พายุฤดูร้อน
นายอานนท์ ภาคมาลี (หมอแดง)
อากาศร้อนอบอ้าวอยู่ไม่กี่วัน เราก็ได้ยินข่าวพายุฤดูร้อนที่รุนแรงพัดถล่มจังหวัดต่าง
ๆ จนสร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนและเรือกสวนไร่นาเป็นจำนวนมาก ทำให้บางคนเกิดความสงสัยว่า
พายุฤดูร้อน หรือ พายุฟ้าคะนอง
(Thunderstorms) เป็นพายุที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน
มักเกิดในราวเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน หรือในช่วงก่อนเริ่มต้นฤดูฝน พายุฤดูร้อนนั้นจะทำให้การหมุนเวียนของอากาศแปรปรวนอย่างรวดเร็ว
จึงเป็นสาเหตุให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก ลมพายุพัดอย่างแรง โดยมีฟ้าแลบ ฟ้าร้อง
และฟ้าผ่าเกิดขึ้น หรือในบางครั้งอาจมีลูกเห็บตกลงมาด้วย แต่ฝนที่ตกนั้นจะตกไม่นาน
เพียงแค่ประมาณ 2 ชั่วโมงก็จะหยุดไป และกินพื้นที่แคบ ๆ ประมาณ
10-20 ตารางกิโลเมตร เมื่อฝนหยุดตกแล้วอากาศจะเย็นลง และท้องฟ้าจะเปิดอีกครั้ง
สาเหตุการเกิดพายุฤดูร้อน
พายุฤดูร้อนจะเกิดในช่วงที่มีอากาศร้อนอบอ้าวติดต่อกันหลายวัน
แล้วมีมวลอากาศเย็น หรือที่เรียกว่าความกดอากาศสูงพัดมาปะทะกับมวลอากาศร้อน
หรือความกดอากาศต่ำ การที่อากาศสองกระแสมากระทบกัน จะส่งผลให้อากาศในบริเวณนั้นแปรปรวนเกิดความรุนแรงจนกลายเป็นพายุฝนฟ้าคะนองขึ้น
สำหรับประเทศไทย พายุฤดูร้อนเกิดจากการที่ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคุลมประเทศไทย
จึงทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างอากาศที่ร้อนชื้นของประเทศไทยและอากาศที่แห้งและเย็นจากประเทศจีน
อากาศเย็นจะผลักให้อากาศร้อนชื้นลอยตัวขึ้นสู่ข้างบนอย่างรวดเร็ว จนเมื่อไอความชื้นขึ้นไปถึงชั้นบรรยากาศก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ
จนก่อตัวเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นก้อนสีเทาเข้มสูงมากกว่า
10 กิโลเมตร ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ฟ้าแลบ และฟ้าผ่าตามมา
และหากอุณหภูมิบนยอดเมฆต่ำกว่า ลบ 60 ถึง ลบ 80 องศาเซลเซียส ก็สามารถทำให้เกิดลูกเห็บตกได้ ในขณะที่ภาคพื้นดินนั้น อากาศที่ยกตัวขึ้นอย่างฉับพลัน จะทำให้อากาศในบริเวณใกล้เคียงไหลเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นลมพายุ
ทำให้เมื่อเกิดพายุฤดูร้อนจะมีลมพายุพัดแรงตามไปด้วยนั่นเอง
ลักษณะอากาศก่อน-หลังเกิดพายุฤดูร้อนสัญญาณที่จะบ่งบอกว่าพายุฤดูร้อนกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว ก็คือ
สภาพอากาศในช่วงนั้นจะร้อนอบอ้าวติดต่อกันหลาย ๆ วัน มีความชื้นในอากาศสูงจนรู้สึกเหนียวตัว
ลมค่อนข้างสงบ ท้องฟ้าขมุกขมัว และมีเมฆมาก เมฆจะสูงและมีสีเทาเข้ม
ต่อมาลมจะพัดแรงขึ้นไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ก่อนที่เมฆจะก่อตัวหนาแน่นอย่างรวดเร็ว
จนเกิดฟ้าแลบ และฝนฟ้าคะนองในระยะไกล สุดท้ายแล้วจะกลายเป็นพายุฝนฟ้าคะนองตามมา
ประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อพายุสลายไปแล้ว อากาศจะเย็นลงรู้สึกสดชื่นขึ้นท้องฟ้าแจ่มใสทัศนะวิสัยชัดเจน
พื้นที่ที่เสี่ยงเกิดพายุฤดูร้อน
เนื่องจากมักมีมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน
จึงเกิดการปะทะกันของมวลอากาศร้อนที่ปกคลุมอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ทำให้พื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งอยู่ใกล้ประเทศจีนมากกว่าภาคอื่น
ๆ เสี่ยงต่อการเกิดพายุฤดูร้อนมากที่สุด หรือบางครั้งอาจได้รับอิทธิพลจากคลื่นกระแสลมตะวันตกจากประเทศพม่าเข้ามาเสริมจึงยิ่งทำให้เกิดพายุลมกระโชกแรงมากขึ้น
ขณะที่ภาคกลางและภาคตะวันออก มีโอกาสเกิดพายุฤดูร้อนได้น้อยกว่า เช่นเดียวกับภาคใต้ที่สามารถเกิดพายุฤดูร้อนได้เช่นกัน
แต่ไม่บ่อยนัก
การเตรียมรับมือและป้องกันภัยจากพายุฤดูร้อนหากอยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อภัยพายุฤดูร้อน ควรเตรียมรับมือดังนี้
1.ติดตั้งสายล่อฟ้าในอาคารสูงๆเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากฟ้าผ่า
2.หมั่นติดตามสภาวะอากาศและฟังคำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยาอยู่เสมอ
3.หากมีประกาศเตือนภัย ให้เก็บสิ่งของที่มีน้ำหนักเบาสามารถปลิวตามลมได้ไว้ในที่มิดชิด
4.ตรวจสอบความแข็งแรงมั่นคงของบ้านเรือน หลังคา อาคารต่าง ๆ
ให้เรียบร้อย เพราะจะเกิดลมพายุอย่างรุนแรงพัดเข้ามาด้วย
ซึ่งอาจทำให้หลังคาบ้านปลิวไปพร้อมกับลม หรืออาจมีลูกเห็บตกลงมาทะลุหลังคาบ้านได้
หากประตู หรือหน้าต่างไม่แข็งแรง ควรใช้ไม้ทาบตีตะปูปิดตรึงไว้เพื่อป้องกันแรงลมหอบพัดบ้านเรือนพังเสียหาย
5.หากพบต้นไม้ สายไฟเกี่ยวกิ่งไม้ ป้ายโฆษณา
ฯลฯ ที่อยู่ในสภาพไม่ปลอดภัย ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้มาปรับปรุงแก้ไขโดยเร็ว
6.เตรียมป้องกันภัยให้สัตว์เลี้ยง และพืชผลการเกษตร
เกษตรกรควรจัดทำที่ค้ำยันต้นไม้ โดยเฉพาะกิ่งที่กำลังผลิดอกออกผล
7.หลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น ออกกำลังกาย ขณะเกิดฝนฟ้าคะนอง
8.หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด
รวมทั้งโทรศัพท์ เมื่อเกิดฝนฟ้าคะนอง
9.จัดเตรียมอาหารแห้ง ยารักษาโรค ตะเกียง ไฟฉาย ไม้ขีดไฟ และวิทยุพกพาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน
10.หลังพายุสงบ หากพบต้นไม้ในบริเวณบ้านโค่นล้ม ให้รีบตัดทิ้งทันที หรือหากพบเห็นเสาไฟฟ้าล้ม หรือมีสายขาด ควรแจ้งเจ้าหน้าที่มาดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว
วิธีหลีกเลี่ยงอันตรายจากพายุและฟ้าผ่าเมื่อต้องอยู่ในที่โล่งแจ้ง
1.หากอยู่ในที่โล่งแจ้ง ให้นั่งกอดเข่า โน้มตัวไปข้างหน้า
โดยพยายามให้เท้าติดดินน้อยที่สุด และไม่ควรนอนราบกับพื้นเพราะพื้นที่เปียกจะเป็นสื่อนำไฟฟ้ามาทำอันตรายได้
2.ไม่ควรหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ เพราะฟ้าอาจจะผ่าลงมาได้ เนื่องจากฟ้าจะมักผ่าลงมาในจุดที่สูงมากกว่า
รวมทั้งป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ เสาไฟฟ้า เพราะเสี่ยงต่อการถูกล้มทับได้
3.ควรหลบในอาคาร หรือในรถยนต์ แต่ห้ามอยู่ใกล้ผนังอาคาร
และอย่าแตะตัวถังรถเป็นอันขาด เพราะหากเกิดฟ้าผ่าขึ้นสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวนำกระแสไฟฟ้าเข้าถึงตัวได้
4.ไม่ใส่เครื่องประดับโลหะ รวมทั้งถือวัตถุที่เป็นโลหะ เช่น ทองคำ
ทองแดง เงิน เมื่อต้องอยู่กลางแจ้งขณะเกิดฝนฟ้าคะนองเนื่องจากโลหะสามารถนำไฟฟ้าได้
5.งดเว้นการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด และโทรศัพท์มือถือชั่วคราว เพราะในช่วงที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง
มักเกิดฟ้าผ่า อาจทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
ไม่มีหน่วยงานใดมาแนะนำวิธีป้องกันหลังคาปลิวกันบ้างเลยครับ
เวลาจะมีพายุมาสามารถลดความเสียหายได้ ลดอุบัติเหตุที่จะเกิดจากวัสดุปลิวด้วย
ต้องชักชวนให้มีการตืฝ้าใต้หลังคา เวลาพายุลมจะได้ไม่ดูดหลังคาขึ้นได้
ประตูหน้าต่างก็ต้องปิดให้หมด ลงกลอนไว้ เท่านี้ก็จะลดภัยจากพายุลงได้
ผลพลอยได้คือบ้านจะร้อนน้อยลงด้วย