พยาธิธรรมโมหิ...


"เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดาจะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้"

เมื่อสามสี่วันก่อน...ข้าพเจ้ามีอาการไข้สูงมาก แทบลุกไม่ไหว

อยู่ๆ ก็เป็นไข้กระทันหันขึ้นมา อาการร้อนดั่งไฟเผา ... และหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ 

ณ ตอนนั้น การตั้งสติและพิจารณาอาการที่เกิด เกิดขึ้นด้วยสาเหตุอะไร เพื่อที่ว่าจะได้ดับซึ่งสาเหตุนั้น ตลอดทั้งวันที่ข้าพเจ้านอนซมอยู่ในกุฏิเล็กๆ... พยายามที่จะส่งเสียงตะโกนเรียกใครๆ ที่อาจอยู่แถวนั้น แต่เงียบ

นึกถึงวันก่อนหน้านี้ ... ที่เริ่มมีสัญญาณเตือน แต่ข้าพเจ้าก็ยังคงทำงานจัดการกุฏิเพียงลำพัง พอเวลาสายๆ ขับรถเข้ามาในตัวเมือง ... และแวะที่บ้าน พอแม่ทราบแม่รีบกระตือรือร้นหาอะไรให้ลูกทาน เพราะแม่ทราบว่าลูกยังไม่ได้ทานอะไร...

ชำเลืองนาฬิกาก็เกือบจะเที่ยง แต่ด้วยความเห็นแม่ตั้งใจทำอย่างมาก ข้าพเจ้าจึงก้มหน้าก้มตาทาน...อร่อยที่สุด อาหารในรอบมื้อเดียว 

พอตกบ่ายขับรถกลับวัด...

อาการไข้เริ่มกำเริบ จึงเข้านอนพัก....

พอตกกลางคือ...อาการก็ยังไม่ดีขึ้น

แต่รุ่งเช้า ...หลายคนไปแสวงบุญในงานบุญที่ไม่ห่างไกลนัก ข้าพเจ้าอยู่เพียงลำพัง ไข้กำเริบอีกครั้ง ไม่ไหว...นอนซมลุกไม่ขึ้นจนต้องขอให้บอย...หาน้ำแข็งและยาลดไข้มาให้ ประคบและเช็ดตัวเองด้วยน้ำแข็ง+น้ำเย็น ค่อยรู้สึกสบายตัวขึ้น เข้านอนต่อ มองหาใครรอบๆ ก็เงียบ...นี่คือ สัจจะธรรมของชีวิต หากต้องตายเราก็เพียงแค่ตายตามลำพัง

แล้วข้าพเจ้าก็นอนยาว ... จนได้ยินเสียงฝ่าเท้าเล็กๆ เดินขึ้นมากุฏิเมื่อบ่ายคล้อยจวนจะเย็นค่ำ

"มดแดง"....ข้าพเจ้าส่งเสียงเรียกอย่างแผ่วเบา "ขา...แม่ครู" เสียงตอบรับจากหน้าห้อง 

"มดแดงหาผ้าชุบน้ำมาให้แม่ครูหน่อย"... เท่านั้นแหละค่ะ เสียงการเคลื่อนไหวอย่างกระตือรือร้นเกิดขึ้น และมือเล็กๆ ของแม่ชีมดแดงค่อยๆ...เช็ดไปตามตัวให้แก่ข้าพเจ้า "แม่ครูไม่สบาย...เป็นไข้" คือ เสียงที่บอกต่อๆ กัน แม่ชีน้อยทั้งห้า...ทยอยเข้ามาช่วยกัน 

"หนูไม่น่าไปนอน หนูน่าจะมาดูแม่ครู" น้ำเสียงเศร้าสลดของมดแดง... 

ข้าพเจ้าเผลอหลับไปอีกงีบหนึ่ง...

ลืมตาอีกครั้ง...พบแม่ชีน้อยยังนั่งอยู่ ข้าพเจ้าจึงบอกต่อแม่ชีติ๋วว่า... "ไป พาเด็กๆ ไปซื้อรองเท้านักเรียน"... เพราะไปซื้ออุปกรณ์การเรียนเมื่อวันก่อนยังได้ของไม่ครบ ทุกคนยังนั่งเงียบ "แม่ครูขา...พวกหนูอยากกราบแม่ครู"... ข้าพเจ้าพยักหน้า... ทุกคนพร้อมใจก้มลงกราบและมอบพระที่ตัวเองได้จากหลวงปู่ให้แก่ข้าพเจ้า "หนูให้แม่ครู ... ขอให้แม่ครูหายไวไวค่ะ"... ข้าพเจ้ายิ้มน้อยๆ พร้อมพยักหน้าให้รีบไปเดี๋ยวจะมืด

ในขณะนั้น...อยู่เพียงลำพังอีกครั้ง "พิจารณากายและธาตุ" บอกกับตัวเองว่า "ธาตุไฟเกิน"

แต่...ไฟนั้นก็ไม่ดับ...

เช้าวันจันทร์...อาการไข้สูงเป็นขึ้นอีกครั้ง ข้าพเจ้ารีบนอน...

ในวันนี้ข้าพเจ้าเบื่ออาหารอย่างมาก ทานอาหารไม่ได้... นอนพักอย่างเดียว แม่ชีน้อยไปกราบลาสึกหลวงปู่ และข้าพเจ้าให้รางวัลด้วยการให้ไปซื้อส้มตำไก่ย่างมาทานก่อนกลับบ้าน ...

ขณะที่แม่ชีน้อยไปซื้อของ สังกะลีผลัดกันมาดูแล เพราะพระอาจารย์มาพบว่าข้าพเจ้าถูกทิ้งให้อยู่ลำพัง...

ความแตกต่าง...ระหว่างแม่ชีน้อยและสังกะลีคือ ความเพลิดเพลินสนุกสนานของแม่ชีน้อย แต่สังกะลีดูเหมือนจะมีความรับผิดชอบมากกว่า ห่วงใยและมานั่งเฝ้าแม่ครูที่หน้าห้อง ณ ศาลาสี่

ธรรมะที่ได้พิจารณาเพิ่มในตนเองวันนี้คือ ... "เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดาจะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้"

เมื่อพิจารณาข้อธรรมนี้ ... อุณหภูมิในร่างกายค่อยๆ ลด

นั่นอาจเป็นเพราะว่า "การยอมรับและการทำความเข้าใจในกายนี้" อานุภาพแห่งกำลังของใจมีมากพอเยียวยา

การเจ็บป่วยครั้งนี้ให้บทเรียนแก่หัวใจของข้าพเจ้าอย่างมากมาย ต่างล้วนแต่เป็นความประเสริฐที่หัวใจนี้ของข้าพเจ้าไม่เคยลิ้มลอง ... 

...

๑๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๖



หมายเลขบันทึก: 536170เขียนเมื่อ 16 พฤษภาคม 2013 20:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 ตุลาคม 2013 22:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

จิตใจที่สงบคงช่วยให้ร่างกายเราใช้พลังงานน้อยลง การ healing ร่างกายที่ป่วยก็จะได้หายไวขึ้นนะคะ

ขอบพระคุณค่ะ อ.จันทวรรณ พี่แอ็ด ขจิต ฝอยทอง หายแล้วค่ะค่อยมาเขียนถอดบทเรียน


ละเมียดละไมและได้ประโยชน์มากค่ะ อ่านแล้วส่งพลังใจไปถึงแม่ชีกระปุ๋มแล้วด้วยนะคะ ขอให้ร่างกายฟื้นคืนสู่สภาพปกติในเร็ววัน เชื่อว่าหายเร็วแน่เพราะพลังใจตื่นรู้มีสติที่มีอยู่เหลือเฟือในการฟื้นฟูค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท