเชื้อเกือบ 2 สัปดาห์และนอนฟื้นฟูสุขภาพที่โรงพยาบาลวชิระกรุงเทพฯ
ลูกชายและลูกสาวของท่านทั้งสองต่างมีภาระกิจไปเฝ้าและไปเยี่ยมแล้ว แต่บางวันก็ติดขัดเนื่องจากภาระงาน ขาดแต่เพียงข้าพเจ้าซึ่งโชคดีมาก เพราะเดือนมกราคมอย่างที่บอกว่าข้าพเจ้าพานักกีฬาไปแข่งกีฬาที่จ.ชลบุรี และมีกำหนดจะเลยไปงานแต่งงานน้องชาย(ลูกของอา)ซึ่งเป็นทหารเรืออยู่อ.สัตหีบ
ก็เลยตัดสินใจยกเลิกการไปงานแต่งงานน้องชาย เพราะถึงข้าพเจ้าไม่ไป เจ้าบ่าวเจ้าสาวเขาก็ต้องทำพิธีแต่งงานกันได้อยู่แล้ว
แต่...คุณลุงซึ่งจัดเป็นผู้มีพระคุณคณานับท่านนี้ และยังมีอยู่ตลอดไป (ปัจจุบันคุณแม่ข้าพเจ้าก็ยังพำนักพักอาศัยอยู่ที่บ้านท่าน) ถ้าข้าพเจ้าได้ไปตอบแทนพระคุณด้วยการปรนนิบัติ รับใช้ ดูแลท่านยามป่วยไข้ นับว่าเป็นโอกาสทองมาก!
พี่ชาย พี่สาวข้าพเจ้าก็วางใจว่ามีคนดูแลพ่อ ซึ่งเป็นลูกหลานใกล้ชิด คลายความห่วงใยลงไปได้ แม้ว่าไม่ได้มาเอง
นับได้ว่าโชคดีจริงๆ!!!  ที่สำคัญคือ รู้สึกเห็นใจคนป่วยทั้งหลายที่ต้องนอนอยู่โรงพยาบาล
เพราะขนาดคุณลุงของข้าพเจ้าไม่มีไข้ ไม่ต้องเช็ดตัวท่าน และท่านยังสุขภาพดี เดินเหิน ทำอะไรต่อมิอะไรเองได้
คนเฝ้าไข้อย่างข้าพเจ้ายังรู้สึก "เบื่อ"
เอ้า! ไหนว่าโชคดีที่ได้ไปเฝ้าไข้ไง ไหงพูดกลับไปกลับมาอย่างนี้ล่ะ??
คุณผู้อ่านคงนึกสงสัย   แต่ เบื่อในที่นี้ไม่ได้หมายถึง เบื่อคุณลุงข้าพเจ้า หมายถึงเบื่อที่ต้องอยู่ในพื้นที่ห้องสี่เหลี่ยมของโรงพยาบาล    ออกไปใช้ชีวิตข้างนอกได้เพียงแป๊บเดียว ต้องรีบกลับมา
แล้วคนไข้ล่ะ! จะรู้สึกทุกข์ เบื่อขนาดไหน
ยิ่งคนไข้ที่ต้องทนทรมานกับโรคภัยด้วยแล้ว เขาจะทุกข์มากกว่าข้าพเจ้าเพียงใด???
มาถึงตอนนี้แล้ว ให้นึกถึงพระโอวาทของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราที่ว่า
อโรคยา ปรมา ลาภา  ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

อีกเรื่องนึงคือ การได้ปรนนิบัติรับใช้คุณลุงท่านนี้นั้น ธรรมดาประสาคนแก่ ย่อม "เล่าความหลัง"
ซึ่งหลายเรื่อง ท่านมีมุมมอง แง่คิดและประสบการณ์การทำงานอันยาวนานในวงราชการของท่านนั้น
เป็นประโยชน์ต่อข้าพเจ้ามาก

