กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดบึงกาฬ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อำเภอศรีวิไล
พบอาการเน่าบริเวณลำต้น และโคนต้น ของต้นยางพารา โดยที่ตั้งของแปลงอยู่ที่ตำบลน้ำจั้น อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ จึงได้เข้าตรวจแปลง นำโดยท่านเกษตรจังหวัดบึงกาฬ
นายทรงพันธุ์ จันทร์สว่าง พร้อมด้วย หัวหน้ากลุ่มอารักขาพืช นายสัมรวย
มีจินดา เกษตรอำเภอศรีวิไล นายศุภชัย ประยูรคำ
และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบประจำสำนักงานเกษตรอำเภอศรีวิไล โดยพบต้นยางพาราเป็นโรครากเน่าและโคนเน่า
ซึ่งพบในสวนยางอายุ ๔ ปี พื้นที่จำนวน ๑ไร่ และได้ยืนต้นตายแล้วจำนวน ๒๐ ต้น
เพื่อให้เกษตรกรได้รับทราบข้อมูลของโรค และเตรียมการป้องกันกำจัดให้ทันต่อสถานการณ์
กลุ่มอารักขาพืชจึงได้จัดทำเอกสารแจ้งเตือนไปยังชาวสวนยางพาราและผู้เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถรู้เท่าทันการเกิดโรคและการป้องกันกำจัดโรคได้อย่างถูกวิธี
สาเหตุเกิดจาก
เชื้อรา Phytophthora palmivora (Butler)
ลักษณะอาการ
ต้นที่เริ่มเป็นโรคจะพบว่าใบไม่เป็นมันสดใส ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองซีดและใบร่วง เมื่อพบอาการแสดงออกที่ใบ
ให้สำรวจบริเวณลำต้น กิ่งหรือราก บริเวณที่เป็นโรคจะมีสีของเปลือกเข้มคล้ายถูกน้ำเป็นวงหรือเป็นทางน้ำไหลลงด้านล่างหรือมีรอยแตกของแผล ต้นที่เป็นโรครุนแรงมากจะมีน้ำยางไหลออกมาโดยเฉพาะในช่วงเวลาเช้าที่มีอากาศชุ่มชื้น เชื้อราไฟท๊อปธอร่าสามารถแพร่กระจายโดยทางลม น้ำ ดิน ใบ กิ่งพันธุ์ และผล โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีลมพายุและความชื้นสูง จะเหมาะสมกับการแพร่กระจายและเข้าทำลายต้น
การป้องกันและรักษา
๑.หมั่นสำรวจแปลงยางพารา โดยเฉพาะช่วงต้นฝน (เมษายน-มิถุนายน) สังเกตใบยางพารามีอาการใบค่อนข้างเหลืองซีดทั้งต้นใบล่างค่อยๆ ร่วง สังเกตโคนต้นพบมีปุ่มยางไหลเปลือกยางจะค่อยๆแห้งรอบโคนต้น ยางพาราแสดงอาการตายยืนต้น
๒.พบอากรดังกล่าวใช้มีดปาด เฉือนเปลือกที่เป็นโรคทิ้ง
๓.ฉีดพ่นด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์ม่าการฉีดพ่นเฉพาะจุดให้ฉีดพ่นภายในรัศมีรอบต้นยางที่แสดงอาการเป็นโรค
จำนวน ๓ ต้นยาง
๔.สารเคมี ใช้สารฟอสเอทิล อะลูมีเนียม หรือเมทาแลกซิล หรือ ฟอสฟอรัสแอซิค อัตราตามฉลากแนะนำฉีดพ่น
ไม่มีความเห็น