"กอด" ... (เจ็บ แต่ จบ : รุ่งพร มีศิลป์)
บันทึกที่แล้ว "เห็นภาพความสุขง่าย ๆ" ... (เจ็บ แต่ จบ : รุ่งพร มีศิลป์)
นักเขียนตัวจริง เสียงจริง คุณ รุ่งพร มีศิลป์ แวะมาเยี่ยมเยียนครับ
สวัสดีค่ะ คุณ Wasawat Deemarn ยินดีอย่างยิ่งที่ชอบหนังสือเล่มนี้ค่ะ ..
ทุกอย่างที่รุ่งเขียน เกิดจากการเรียนรู้ในห้องเรียนเข็มทิศจิตใต้สำนึก ของครูอ้อย ฐิตินาถ ณพัทลุง
ขอบคุณและยินดีอย่างยิ่งที่เราจะส่งต่อกำลังใจดีๆให้กันทุกๆวันค่ะ
https://www.facebook.com/Runglifecoach?ref=tn_tnmn
ผมยังเรื่องที่ประทับใจอีกในหนังสือเล่มนี้ อยากจะนำเสนอ ...
สัญญาว่า ต่อไปนี้เราจะกล้าแสดงความรักต่อกัน
(ด้วยวงแขน ไม่ใช่วงเิงิน)
กอด
กอดเป็นการแสดงออกอันประดักประเดิด เก้อเขิน
เห็นคนกอดกัน ผู้ใหญ่ว่าบัดสี ไม่รู้จักอับอาย
บ้างว่า ดัดจริต โอเว่อร์ทำท่าเป็นฝรั่ง
การกอด กลายเป็นสัมผัสต้องห้ามที่คนเราห่างเหิน
โดยเฉพาะชาวไทย ในขณะที่การมึนตึง นิ่งเชิด
ชักสีหน้า เคร่งเครียด ด่าตวาด
เป็นธรรมชาติอารมณ์ ที่ยอมรับได้
พ่อ-แม่ เลิกกอดลูก พี่น้อง เลิกกอดกัน
เพื่อนรัก เพื่อนตาย ไม่เคยสัมผัสการกอด
ข้างบ้าน...บ้าสิ จะกอดกันได้ไง หน้ายังไ่ม่เคยมอง
คนที่ทำงาน โห...ขืนกอด ก็ฉาวไปทั้งตึก
การปฏิเสธอ้อมกอด
ทำให้เราสูญเสียหลายอย่างในชีวิต ความรัก
ความสัมพันธ์ แม้แต่ลมหายใจของบางคน
เพราะทุกอ้อมกอด มีพลัง
มากพอที่จะต่อชีวิตคนได้
เหนือกว่าหมอเทวดา
เหนือกว่ายาวิเศษ
ออกฤทธิ์ทันที
ไม่มีผลข้างเคียง
ในต่างประเทศ มีการวิจัยเรื่องการกอดมากมาย
จนเป็นที่ยอมรับว่า
การกอดช่วยลดความหวาดกลัว กังวลใจ
ลดระดับฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความเครียด
ลดอาการซึมเศร้า ทำให้อารมณ์ดีขึ้น
และบรรเทาอาการเจ็บป่วยให้ทุเลาลงได้
ในประเทศไทย คนแก่หลายคนไม่เคยได้รับการกอด
จากลูกหลาน ไม่เคยแม้แต่ พูดคุย ทักทาย สัมผัส สบตา
นั่งรอการกลับมาเยี่ยมเยียน ที่อาจจะยากกว่าหิมะตกเมืองไทย
คำอธิษฐานที่เคยขอให้อายุยืนยาว สมหวังอย่างไร้ความหมาย
ต่อไปนี้ สัญญาว่า เห็นคนชราที่บ้านเมื่อไหร่
เราจะเปิดวงแขนกว้าง ๆ สอดมือเข้าใต้รักแร้เหี่ยว ๆ
ลูบหลังท่านเบา ๆ ให้หัวใจของเราสัมผัสหัวใจเหงา ของท่าน
กระซิบคำให้กำลังใจข้างหู ซึ่งอาจจะตึงอยู่
เสียงที่แล่นเข้าไป จะสั่งหัวใจสุขให้เต้นแรง สุขทั้งเรา ทั้งท่าน
(ถ้าบ้านท่านไม่มีคนชรา ออกหา ตามสถานสงเคราะห์ได้...
