ก้าวที่ ๑๒ สวนสัตว์เชียงใหม่ในวันนี้ ๒ มีนาคม ๒๕๕๖


เหมือนจะเป็นกิจกรรมประจำปีไปเสียแล้วสำหรับการเดินทางไปเที่ยวสวนสัตว์เชียงใหม่ ครั้งที่มีเวลาว่างก็จะไปแอ่วไปเที่ยวพื้นที่แห่งนี้ เพื่อเก็บเกี่ยวความสุขของครอบครัว เพียงแต่การเดินทางในครั้งนี้สังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทั้งภาพสะท้อนจากภายใน และมุมจากภายนอกอย่างเราๆ  ท่านๆ  ทั้งหลายที่มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชม


เมื่อครั้งสมัยเด็ก ๆ สวนสัตว์เชียงใหม่เป็นพื้นที่หนึ่งที่มีประสบการณ์ร่วมด้านการท่องเที่ยวของผมอยู่หลายครั้ง ทั้งการไปเที่ยวคราวแรกอย่างเป็นทางการที่จำได้คือการไปตั้งแค้มลูกเสือที่นั่น ไปชมอุทยานหินพันปี (ไม้กลายเป็นหิน) การเดินทางท่องเที่ยวแบบครอบครัว ครั้งหนึ่งผมเคยนำจักรยานไปเที่ยวด้วย จำได้ติดใจไม่ลืมเลยว่าตอนนั้นทั้งเสียเงินเยอะจากการเอาทั้งรถ คน และจยย.เข้าไป ยังเสียแรงปั่น จยย.จากที่หนึ่ง ไปอีกที่หนึ่ง เรียกว่าปั่นตามรถยนต์ไป เหนือ่ยมากมายเลย สมัยนั้นจ่ายแพงก็น่าจะไม่กินห้าร้อย เอาข้าวไปกินกัน ยุคนั้นผมมองว่าการบริหารจัดการค่อนข้างบ้านๆ เอาสัตว์มาเก็บไว้ในกรง ให้คนมาดู บางอนุบาล บ้างเลี้ยงดูตามประสา(จะเรียกตามมีตามเกิดก็ดูดันดาลไป)  แต่พอยุคหลังคือหลังจากที่ไม่ได้ไปเยี่ยมเสียนาน ที่นี่ก็เปลี่ยนไป มีลานจอดรถ มีการแสดง มีการบริหารจัดการงดการนำรถเข้าไปแพ่นพ่าน ทางหนึ่งเพื่อลดความแออัด มลพิษ และเป็นการสร้างรายได้จากรถรับส่งอีกทางหนึ่งด้วย และยิ่งไปกว่านั้นก็ผุดศูนย์การเรียนรู้ ลานกิจกรรม จุดท่องเที่ยว เยอะขึ้น แต่หากจะท่องเที่ยวพิเศษ ก็ต้องจ่ายพิเศษ สโนโดม อาควาเลี่ยม หลินปิง อันที่จริงก็เข้าใจนะครับว่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่อำนวยความสะดวกและอาจเป็นในเรื่องของการบริหารจัดการที่อาจนอกกรอบของราชการ แต่บางอย่างก็รู้สึกว่า “แพงเกินไป” มุมมองจากคนข้างในก็สะท้อนมาในภาพนี้เช่นกันว่า การซื้อบัตรและเข้าไปรอลุ้นว่าที่เหลือข้างในจะราคาเท่าไหร่มันไม่แฟร์เลยสำหรับคนที่ตั้งใจเดินทางมาดู มาท่องเที่ยว ผมก็คิดเช่นนั้น ทั้งในเว็บไซท์ และในจุดจำหน่ายบัตรของสวนสัตว์ ก็ไม่ได้บอกราคาค่าเข้าชมภายใน ราวกับว่า น่าจะปรับขึ้นลงกันได้ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบกันก่อนได้ ซึ่งหากจะให้เป็นธรรมหน่อยน่าจะติดราคา ให้เกิดการคำนวณค่าใช้จ่ายกันได้แต่เน่นๆ  ว่าหากเข้าแล้วจะต้องจ่ายเท่าไหร่ หรือไม่ ก็อาจจะต้องจัด packet เที่ยวไม่อั้นทุกอย่าราคาพิเศษ หรือรวมแล้วให้มันน่าซื้อ จ่ายจุดเดียวที่ด้านหน้าไปเลย ได้เลยจะได้รู้กันไปว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่  ระบบเดี่ยวนี้ก็ดีจะตายใช้บัตรเหมือนฟู๊ตเซนเตอร์ ก็ได้ “ติ๊ด ๆ” จะได้ไม่ต้องลักไก่กัน หากกังวล

ทีนี้พูดถึงภาพสะท้อนจากด้านนอกที่มองเข้าไป ของเล่นบางอย่างที่บอกว่าแพงก็พอเข้าใจ แต่พอเข้าไปแล้วมันไม่มีอะไร หรือเข้าไปแล้วไม่รู้สึกคุ้มค่าเงินนี่ซิ  ล่าสุดครอบครัวพ่อแม่ และลูกชาย จ่าย สี้ร้อย ไปยืนหนาวในตู้เย็น(สโนโดม) ลูกชายอาจได้กำไรหน่อย เพราะสไลดมาประมาณ ๕ รอบ ก็ตกรอบละ สี่สิบบาท แต่คุณพ่อกับคุณแม่ ลงคนรอบ แถมยังเสื้อที่ใส่ก็จะพังแหล่ ไม่พังแหล่ ดีนะ ที่ ยี่สิบนาทีสำหรับสี่ร้อยนี่ มันไวกว่าเวลาทีคิด ไม่งั้นคงจะเป็นหวัดเป็นไอแน่นอน เรียกว่าเข้าขั้นเสียความรู้สึก หรือกลับมาพยายามถนอมความรู้สึกอยู่อย่างหนัก เพื่อให้เข้าใจว่า ของเล่นแบบนี้มันมีต้นทุน แต่หลายจุดที่เครื่องเล่นแห่งนี้ รู้สึกมีข้อผิดพลาดมากเกินไป แต่ก็เอาหละ พัฒนาการก็คืพัฒนาการ บางทีอาจจำเป็นต้องลงถึงจุดต่ำสุด จึงจะก้าวไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้งก็เป็นได้

ด้วยราคาที่แพงกระชากใจและผลการเดินทางในครั้งนี้สำหรับครอบครัวพรหมเทศน์ สามพ่อแม่ลูก คงจะต้องขอทบทวนความสนุกในสวนสัตว์เชียงใหม่อีกสักระยะใหญ่ เพราะลำพังการเดินทางเข้าไปก็หมดไปเกือบสองร้อย ถ้ารวมรถด้วย ก็ตกคนละเกือบสองร้อย แล้วเฉพาะสามคนนะครับ ไม่รู้เข้าไปอีกทีจะเจอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ ราคาที่สูงมากมาย น่าจะต้องแลกด้วยความสมเหตุสมผล หรือสมราคาด้วยจึงจะทำให้สวนสัตว์แห่งนี้เป็นที่สนใจ และเป็นที่ต้องการท่องเที่ยวของทุกคนอีกครั้ง 


หมายเลขบันทึก: 521641เขียนเมื่อ 7 มีนาคม 2013 12:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มีนาคม 2013 12:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท