ของฟรีที่ดีๆยังมีอยู่ กับแมชี "ศันศนีย์ เสถียรสุต


เมื่อความโกรธมาเคาะประตู แต่เราไม่เปิด ทุกข์จึงมาแค่ จ๊ะเอ๋ แล้วบ้ายบาย เพราะ เราไม่เปิดประตูให้เข้ามา ทุกข์ก็ทำได้แค่โผ่หน้าจ๊ะเอ๋ แล้วก็จากไป

        

 มีหนังสือเชิญจากหน่วย"ชีวันตาภิบาล"(Paliative Care Unit) ของมอ. ให้รับฟัง 

การเยียวยาด้วยหัวใจ  จากแม่ชี ศันศนีย์ บอกว่างานนี้ฟรี ไม่ต้องลงทะเบียน มีคนบอก

ว่าของดีที่ฟรีไม่มีในโลก นั้นคือทฤษฎีทางเศรฐกิจ ทางการค้า  แต่ทางการเยียวยา 

ของดีที่ฟรี ยังมีอยู่ จึงหารือหัวหน้า บอกว่างานนี้คนที่รับผิดชอบในงาน การดูแลผู้

ป่วยระยะสุดท้ายควรไปรับฟังเป็นโอกาสและวาสนาอันดี ที่ได้ไปรับฟังปรมาจารย์แห่ง 

เสถียรธรรมสถาน ชุมชนแห่งการเรียนรู้ร่วมกัน  

        ณ.ห้องประชุมคณะแพทย์ศาสตร์ มอ. ประชานชนลงทะเบียนคับคั่งทีม

ปากพะยูนที่ร่วมมาเรียนรู้ นำโดยหัวหน้าฝ่ายฯคุณไก่ ศุภวัลย์ คุณอ้อย รัตนา หัวหน้า

ตึกผู้ป่วยใน และ น้องเปิ้ล ศิริพร ผู้ดูผู้ป่วยระยะสุดท้าย และตามหลังทีมโดย

ศาสตราจารย์เปล ......

         .แถวหน้าว่างผู้เขียนแยกจากกลุ่มมานั่งแถวหน้า  ท่านแม่ชีเริ่มเล่าเริ่มคุยให้ฟัง

ว่า "ธรรมสถานปลูกกาย 

ปลูกใจให้เบิกบาน 

 รับใช้มนุษยชาติคือการเรียนรู้

 สั่งสมทุนชีวิต 

 บ่มเพาะเมล็ดพันธ์ ปัญญา 

 สิขาลัยคือธิดาพระสัมมา

 ที่ทำดี ไม่ติดดี 

 บ่มเพาะแตกหน่อต่อยอดเป็นหนอนในดิน" 



      งานที่ทำมีตั้งแต่เด็กแรกเกิด จนถึงเยียวยาระยะสุดท้าย  เด็กคือจิตรประภัสสร

ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มาดา  พ่อแม่ดี ปฎิบัติชอบ คือครอบครัวและหัวใจแห่งกานเยียวยา 

 แม่ชีเล่าว่าเดินทางมาแล้ว 48 ประเทศ ได้ไปอัญเชิญหลวงพ่อน้ำมัน"ลานันทา"มา

ประดิษฐานที่ธรรมเสถียร องค์ ลานันทา เป็นเลิศในการเยียวยา  การสร้างทีมเยียวยา

ที่ดีคือสร้างครอบครัวเยียวยา  ต้องถอดหัวใจตัวเอง ต้องเชื่อมั่นว่ามนุษย์ทุกคนมี"พลัง

ในการเยียวยา"

       และเหล่าพยาบาลทุกคนต้องมีหัวใจโพธิสัตว์ แล้วแม่ชีก็เชิญผู้ป่วยที่ได้ไป

เยียวยาที่หอผู้ป่วยมาคุยบนเวที คือน้อเปรม มีเนื้องอกในสมองสมาธิสั้น  แม่ชีได้ให้

กำลังใจให้สู้และอยู่กับความเจ็บป่วยอย่างรู้เท่าทัน 

   "ลมหายใจของแม่คือลมหายใจของลูก "

อีกคนหนึ่งที่ขึ้นมาสนทนาบนเวทีคือ น้องมธุรสเป็นเนื้อร้ายที่เข่า อายุ 13 ปี หลังจากที่

แม่ชีได้ไปเยียวยาที่หอผู้ป่วยแล้ว น้องคนนี้ หมอจะผ่าตัดเอาเข่าออก แต่ผู้ป่วยขอ

เก็บเข่าเอาไว้  ท่านได้สอนโดยการใช้พลังหายใจเข้าหายใจออกท่านบอกว่า  เจ้า

หน้าที่ต้องได้ผู้ป่วยเป็นทีมงาน การปฎิสัมพันธ์ ที่ดีต่อกัน 

       แม่คือคนที่ร่วมงานทุกข์กับคนทุกข์เสมอ 

 "ต้องแยกจิตกับเจ็บ"   หมอพยาบาลคือคนที่โชคดีที่สุด ที่ใช้ธรรมเยียวยา

 อาณาปานะสติ  ผู้ให้การเยียวยาคือ อริยชน  คือชนที่ประเสริฐ  เตียงผู้ป่วยคือสถาน

ปฎิบัติธรรม การทำงานคือฐานภาวนา  ไปสู่นิพพาน คือเย็น เวลาให้บริการต้องมีสติ 

ลมหายใจคือเครื่องมือ

 ทุกข์มีไว้ให้เห็น แต่ไม่มีไว้ให้เป็น 

 เมื่อความโกรธมาเคาะประตู  แต่เราไม่เปิด ทุกข์จึงมาแค่ จ๊ะเอ๋  แล้วบ้ายบาย เพราะ

เราไม่เปิดประตูให้เข้ามา ทุกข์ก็ทำได้แค่โผ่หน้าจ๊ะเอ๋ แล้วก็จากไป

     จบจากการสนทนาแม่ชีก็เปิดคลิปการไปเยียวยามาให้ชม เห็นปฎิหารย์เกิดขึ้นจาก

การสัมผัสลมหายใจ   ต้องเรียรู้อยู่กับโรค อย่างไม่ทุกข์ อยู่กับโลกอย่างเข้าใจโลก 

 งานเป็นฐานแห่งภาวนา 

 เป้าหมายของงานคือ สวย  เย็น= หายใจเข้า  หายใจออก  = เป็นประโยชน์ 

3 ชั่วโมง เหมือนยังไม่อิ่มทางสมอง  เวลาไปเที่ยวไปกินแล้วมีคนจ่ายให้ทุกคนจะดีใจ

บอกต่อกันว่า"อิ่มจัง ตังค์อยู่ครบ"

     แต่วันนี้ต้องขอบอกว่า "อิ่มใจจัง   ตังค์ไม่ต้องจ่ายได้อาหารใจ ได้อาหารสมอง 

 เสถียรธรรมสถานและชีวันตาภิบาลจัดให้  ผู้ป่วยระยะสุดท้ายได้คนดูแลที่ สงบ เย็น 

เป็นประโยชน์









หมายเลขบันทึก: 520290เขียนเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2013 00:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2013 21:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

  • ขอบคุณสำหรับความใส่ใจเรื่อง  Palliative care คะ ถือว่าเมืองไทยมีต้นทุนทางจิตวิญญาณที่ดีคะ 
  • การดูแลจิตใจ เป็นสิ่งมีค่า เงินก็ซื้อไม่ได้ ผู้ทำได้ต้องมีใจเต็มเปี่ยม

สวัสดีครับอาจารย์ หมอ ป เสียดายที่ไม่ได้ไปร่วมงานบ้านแม่ตาด วันที่  1  นี้ เพราะติดงานสมัชชาสร้างสุขคนเมืองลุง

ของฟรีที่ดีๆยังมีอยู่ กับแมชี "ศันศนีย์ เสถียรสุต


Nursing Administratio   ครับโอกาสดีๆ อย่างนี้หายากอีกแล้ว กับใจรักษากาย ยิ้มสู้โรค


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท