ให้คิดว่าเราได้รับความสุขที่ได้เรียน หากเราปรับความคิดของเราได้แล้ว การที่จะกระทำใดใดในโลกนี้จะเป็นไปด้วยดี การปรับความคิดนั้นรวมไปถึงความรู้สึกที่หยั่งลึกลงในสัญชาติญาณ
ครูอ้อยมีเพื่อนคนหนึ่ง ถึงเขาจะไม่ยอมรับว่าครูอ้อยคือเพื่อน ด้วยครูอ้อยเป็นเพียงครูน้อย และไม่ได้มีตำแหน่งผู้อำนวยการอย่างเขา แต่ครูอ้อยก็ยังรักและรับเขาเป็นเพื่อนตลอดมา
ในอดีตเราทั้งสองคนก็เป็นครูน้อยเหมือนกัน แต่เขาได้เปลี่ยนเส้นทางจากครูน้อยเป็นผู้บริหาร
ดูผิวเผินเหมือนจะแตกต่างเสียเหลือเกินต่อการดำรงชีพ แต่สำหรับครูอ้อยไม่ได้มองว่าเขาแตกต่าง ถึงแม้ว่า การประพฤติหรือปฏิบัติที่ครูอ้อยต้องเคารพนพนอบต่อเขา เวลานั่ง เวลากิน เวลานอนหรือกิจกรรมใดใด เราแตกต่างกัน แต่ในทางชีวิตที่แท้จริง เราไม่ได้ผิดแผกแตกต่างกันเลย
ถึงแม้ว่าเขาจะมีเวลาหลีกเลี่ยงจากการทำงานไปศึกษาต่อได้ เพราะตำแหน่งหน้าที่อำนวยให้เขาได้สะดวกต่อการไปเรียน ตรงกันข้ามกับครูอ้อยที่ต้องหยุดเรียนต่อ เนื่องจากงานและเวลาเรียนไม่อำนวย เขาเรียนจบ แต่ครูอ้อยขาดการเรียนไป
แต่การเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยชีวิตของครูอ้อยยังดำเนินสานต่อไปไม่หยุดยั้ง ครูอ้อยได้มีเวลาเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ที่น่าภาคภูมิใจ เล่าไม่รู้จบในการเรียนรู้ตลอดเวลาทั้งในเรื่องการทำงาน การเป็นวิทยากรให้ความรู้ ซึ่งแต่ละครั้งนำพาความสุขมาให้เสมอ เสมือนน้ำทิพย์ชะโลมใจให้ครูอ้อยได้รู้ว่า ความสุขเกิดจากการได้เรียนรู้ตามสภาพจริงที่เราพอสรรหาให้กับตัวเองได้ ไม่ต้องเบียดเบียนใคร ไม่ได้กินแรงใคร ไม่ได้เบียดบังเวลาราชการ ไม่ต้องพึ่งพาใคร และเป็นไปตามธรรมชาติที่สรรหามาให้เรา
ความสุขที่พอหาได้ตามอัตภาพที่มีอยู่ ทำให้ครูอ้อยมีความพยายาม คิดดี พูดดี และทำดีต่อไป ต่อเติมความสุขให้กับคนอื่นได้บ้างไม่มากก็น้อย ปรารถนาให้ผู้อื่นได้ปรับความคิดว่า สุขมากมายล้นพ้นที่ได้เรียนรู้ตามความสนใจ ความถนัดที่ตนเองมี และถ่ายทอดความคิดนี้เพื่อเป็นเทคนิควิธีทำให้รักการเรียนรู้ตลอดเวลา
ไม่มีความเห็น