ความรู้สึกเป็นคนที่รักนั้นสำคัญกับหัวใจของมนุษย์ทุกเพศ ทุกวัย)
.........................................................................................................................................................
จริง ๆ แล้ว "การกอด" เป็นวัฒนธรรมที่เคยมีมาในชุมชน Gotoknow
เมื่อนานมาแล้ว ...
หลัง ๆ ก็จะไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่
"การกอด" เป็นวัฒนธรรมที่ทำให้คนไทยขวยเขิน
แต่กลับกลายเป็นยารักษาโรคชั้นดีที่หลายคนคาดไม่ถึง
ลองไหมครับ
กอดพ่อกับแม่
กอดลูก
กอดแฟน
กอดคนที่คุณรัก
กอดเพื่อน
ฯลฯ
แต่
คุณต้องขออนุญาตเขาก่อนนะ
ไม่ใช่อยากจะกอดใครก็วิ่งเข้าไปกอดเลย
เดี๋ยวจะต้องไปคุยกันที่โรงพักเปล่า ๆ 555
บุญรักษา ทุกท่านครับ ;)...
..........................................................................................................................................................
ขอบคุณหนังสือดี ๆ
รุ่งพร มีศิลป์. เจ็บแต่จบ. กรุงเทพฯ : มินิ มี แอดเวอร์ไทซิ่ง, ๒๕๕๖.
ความเห็น (24)
เคยไปเยี่ยมศูนย์เด็กติดเชื้อ สังเกตว่าพวกเขาร้องไห้ รบเร้าอยากให้แขกที่มาเยี่ยมกอดพวกเขามากค่ะ การกอดเป็นการเยียวยาจริงๆ ค่ะ
ขอบคุณครับ มีความสุขจริง ๆ
อ่านแล้วชวนนึกถึง "free hugs กอดฟรี" ค่ะ อ.was
กอดช่วยได้จริงๆ ค่ะ ในเวลาที่ท้อแท้ สิ้นหวัง เหงา ปวดท้องเมนต์ ปวดไมเกรน มีความรุ้สึกว่าอยากให้มีใครมากอดเรา และความรู้สึกเหล่านี้่ก็จะทุเลาค่ะ มากอดกันเถอะ
"การกอด" ยารักษาโรคมหัศจรรย์นะครับ คุณ tuknarak ;)...
ขอบคุณมากครับ
ยินดีครับ คุณ nobita ;)...
ทำนองเีดียวกันเลยครับ น้องอาจารย์ พิชชา ;)...
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณมากครับ คุณ ขามป้อม
;)...
ชอบกอดเด็กๆ ตัวน้อย ๆน่ะค่ะ จากใจที่แสดงความรักความเมตตา...เป็นพลังอย่างหนึ่ง
เพื่อนๆ(เพื่อนผู้หญิงค่ะ) เวลานาน ๆเจอกันที ชอบเข้ามากอด เป็นความคิดถึงที่เรามีให้กันจริง ๆ สร้างพลังอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ...เวลาเศร้า ๆ เรียกพลังบวกกลับคืนมาได้ดีจริงๆ ค่ะ
ขอบคุณ "พลังกอด" ของคุณ สายนที"๑๙ มาก ๆ ครับ ;)...
อย่ากอด เจ้าหมาจิ้มด้วยน๊า ;)
ดิฉันเคยกอดเพื่อสงบระงับอาการคลุ้มคลั่งอาละวาดของผู้ป่วยหญิงคนหนึ่งแทนการควบคุมผูกมัดและฉีดยา กอดผู้ป่วยหญิงอีกคนหนึ่งที่ไม่ยอมขึ้นเตียงบำบัดรักษาด้วยไฟฟ้า และกอดผู้ป่วยหญิงอีกคนหนึ่งที่รู้สึกเสียใจที่ถูกละเมิดสิทธิ์ เคยถูกผู้ป่วยชาย (Autistic ขั้นรุนแรง) กระโดดกอดล้มกลิ้งไปด้วยกันหลายรอบ ฯลฯ ตัวอย่างทั้งหมดนี้สะท้อนว่า 'กอด' ด้วยความรัก ช่วยบำบัด/เยียวยาจิตใจได้จริง ท่านใดอ่านถึงตรงนี้แล้วกรุณาหันไปมองคนข้างกาย กอดรัดสัมผัสกันซะ ก่อนที่จะไม่มีโอกาส!
อ่ะ กอดเป็นดิ้นครับพี่แจ๋ว หนูรี 555
ขอบคุณสำหรับ "คำยืนยัน" ครับ คุณ ดารนี ชัยอิทธิพร ;)...
ในภาพรวม เห็นด้วยครับ แต่การกอดก็มีจริยธรรมเฉพาะตน และ กรณีด้วยนะครับ เช่น ถ้าผมจะไปกอดแฟนสาวของเพื่อนรักเพื่ออำลานั้น ต้องทำตัวโก่งๆ เพื่อไม่ให้หน้าอกไปสัมผัสกับหน้าอกของแฟนเพื่อน
พวกผู้ชายอาหรับนั้น กอดแล้วยังเอาแก้มแตะกัน บางทีรักกันมากๆ ถึงกับจูบกันก็มี ผมเคยเห็นนายอาราฟัด จูบกะ นายอันวาร์ ซาดัดมาแล้ว
วัฒนธรรมไทยเรานั้นก็มีการแสดงความรักด้วยการสัมผัสนะครับ เช่น ลูกกราบตักแม่ แล้วแม่เอามือลูบหัว ก็เป็นการสัมผัส แทนการกอดได้ระดับหนึ่ง หรือ การกราบเท้า ก็ยิ่งไปกันใหญ่
ผมว่าการกอดเป็นการสัมผัสเชิงราบ ตามวัฒนธรรมฝรั่ง ส่วนการกราบเท้า กราบตัก ลูบหัว เป็นวัฒนธรรมเชิงดิ่งแบบไทยๆ
พระฝรั่งก็กอดโยมหญิงได้ ส่วนพระไทย ห้ามแม้กระทั่งนั่งอยู่ห้องเดียวกันสองต่อสอง อย่า่่ว่าแต่สัมผัสมือ
ขอบคุณท่านอาจารย์ ถาง ด้วยครับ ;)...
สำหรับพี่โอ๋เวลาเจอสมาชิก GotoKnow ที่เราประทับใจในตัวตนจะขอกอดเลยค่ะ ได้มีโอกาสกอดมาหลายคนแล้วเหมือนกันค่ะ ประทับใจทุกคนที่ได้กอด เพศวัยไม่เกี่ยวเลย สัญชาติญาณและ"ใจ"ล้วนๆค่ะ
ขอบคุณมากครับ คุณ โอ๋-อโณ ;)...
อ่านแล้วอยากกอด...ใครดีน๊า...ตอนนี้กำลังต้องการ Free Hug ค่ะ แต่รับรองจะขออนุญาตก่อนค่ะ
กอดตัวเองไปก่อนครับ ท่านอาจารย์นพลักษณ์ ๙ Sila Phu-Chaya ;)...
จะสั่งซื้อหนังสือค่ะ สั่งได้ที่ไหนบ้างค่ะ 087-7150049
คุณ จิราพร ครับ
ร้่าน SE-ED ก็น่าจะมีนะครับ
หรือไม่ก็ลองเข้าไปหาข้อมูลที่ facebook ของคุณรุ่งพรดู
https://www.facebook.com/Runglifecoach?ref=tn_tnmn
ลองดูนะครับ ;)...
รุ่งพร มีศิลป์
ขอบคุณมากนะคะคุณwasawat. ขณะนี้รุ่งเก็บหนังสือกลับมาบริจาคแล้วค่ะ หากต้องการซื้ออ่านเอง สามารถติดต่อที่อีเมล์รุ่ง หรือ. Inbox แจ้งที่เพจ runglifecoach ได้ค่ะ. หากต้องการสั่งซื้อไปบริจาค จำนวนมาก รบกวนมารับและนำเงินไปมอบที่วัดใดก็ได้ที่ท่านศรัทธา ถือเป็นการร่วมทำบุญกันค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยครับ คุณรุ่ง รุ่งพร มีศิลป์ ;)...