เป็นธรรมดาว่าคนไข้ที่อยู่โรงพยาบาลหลายๆวันย่อมเบื่ออาหาร เพราะร่างกายไม่ได้ออกแรงขยับเขยื้อนลำไส้
คุณลุงนี้ปรกติท่านเป็นคนทานยากและพิถีพิถันเรื่องอาหารมาก ข้าพเจ้าต้องคอยถามว่าลุงอยากกินอะไร
จากนั้นจึงจัดแจงไปหาซื้อและนำมาจัดใส่ภาชนะดูแลให้ท่านรับประทาน เก็บล้างฯลฯ จนอาหารทุกร้านในโรงพยาบาล ในซอยทั้งด้านข้าง ด้านหน้าโรงพยาบาลนั้น ร้านไหนที่ท่านชอบก็หาซื้อหมดแล้ว

วันนหนึ่งตอนที่เฝ้าท่าน  จำได้ว่า ข้าพเจ้าได้บีบนวดท่านตามขาตามแขน และถามว่า
"ลุง ชอบกินไส้กรอกปลาแนมมั้ย?"
"ชอบสิ่! ลุงชอบมากเลยล่ะ"  ลุงตอบ

ได้ฟังดังนั้น สุดแสนจะดีใจ

ที่ข้าพเจ้าถามนั้น  เพราะคุณแม่ข้าพเจ้าชอบ รวมทั้งข้าพเจ้าด้วย ต่างชอบปลาแนมมาก
ข้าพเจ้าคิดตรรกกะอย่างง่ายๆว่า ถ้าคุณแม่ข้าพเจ้าชอบ
คุณลุงที่เป็นพี่ชายคุณแม่ท่านอาจจะชอบด้วยก็ได้
เพราะพี่น้องผูกพันกันทางสายเลือด ซึ่งเป็นไปตามข้อสันนิษฐานของข้าพเจ้า

รวมทั้ง เวลากลับไปบ้านหรือมีโอกาสไปกทม.
อาหารหรือขนมอร่อยๆที่ข้าพเจ้าเคยกินตอนเด็กๆ และที่ใต้ไม่มีขายนั้น
ถ้ามีโอกาสจะรีบซื้อไว้ทันที
ไส้กรอกปลาแนมนี้หาทานยาก และเจ้าที่อร่อยๆก็ยิ่งหายาก
 มาคราวนี้ ไม่พลาด ได้ไปที่กระทรวงศึกษาธิการ
อยู่ไม่ห่างโรงพยาบาลวชิระด้วย

คนขายคือคุณลุงคุณป้าสองท่าน อายุย่างเข้า 70-80 ปี นั่งขายอยู่หน้าธนาคารกรุงไทยในกระทรวงศึกษาธิการ
จัดแจงซื้อมา 3 ชุด ของข้าพเจ้า 1 ชุด ของคุณลุง  2 ชุด
 ตอนไปก็ไม่ได้บอกลุงหรอกว่าข้าพเจ้าจะไปหาซื้อไส้กรอกปลาแนม
บอกแต่เพียงว่า
"เดี๋ยวหนูมานะลุง"

แล้วก็รีบจรรีไปอย่างรวดเร็ว

พอกลับมาถึง ลุงประหลาดใจและ(ดีใจด้วย)
ไส้กรอกปลาแนมนั้น คุณลุงทานหมด 1 ชุด เก็บไว้อีก 1 ชุด
ทั้งลุงและหลานจัดการไส้กรอกปลาแนม(ส่วนข้าพเจ้ากินแต่ปลาแนม)
อิ่มทั้งกายอิ่มทั้งใจ!!!

ปีทองของชีวิตจริงๆ!!!


(ขอบคุณภาพจาก  http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2009/06/D7956282/D7956282.html)

ในภาพเป็นไส้กรอกปลาแนมจากร้านแม่อุดม ข้างโรงเรียนสตรีวิทยา  ราชดำเนิน โทร.02-2821572



หมายเลขบันทึก: 540101เขียนเมื่อ 21 มิถุนายน 2013 16:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 กันยายน 2013 15:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ทางใต้ไม่มีขายค่ะ ไม่เคยเห็นเลยค่ะ อยากทานเช่นกันค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท