แบบอย่างเกษตรชีววถี : พ่อบุญทรง ยุติธรรม


เมื่อปีที่ผ่านมา  ได้มีโอกาสศึกษาเรียนรู้ร่วมกับเกษตรกรท่ีดำเนินชีวิตด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทำการาเกษตรแบบชีววิถีหลายคน   พบว่า  แต่ละคนล้วนมีมุมมองต่อการดำเนินชีวิตด้วยความเพียรพยายามในการพัฒนาตนเอง   ควรท่ีได้รับการยกย่องเชิดชูเพื่อเป็นแบบอย่าง  ดังเช่น 

              พ่อบุญทรง  ยุติธรรม   อายุ  58  ปี  การศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6  อยู่บ้านเลขที่  15  หมู่  4  ต.ร้องวัวแดง   อ.สันกำแพง  จ.เชียงใหม่

                แต่เดิมพ่อบุญทรง  ยุติธรรม  ประกอบอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวควบคู่กับการทำนา  ต่อมาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจได้ส่งผลกระทบต่ออาชีพค้าขาย  ประกอบกับได้รับการอบรมเกษตรทฤษฎีใหม่ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง  ในปี พ.ศ. 2543  จึงปรึกษาครอบครัวเพื่อการวางแผนปรับเปลี่ยนอาชีพและตัดสินรวบรวมเงินทุนและกู้เงินบางส่วนจากธนาคารเพื่อการเกษตรปรับที่นาจำนวน  9  ไร่ เพื่อทำการเกษตรตามหลักทฤษฎีใหม่ประกอบด้วย  การปลูกข้าวในพื้นที่  6 ไร่  การปลูกสวนลำไยในพื้นที่ 1 ไร่  การปลูกผักอินทรีย์ ในพื้นที่ 2 งาน  การขุดบ่อเพื่อเก็บกักน้ำและเลี้ยงปลาสารพัดชนิดในพื้นที่  2  งาน  การเลี้ยงสัตว์จำพวกโค  หมูหลุม  ไก่  กบ  ปลา  เพื่อบริโภคและจำหน่าย  

             นับจากตัดสินใจเลือกประกอบอาชีพเกษตรกรรมตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง พ่อบุญทรง  ยุติธรรม  ได้พยายามศึกษาเรียนรู้เพื่อการพัฒนากิจกรรมทางการเกษตรของตนเองอย่างสม่ำเสมอ เช่น  การอบรมหมอดินอาสาประจำตำบลร้องวัวแดง  การอบรมอาสาสมัครปศุสัตว์  การอบรมการใช้จุลินทรีย์ชีวภาพเพื่อการเกษตรแบบชีววิถี  และได้นำผลจากการอบรมมาทดลองปฏิบัติในพื้นที่เกษตรกรรมของตนเอง  จนประจักษ์ผลชัดเจนเช่น  การใช้จุลินทรีย์ชีวภาพเพื่อการเลี้ยงปลาช่วยป้องกันปลาเป็นโรคและเป็นแหล่งอาหาร  การเลี้ยงวัวด้วยหญ้าหมักจุลินทรีย์ทำให้วัวแข็งแรงโตเร็ว ลดกลิ่นเหม็นจากปัสสาวะและอุจจาระ  การเลี้ยงหมูหลุมด้วยอาหารหมักจุลินทรีย์ทำให้หมูโตเร็วไม่เครียด และ ลดกลิ่นเหม็นจากปัสสาวะและอุจจาระ  การเลี้ยงกบ  การปลูกผักปลอดภัยชนิดต่าง ๆ  โดยใช้จุลินทรีย์ชีวภาพเป็นสารฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตและป้องกันโรคแมลง 

           พ่อนายบุญทรง  ยุติธรรมสามารถปลดหนี้สินและมีเงินเก็บออม  มีสุขภาพที่ดี มีครอบครัวที่มีความสุขเพราะทุกคนในครอบครัวได้ทำกิจกรรมร่วมกัน  จึงให้การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกลายเป็นต้นแบบความสำเร็จ  มีเพื่อนบ้านแวะเวียนมาศึกษาเรียนรู้และนำไปปฏิบัติ  เกิดการขยายผลเป็นเครือข่ายเกษตรกรทั้งภายในและนอกชุมชน  ดังนั้นพ่อบุญทรง  ยุติธรรม  จึงมีแบ่งสรรพื้นที่ในสวนเพื่อเป็นศาลาจุดเรียนรู้งานพัฒนาที่ดิน ด้วยปุ๋ยหมัก  ปุ๋ยอินทรีย์น้ำชีวภาพ  ให้แก่ผู้สนใจทั่วไปพร้อมทั้งแจกจ่ายน้ำหมักชีวภาพแก่ผู้สนใจ  และทำงานอาสาเพื่อสังคมหลากหลาย อาทิ  หมอดินอาสาประจำตำบลร้องวัวแดง   กรรมการศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยี ตำบลร้องวัวแดง  กรรมการฌาปนกิจ บ้านม่วงเขียว  กรรมการวัดม่วงเขียว  ที่ปรึกษากรรมการกองทุนหมู่บ้าน  และชักชวนเพื่อนเกษตรกรในชุมชนรวมกลุ่มจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนเกษตรพัฒนาม่วงเขียว

            สำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรพัฒนาม่วงเขียว ระยะแรกเกิดจากการรวมกลุ่มเกษตรกรต้นแบบจำนวน  30  คน มีการลงทะเบียนสมาชิกคนละ 20 บาท  ถือหุ้นละ 50 บาทไม่เกิน  5 หุ้น  มีการกู้ยืมเงินเพื่อการเกษตร  ในอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 8 ต่อปี  โดยการจัดสรรผลประโยชน์จากรายได้เป็นการคืนให้ผู้ถือหุ้น 50 %  สวัสดิการกรรมการ  10 % สนับสนุนกิจกรรมชุมชน  10 %  จัดสรรเป็นค่าวัสดุดำเนินงาน  10 %  ปัจจุบันมีสมาชิกกลุ่มจำนวน  102 คน

             อนึ่งในอดีตบ้านม่วงเขียวมีการเลี้ยงวัวจำนวนมาก  ทำให้มีปัญหาเรื่องกลิ่นรบกวน  จึงได้มีการนำเอาจุลินทรีย์ชีวภาพใช้ในการผสมอาหารวัวและทำความสะอาดคอก  ช่วยลดกลิ่นและสร้างปุ๋ยหมักเพื่อใช้ในชุมชนและขายแก่ชุมชนอื่น  จนปัจจุบันหมู่บ้านม่วงเขียวเป็นหมู่บ้านต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง  นอกจากนี้ในปี พ.ศ.2550 พ่อบุญทรง  ยุติธรรม  ได้มีโอกาสไปศึกษาดูงานการทำนาโยน  ที่จังหวัดชัยนาท  จึงมีความสนใจและนำมาปรับใช้ในที่นาของตนเอง  พร้อมทั้งสังเกตเรียนรู้พัฒนาให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม  จนได้บทสรุปว่า  การทำนาโยนช่วยลดต้นทุนการผลิต  ทั้งค่าแรงงาน  การป้องกันแมลง  การสร้างอาหารธรรมชาติ และได้ผลิตเทียบเท่าการทำนาดำ

           ครั้งล่าสุดที่ดิฉันไปเยี่ยมพ่อบุญทรง   พร้อมนำนิสิตไปศึกษาดูงาน  พบว่า  พ่อบุญทรง   กำลังเลี้ยงกบรูปแบบต่าง ๆ  เช่น  กบคอนโด ซึ่งเลี้ยงในบ่อท่ีสร้างจากยางรถยนต์เก่าเรียงต่อกันคล้ายการสร้างคอนโดมิเนียบม    กบรีสร์อทซึ่งเลี้ยงในบ่ออิฐคอนกรีตวางซ้อนแบบง่าย รายรอบด้วยต้นหญ้าและไม้น้ำและกบชุมชนท่ีเลี้ยงในบ่อท่ีสร้างจากตาข่ายพลาสติกลอยในบ่อน้ำ  ซึ่งพ่อบุญทรงบอกว่า  กบรีสร์อทมีความสุขอารมณ์ดีกว่ากบท่ีเลี้ยงในคอนโด

พ่อบุญทรง  ได้ให้ข้อคิดที่น่าสนใจแก่นิสิตว่า  คนไทยโชคดีท่ีเกิดในแผ่นดินท่ีมีพระเจ้าอยู่หัวผู้เป็นปราชญ์ชี้นำเรืืองหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง   ซึ่งหากทุกคนปฏิบัติตามเราจะมีชีวิตท่ีเป็นสุขในประชาคมอาเซี่ยน  

  




หมายเลขบันทึก: 533547เขียนเมื่อ 21 เมษายน 2013 22:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 เมษายน 2013 22:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท