ผู้ป่วยเสพติดส่วนใหญ่ที่เข้ารับการบำบัดฟื้นฟูระยะแรก( 2 สัปดาห์) มักมีปัญหาในเรื่องการปรับตัวกับรูปแบบการบำบัดฟื้นฟู เพื่อนสมาชิกและสถานที่ ก่อให้เกิด ความเครียดซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยบอกเลิกการบำบัดรักษา หรือเมื่อผู้ป่วยเผชิญปัญหาหาแล้วหาทางออกไม่ได้ก็เกิดความเครียด เช่นกัน ผู้บำบัดจึงควรให้คำแนะนำผู้ป่วยให้ดูแลตนเองไม่เครียดเพื่อสามารถปรับตัวและอยู่รับการบำบัดฟื้นฟูตามแผนการฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแพทย์หญิง ภิรมย์ สุคนธาภิรมณ์ ได้ให้คำแนะนำ ห้าวิธีที่ดูแลตนเองไม่เครียด ดังนี้ 1. เชื่อมั่น: สร้างความมั่นใจให้ตนเอง โดยให้สร้างความมั่นใจว่าไม่มีปัญหาใดที่แก้ไขไม่ได้ ทุกปัญหามีทางแก้ไขได้ในระดับหนึ่งเสมอ ทุกคนมีปัญหาของตนไม่มีปัญหาใดไม่มีทางออก ซึ่งเงื่อนไขเวลาก็เป็นทางออกอย่างหนึ่ง 2. สติ: มีสติเตรียมตัวก่อนจะทำกิจกรรมใดๆ โดยตั้งสติ วิเคราะห์ เข้าใจปัจจัยต่างๆ ที่นำไปสู่อุปสรรคและมองหาทางเลือกที่ดีกว่า 3. หวังตามความเป็นจริง : ไม่คาดหวังว่าผู้นั้น หรือสิ่งนั้นสิ่งนี้ ต้องสมบูรณ์หรือเป็นเลิศอย่างนั้นอย่างนี้ หากสิ่งที่เกิดขึ้นหรือได้รับไม่สมดังที่หวังไว้ ก็ปล่อยไปบ้าง หาทางปรับปรุงตามเหตุผล ไม่ต้องโกรธหรือเสียใจได้เท่าใดก็รับได้ ใช้ปัญญาดีกว่าใช้อารมณ์ 4. พฤติกรรมผู้อื่น : เป็นอย่างนั้นแหละ ท่าที คำพูด สีหน้าและอารมณ์ของผู้อื่นเกิดจากปัญหาของเขาเองตามประสบการณ์ในวัยเด็ก หรือวิถีชีวิตในอดีต ธรรมเนียมวัฒนธรรมของครอบครัวและเพื่อนๆเขา เห็นใจและเมตตาเขาบ้าง เมื่อเขาแสดงต่อเราไม่ดี ก็มักแสดงพฤติกรรมไม่ดีต่อผู้อื่นด้วย ไม่ต้องไปรับเอามาโกรธหรือเสียใจให้เปลืองอารมณ์และทำร้ายตัวเราเอง 5. ลดอารมณ์ทางลบเพิ่มอารมณ์ทางบวก ความวิตกกังวล ความกลัว ความโกรธ ทำให้เครียด หมั่นทำความเข้าใจกับตนเองว่า ความรู้สึกเหล่านั้นเกิดด้วยเหตุใด ถ้าไม่เข้าใจก็หาที่ปรึกษา เช่น เพื่อน ผู้ปกครอง ฯลฯ และทบทวนทำความเข้าใจกับ 4 ข้อ ข้างต้นให้แจ่มชัด พร้อมกับหาความสุข ความผ่อนคลายให้ตนเองในทุกๆ 24 ชั่วโมง ของตนได้พบแล้วปฏิบัติเป็นนิสัย เช่น ร้องเพลงคนเดียว หรือกับเพื่อนๆ ออกกำลังกายวิธีที่ถนัด หาข้อขำขันหัวเราะกับผู้อื่น นอกจากจะดูแลให้คำแนะนำกับผู้ป่วยแล้ว ผู้บำบัดก็ควรดูแลตนเองไม่ให้เครียด เกิดความสุขในการทำงาน มีรอยยิ้มทั้งผู้ให้การบำบัดและผู้รับการบำบัด ทำให้ผลสัมฤทธิ์ในการบำบัดฟื้นฟูมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น