ขอบคุณทีมนักกิจกรรมบำบัด สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา ที่เชิญดร.ป๊อป ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ "การจัดบริบทเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยจิตเวชในสังคมเมือง" กับนักกิจกรรมบำบัด เจ้าหน้าที่อาชีวบำบัด พยาบาลจิตเวช นักสังคมสงเคราะห์ และบุคลากรสุขภาพจิต
ประเด็นที่น่าสนใจที่ดร.ป๊อป ถอดบทเรียนได้หลังจากฟังการนำเสนอรูปแบบกิจกรรมและการจัดการอุปสรรคในบริบทไทย ได้แก่
ขอบคุณมากครับสำหรับกำลังใจจากคุณทองหยอด คุณเข้มแข็ง คุณ tuknarak และคุณมณีเทวา
นั้นคือ .... เข้าใจตนเอง .... เข้าถึง (โรค/สุขภาวะแห่งตน)....พัฒนาความคิด ... ทำใจว่าจะทำตนอย่างไร นะคะ .... ขอบคุณบทความดีดี นี้นะคะ
ใน
เชื่อมโยงกับจัดกิจกรรมเพื่อให้ผูป่วย
ขอบคุณบันทึกดีๆ ค่ะ
ในสภาพที่จำกัดในหลายๆ เรื่องของสังคมเมือง ต้องปรับตัว ปรับใจใให้เป็นสุขด้วยตัวเองค่ะ
ภูเก็ตทุกวันนี้รถติดเหลือเกินค่ะ ติดอย่างไม่น่าเชื่อ แต่มันเป็นไปแล้วจริงๆ ค่ะ
ดังนั้น การสื่อสารของดิฉันกับลูกค้า หรือลูกน้อง บางครั้งก็ต้องใช้ IT เข้ามาช่วยเยอะเหมือนกันค่ะ
chat / ส่งรูป/ SMS/ แทนที่จะต้องขับรถไปค่ะ
ขอบคุณมากครับพี่ดร.เปิ้ล เป็นการสรุปการจัดการความคิดที่ดีครับ
ขอบคุณมากครับสำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของคุณเข้มแข็ง ขอชื่นชมในการสื่อสารปรับจิตวิญญาณ เท่าที่ผมเห็นเทคนิคคือ Motivational Interview และ Client-centered Counselling ซึ่งบางครั้งอาจเป็นการยากในการจัดกลุ่มกิจกรรมหากไม่มีการประเมินและการให้บริการร่วมกับนักกิจกรรรมบำบัดในด้านความสุขความสามารถในกิจกรรมการดำเนินชีวิตและการฟื้นฟูการรัีบความรู้สึก-การรู้คิด-การเตรียมความพร้อมในสถานการณ์ชีวิตจริง
เป็นเทคนิคที่ดีมากครับและขอบคุณมากครับคุณ Bright Lily
ขอบคุณมากครับสำหรับกำลังใจจากพี่โอ๋ คุณธนา และคุณครูอ้อย
ขอบคุณมากครับคุณพิชัย
ขอบคุณมากครับคุณครูต้อย
ชอบและสนใจประเด็นนี้มากค่ะ
"การประเมินสุขภาวะทางจิตวิญญาณและความสามารถขณะทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตจริงของผู้รับ"
หลายเดือนผ่านมานี้ เจอคนไข้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวช 1 ราย ได้รับการรักษาโดยกินยาเพื่อให้นอนพักผ่อนเยอะมากในแต่ละวัน ผู้ป่วยอ้วนมากขึ้นๆๆ จนจำสภาพเดิมแทบไม่ได้ ต้องหยุดเรียน และอยู่กับกินอาหาร กินยา และนอน พ่อแม่ทุกข์ใจมาก ท้ายที่สุดเจอนักการศาสนาท่านหนึ่ง วิธีแห่งธรรม นำความสงบมาสู่เธอ โลกของเธอเพิ่งได้รับการเยียวยา และหยุดยาที่แพทย์สั่งทันที เธอได้รับการบำบัดด้วยความรักและความปรารถนาดี อาการของเธอดีขึ้นตามลำดับ สื่อสารได้มากขึ้น และเริ่มเห็นคุณค่าในตัวเอง จากคำมั่นสัญญาที่เธอเปล่งวาจาออกมา และดวงตาที่มุ่งมั่น ก้าวต่อไปในอนาคตที่สดใส ท่ามกลางหมู่ญาติและกัลยาณมิตร และเธอเริ่มทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันของเธฮเองได้ด้วยตัวเอง
เป็นอีกเครสที่ทำให้รู้สึกว่า "โรคบางโรค ไม่ต้องกินยาก็หายได้ หากผู้ให้การรักษาจะได้วิเคราะห์โรคด้วยหัวใจ ด้วยความรักในความเป็นมนุษย์ด้วยกัน มากกว่าการใช้ความรู้นำการรักษาเสมอไป"
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณมากครับสำหรับกรณีตัวอย่างจากคุณครูต้อย ผมเห็นด้วยในการฟื้นฟูสุขภาวะทางจิตวิญญาณควบคู่กับการรักษาทางการแพทย์ครับ
กราบนมัสการและขอบพระคุณพระมหาแล อาสโย ขำสุข
ขอบคุณมากครับคุณ Oraphan
ขอบคุณอาจารย์ป็อปมากเลยนะคะ ได้ข้อคิดหลายอย่างเลย
- การในไปใช้ในการดำเนินชีวิตของตนเอง ในการทำงานต่างๆเช่นงานชมรม เราต้องเข้าใจว่าตนเองเป็นใครอยู่ในบทบาทหน้าที่อะไร ต้องสื่อสารกับใครบ้าง เพื่อการวางแผนในการทำงานที่ดี
- ได้ในไปใช้ในการคิดกิจกรรมการรักษาค่ะ โดยเราต้องคำนึงถึงสถาพแวดล้อม บริบทที่เขาอยู่ และคำนึงถึงความสัมพันระหว่าง บุคคล-สิ่งแวดล้อม-กิจกรรม-ความสามารถ
ขอบคุณอาจารย์ป๊อปที่นำความรู้มาแบ่งปันนะคะ
หลังจากอ่านจบดิฉันรู้สึกสนใจในประเด็น การประเมินสุขภาวะทางจิตวิญญาณและความสามารถขณะทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตจริงของผู้รับบริการ มากเลยค่ะ และคิดว่าสามารถนำไปเป็นหัวข้อในการประเมินผู้รับบริการได้ในอนาคตได้ค่ะ
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เป็นเรื่องใกล้ตัวคะ อ่านแล้วคงต้องเอาไปปรับใช้กับตัวเองก่อนอันดับแรกคะ เพราะน้อยครั้งที่เราจะประเมินสุขภาวะทางจิตวิญญาณและความสามารถการดำเนินชีวิตของตัวเอง มันคงดีมากนะคะถ้าเรารูจักตัวเองก่อนใช้กับตัวเองจนเกิดผลดี แล้วนำไปปรับใช้กับผู้รับบริการ ขอบคุณความรู้ที่มีประโยชน์นะคะ
ขอบคุณอาจารย์ป๊อปที่นำข้อมูลจากการแลกเปลี่ยนมาถ่ายทอดให้กับเรานะคะ
จากการอ่านบันทึก สุขภาพจิต สังคมเมืองดูแลอย่างไร ของอาจารย์ป๊อปแล้วดิฉันได้เรียนรู้
- การทำงานของทีมจิตเวชภายในโรงพยาบาล ซึ่งต้องมีการพัฒนาในอีกหลายๆด้าน เนื่องจากในปัจจุบันส่วนใหญ่รูปแบบของการทำงานโรงพยาบาลจิตเวช จะเน้นในเรื่องของการประเมินความรุนแรงของโรคและรอจนกว่าคนไข้จะอาการสงบแล้วถึงส่งต่อมาที่นักกิจกรรมบำบำบัดหรืออาจเป็นพยาบาล ในการทำกลุ่มพูดคุยและฝึกการดูแลตนเอง ซึ่งการทำงานในรูปแบบนี้ ถ้าหากมีการประเมินในเรื่อง การประเมินสุขภาวะทางจิตวิญญาณและความสามารถขณะทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตจริงของผู้รับบริการเพิ่ม ดังที่อาจารย์ป๊อปได้กล่าวมานั้น ดิฉันคิดว่า การบำบัดฟื้นฟูผู้รับบริการทางจิตเวชจะได้ประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะการที่ประเมินในด้านนี้มองถึง การรับรู้ตนเองของผู้รับบริการ (Self-identity) การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า มีความหมาย และรู้ถึงการมีส่วนร่วมในการใช้ชีวิตในสังคมกับผู้อื่น หากมีการประเมินนี้ในอนาคตอาจส่งผลต่อการพัฒนาให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้รับบริการ
- การประเมินผู้รับบริการนั้นควรต้องคำนึงถึงบริบทที่ผู้รับบริการอาศัยอยู่ด้วย ซึ่งในอนาคตหากเราบำบัดรักษาคนไข้โดยปรับความสัมพันธ์ระหว่างคน-สิ่งแวดล้อม-กิจกรรม-ความสามารถ ให้ทุกด้านมีความสมดุลกันนั้น จะส่งเสริมให้ คนไข้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีความสุข ^_______^