26. ร้านอาหารไทยลาสเวกัส



หลังจากรถเคลื่อนที่ออกจากร้าน ภรรยาผมได้ใช้ไอแพดโทรไปหาน้องสาวที่ลอสแองเจลิส


"ทำไมไม่จอดเติมน้ำมันที่ปั๊มใกล้บ้านก่อน" เสียง "ต้อย" น้องสาวผมดังออกมาจากลำโพงไอแพด

"ก็ น้ำมันในถังพร่องนิดเดียวเอง" ผมตอบโดยตายังมองถนน


</span>

"หลังจากส่งขึ้นรถแล้ว กลับเข้ามาในบ้านเห็นตะกร้าใส่ข้าวเหนียวกับหมูทอด รีบเอารถออกตาม หากพี่แวะเติมน้ำมันก็ทัน.......แล้วกินอะไรหรือยัง" ต้อยเป็นห่วง

"เรียบร้อยแล้ว.....ไก่ทอด" ภรรยาผมตอบ


จบการสนทนาด้วยเสียงหัวเราะดังก้อง ทั้งจากลำโพงไอแพดและในรถ

ก่อนเที่ยงเล็กน้อยผมก็พาฟอร์ด เอกซ์พลอเรอร์ เข้าสู่ใจกลางนครไม่เคยหลับ ลาสเวกัส ผมวิ่งบนถนน Las Vegas Fwy ด้านนั้นมีสี่เลน ซึ่งมีรถเต็มไปหมดและใช้ความเร็วเฉลี่ยราว 55 ไมล์/ชั่วโมง ผมพยายามวิ่งเลนนอก (ขวาสุด)


"เราต้องออกทางออกที่ 42B นะช่วยดูให้ด้วย" ผมบอกผู้ร่วมเดินทาง

ผมจองโรงแรมแถวดาวน์ทาวน์ลาสเวกัสไว้ ราคาประหยัดคืนละสองพันบาทนิดๆ ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ ประการแรก ย่านเดอะสตริป (ลาสเวกัสบูเลอร์วาร์ด) แพงมากและเราทั้งสามคนเคยมาพักที่เดอะสตริปแล้ว ประการที่สอง เราเพียงพักนอนเพื่อเดินทางต่อไปแกรนแคนยอน


พอถึงทางออก 42A ซึ่งต่อไปจะเป็น 42B ผมขับเลนขวาสุด แต่...ผมเข้าไปขวาสุดไวเกินไป เพราะขวาสุดช่วงนั้น บังคับให้ออกไป 42A ซะแล้ว ยังไม่ถึง 42B เลย เอาละซีผมจะไปลงที่ไหน

ผมลงจาก Las Vegas Fwy ก็หาที่จอดรถซึ่งกว่าจะหาที่จอดได้ก็ไกลโข ขอไอแพดจากภรรยาหาสถานที่ตั้งของโรงแรมย่านดาวน์ทาวน์อีกครั้ง โดยเข้าไปใน Google Maps โรงแรมห่างจากจุดที่ผมจอดรถเพียง 10 นาที


“ไปโรงแรมหรือว่าหาข้าวกินก่อน” ผมถามสมาชิกเพราะขณะนั้นเลยเที่ยงมาเล็กน้อย

“หาข้าวกินก่อนดีกว่า” คุณพี่ที่แสนดีบอก และสั่งการต่อว่า

“ถามเฮียเกิ้ลดูซิ มีร้านอาหารไทยแถวนี้ไหม”

ผมพิมพ์คำว่า “ร้านอาหารไทย” ลงบน Google Maps มีซะด้วย อยู่ห่างจากที่ผมจอดรถไม่ถึง 5 นาที


เราเข้าไปปรากฏตัวในร้าน Pad Thai Restaurant ก่อนเที่ยงครึ่งเล็กน้อย ภายในร้านมีส่วนที่นั่งรับประทานอาหารราว 48 ตารางเมตร มีลูกค้าก่อนที่พวกเราเข้าไป 2 โต๊ะ

เราได้ที่นั่งติดผนังห้อง พี่ที่แสนดีรีบคว้าเมนูสั่งข้าวผัด ภรรยาผมสั่งผัดซีอิ๊ว ส่วนผมสั่งผัดกระเพราราดข้าว

“กระเพราที่นี่ ไม่เหมือนเมืองไทยนะคะ” นักเรียนสาวไทยมาทำงานร้านอาหารแจ้งให้ผมทราบ


“มันเป็นยังไงหนู” ผมถาม

“กลิ่นมันไม่ฉุน ใบใหญ่กว่าเมืองไทยค่ะ” สาวไทยคนสวยตอบ

“ปลูกที่นี่เหรอ” ภรรยาผมถามบ้าง


“ใช่ค่ะ แต่ไม่ใช่คนไทยปลูกนะคะ เป็นคนลาวที่มาอยู่ที่นี่นานแล้ว”

“ปลูกที่ลาสเวกัสนี่เหรอ” ภรรยาผมถามอีก คราวนี้คนสวยตอบด้วยอาการลังเล

“หนูไม่ทราบว่าปลูกที่ไหนนะคะ แต่มีขายที่นี่ค่ะ” ไม่มีปัญหาสำหรับผม ออกจะชอบเสียด้วย เพราะจะได้ชิมกระเพราเมืองมะกันลองดูจะเป็นอย่างไร


พี่ที่แสนดีสั่งต้มยำกุ้งมาอีกหม้อ


รอไม่นานอาหารก็มา ซึ่งพอวางลงบนโต๊ะทุกคนก็อุทาน เพราะอาหารจานใหญ่มาก ต้มยำกุ้งก็ชามเบ่อเริ่ม ใหญ่กว่าที่เมืองไทยราวสองเท่า

"จะกินหมดไหมนี่" ภรรยาผมพูดพึมพำ

แต่....ด้วยความหิว ทุกอย่างเกลี้ยงครับ


หมายเลขบันทึก: 538993เขียนเมื่อ 11 มิถุนายน 2013 21:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 ตุลาคม 2015 12:51 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

อยากเห็นกะเพราไทยในเมืองฝรั่งจัง หน้าตาจะเหมือนกะเพราเมืองไทยไหมนะ  ขอบคุณที่นำเรื่องราวดี ๆ มาฝากคนไทยจ้ะ


...ท่องเที่ยวไปในโลกกว้างนะคะ

ตอนทานที่ลาสเวกัส เขาผัดมาหน้าตาก็เหมือนกระเพราไทยครับ และผมเคยเห็นที่ลอสแองเจลิส ชาวลาวเอามาวางขายเหมือนตลาดนัดบ้านเรา หน้าตาก็กระเพราบ้านเรานี่แหละครับ แต่ฉุนน้อยหน่อย

ขอบคุณนะครับที่แวะมา


ไปตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้วครับ แต่เพิ่งมีโอกาสเขียน ขอบคุณนะครับ

สวัสดี ซือเฮีย ตี๋น้อยขอตามมาเที่ยวผ่านบันทึก 

ได้บรรยากาศแตกต่างจากการเล่าเรื่องครูน้อยแรกทำงาน

สบายดีครับผม


ฮา ฮา แล้ววอญ่า ผู้เฒ่าก็มา มาดึกเหมือนเคย

ครูน้อยเมื่อคราวสี่สิบปีล่วงมาแล้ว ยากไร้ไฮเทค บรรยากาศย่อมแตกต่าง

ตามมาได้เลยซือตี๋เอ๋ย....ครานี้คงมีเวลาเขียนต่อเนื่อง ฮ่า ฮ่า ฮ่า

อ้อ....การนอนดึกมิใช่เรื่องสมควรกระทำ ดูแลตัวเองด้วยนะครับ

ขอบคุณที่แวะมา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท