พระอาจารย์มิตซูโอะ คาเวสโก


ขอบคุณภาพประกอบจาก Google

"เมื่อซากุระผลิบานเป็นดอกบัว"

"หรือถึงเวลาที่ดอกบัวจะร่วงหล่นเป็นซากุระ"

................... 

ได้ข่าวครั้งแรกก็รู้สึกตกใจ และใคร่จะรู้เหตุผลในการตัดสินใจครั้งนี้ของท่าน

เมื่อรู้เหตุผล(จากคนอื่น)ว่าท่านมีปัญหาสุขภาพ ก็ทำให้เสียดาย แปลกใจ ระคนสงสัย...ใฝ่ค้นหาธรรมะที่แท้จริง ดั่งที่เคยอ่านจากหนังสือที่ท่านเขียน

ธรรมะของพระพุทธเจ้า คำสอนของครูบาผู้เป็นอริยสงฆ์ทั้งหลาย ไม่เพียงพอจะรั้งการตัดสินใจครั้งนี้ของท่านได้เลยหรือ

คำวิเคราะห์จากผู้รู้มากมาย...

จากคนที่เรียกตัวเองว่า พุทธศาสนิกชน ที่พูดหรือเขียนเอามันตามกระแส การขายข่าว...

จากข่าวที่ช่วยกระจายขจร ปากต่อปากของผู้รู้และไม่รู้

ยิ่งทำให้ภาพของท่านสลัวเลือนในศรัทธาที่เคยมี...

....................

เมื่อหวนนึกถึงคำสอนของท่าน หลายๆงานเขียน ท่านจะย้ำให้รู้ตัวในปัจจุบันขณะ

โอปนยิโก การน้อมเข้ามาพิจารณาดูจิต

การยิ้มน้อยๆเสมอเวลาเดิน นั่ง นอน

ทำจิตใจให้ดี ต่อทุกสิ่งรายรอบ

เป็นคำสอนง่ายๆ ต่อการปฏิบัติของปถุชน

ผู้เขียนเคยบันทึกถึงวิธีปฏบัติตามคำสอนของท่านในวรรคหนึ่งว่า

"การปฏิบัติของเรา ก็ควรเอาอย่างเต่า

เพราะเราก็มีทวารทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

เมื่อมีอะไรมากระทบแล้วยินดียินร้าย

ก็ให้รีบหดเข้าไป อยู่กับลมหายใจเข้าออก

ลมหายใจเข้า ไม่ต้องคิดไปตามอารมณ์

แต่ให้หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ สบายๆ

จนใจสงบ ใจสบาย แล้วค่อยๆ คิด อย่างมีสติปัญญา"

.....................

เมื่อข่าวที่เกิดขึ้นนี้ หากไม่น้อมนำธรรมะมาพิจารณา ก็อาจก่อเกิดความทุกข์ได้

ทุกข์ที่เกิดจากการเสียดาย

ทุกข์ที่เกิดจากข่าวให้ตกใจ เสียใจ

ทุกข์จากปากผู้คนที่วิพากษ์วิจารณ์ ให้เสียหายต่างๆนานา

ทุกข์เพราะการหลงผิด เข้าใจผิด

ทุกข์เพราะการยึดติดยึดมั่น ในกรอบที่เราสร้างขึ้นมาอย่างแข็งแรงแน่นหนานี้

.................

ณ ตอนนี้ ปล่อยวางเสีย ไม่ยินดียินร้าย

หายใจเข้าออกลึกๆ น้อมนำ ทำใจ

ทลายกรอบอันแน่นหนาที่กักขัง

เห็นมุมมองใหม่...

หรือดอกบัวจะกลายเป็นซากุระที่เบ่งบาน ด้วยกลีบแห่งธรรมะ ขจรขจายในถิ่นเกิด

ย่อมนำปิติสุขมาให้มากกว่ามิใช่หรือ...

....................

กราบนมัสการท่านพระอาจารย์มิตซูโอะ คาเวสโก

................

ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้

ในวันที่มีข่าวให้ยินดียินร้าย

11 มิถุนายน 2556

พ.แจ่มจำรัส

หมายเลขบันทึก: 538984เขียนเมื่อ 11 มิถุนายน 2013 20:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2013 13:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

ได้ชมข่าวจากทางทีวีอยู่เหมือนกันจ้ะ

ท่านคงมีเหตุผลของท่านนะครับ ;)...


ผู้มีธรรมะในจิตใจอยู่ที่ไหนก็เป็นที่เคารพนับถือของผู้คนนะคะ...

ขอบคุณทุกความเห็นและทุกช่อดอกไม้ครับ

เป็นธรรมดาของปุถุชนที่ยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ย่อมเปลี่ยนแปลงได้

สังขารไม่เที่ยงจริงๆค่ะค่ะเพื่อน และยังทราบว่าท่านมีโรคประจำตัวด้วยพี่สาวบอกแต่ลืมไปว่าท่านเป็นอะไร ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนค่ะ เสียดายมาก นำเรื่องเล่า นักปราชญ์ 3 คนมาเล่าให้นักเรียนฟังเด็กๆยังชอบและเข้าใจในการเปรียบเทียบที่ท่านสอนเลยค่ะ

แม้จะอยู่แบบพระ...ก็ประเสริฐในตัวตน

แม้นกลับกลายมาเป็นฆารวาส...มีหรือที่จะไม่นำสิ่งดีงามในชีวิตติดตัวไป

...

ขอชื่นชมอาจารย์มิตซูโอะ...สิ่งที่เป็นอยู่คือปัจจุบันขณะที่ดีที่สุดของท่านเสมอ

..

ขอบคุณ บันทึกนี้ ของคุณ พ. นะครับ

  • ความคิดเห็นของผมว่า อย่างไรก็ตาม ท่านก็ยังคงเป็นพระอยู่นั่นแหละครับ คนแบบนี้ไม่เป็นพระได้อย่างไรครับ :-)

"ไม่ยินดี..ไม่..ยินร้าย.."..เป็นคำสอน..ของท่าน..ปฏิบัติ..บ้าง..หรือเปล่า..เป็นคำถาม"สอน"..ที่แว่วอยู่ในหูมิรู้หาย....

"ท่านจะสึก..ไหม..."..เคยถาม"ท่าน"...สิ่งที่ยิน..ผ่านหู.."เป็นพระ..ไม่..เคย..ตกงาน"...รอยยิ้มที่..มีเมตตา..เห็น..ความ..มี..ความเป็น...จะอยู่..ใน..สำนึก..จิต..ของผู้ปฏิบัติ..ธรรม..ตลอด..อายุขัย.....ด้วย..อานาปานสติ..

ด้วยคาระวะ...ยายธี

งงเหมือนกัน แต่มั่นใจว่าท่านตริตรองอย่างดีแล้วค่ะ สาธุ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท