แพทย์ระบุการดื่มน้ำปัสสาวะรักษาโรคถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพ บำบัดโรคปวดเรื้อรัง แผลไฟไหม้พุพอง มะเร็ง เบาหวาน ฯลฯ โดยใช้หลัก "พิษต้านพิษ" คล้ายกับการฉีดเซรุ่มถอนพิษงู ย้ำต้องดื่มน้ำปัสสาวะของตนเองเท่านั้น ใช้ควบคู่กับการแพทย์แผนปัจจุบัน
นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล เจ้าของสถานพยาบาลธรรมชาติบำบัด กล่าวในการบรรยายเรื่อง การดื่มน้ำปัสสาวะบำบัดโรค ที่กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ว่า การดื่มน้ำปัสสาวะบำบัดโรคมีตั้งแต่สมัยพุทธกาลโดยพระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ในนิสสัย 4 คือ ปูติมุตตเภสัช -ยาจากน้ำมูตรเน่าหรือน้ำปัสสาวะเป็นสิ่งที่สงฆ์พึงกระทำ การดื่มน้ำปัสสาวะบำบัดโรคให้ดื่มน้ำปัสสาวะของตนเองโดยดื่มก่อนนอนและดื่มตอนเช้าครั้งละ 100 ซี.ซี. ถือเป็นสิทธิของแต่ละคนที่จะเลือกใช้การบำบัดโรคแบบนี้โดยดื่มน้ำปัสสาวะบำบัดอาการปวดเรื้อรัง เช่น ปวดหลัง ปวดข้อ ปวดไมเกรน ปวดเมื่อยไม่มีสาเหตุ รักษาโรคภูมิแพ้ ผื่นคัน สะเก็ดเงิน มะเร็ง ลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง ใช้ผ้าชุบน้ำปัสสาวะปิดแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ส่วนประกอบของปัสสาวะเป็นน้ำร้อยละ 95 ยูเรียร้อยละ 2.5 และสารอื่น ๆ อีกร้อยละ 2.5 การใช้น้ำปัสสาวะบำบัดโรคอธิบายได้ด้วยหลักฮีโมโอพาธี หรือ หลักพิษต้านพิษ เช่น ฉีดพิษงูทีละน้อย ๆ เข้ากระแสเลือดม้าจนได้ซีรั่มหรือน้ำเหลืองม้า กลายเป็นเซรุ่มฉีดแก้พิษงู นำพิษของต้นควินินที่ทำให้หนาวสั่น มาเป็นยารักษาไข้มาลาเรียหรือไข้จับสั่น
การรักษาภายนอก น้ำปัสสาวะสามารถสมานแผลภายนอกได้ ผมจะหยิบยกเอามาเป็นตัวอย่างหนึ่งกรณี ในกรณีที่โดยเหล็กหรือของมีคมต่างๆที่มีสนิมบาด ให้นำเห็ดหอมแห้งมาแช่ในน้ำปัสสาวะของตนเอง ประมาน 30 นาที ให้เห็ดหอมอมน้ำและพอง จากนั้นนำเห็ดหอมมาแปะที่แผลแล้วใช้ปาสเตอร์ยาหรือผ้าก๊อตปิดแผลไว้ ทิ้งไว้แบบนั้น 3-4 วัน แล้วค่อยเองออก ที่สำคัญห้ามมิให้แผลโดนน้ำโดยเด็จขาด หายชัวผมรองมาแล้ว
ข้อมูล จาก น.พ. บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล
และ นาง ศรีไหม ลิ้มสกุล ( ผู้ที่นำเห็ดหอมกับน้ำปัสสาวะมาใช้รักษาบาดแผล )
ไม่มีความเห็น