พระมเหสี
พระมเหสีมีบทบาทไม่มากนัก แต่ก็เป็นตัวละครที่ทำให้เรืองดำเนินไปได้ย่างสมเหตุสมผล ตัวละครสำคัญในเรื่องสังข์ทองคือ นางจันท์เทวี และนางมณฑา นางจันท์เทวี
นางจันท์เทวี มีบทบาทเช่นเดียวกับตัวละครหญิงในวรรณคดี คือมักพบกับชะตากรรมที่ลำบากยากแค้น ต้องพลัดพรากจากสามี ต้องเดินทางระหกระเหินไปได้รับความทุกข์แสนสาหัส ซึ่งไม่ใช่การยินยอมแต่ถูกความจำเป็นบังคับเมื่อผู้ที่ขับไล่ไปมางอนง้อขอ โทษ แม้จะมีทิฐิมานะอย่างไร ในที่สุดก็จะต้องใจอ่อนยอมยกโทษให้ เพราะไม่ใช่ความผิดของผู้นั้นอย่างแท้จริง แต่มีผู้ใช้เวทมนตร์คาถาหรือเล่ห์กลมารยาททำให้หลงผิดไป ในที่สุดก็คืนดีกันอย่างเดิม นางจันท์เทวีถูกขับไล่ออกจากเมืองตั้งแต่คลอดโอรสใหม่ๆ โดยไม่ได้รับความเห็นใจเลยแม้แต่น้อย ครั้นเมื่อไม่ได้รับกานผ่อนผันเพราะนางจันทายุยง นางจันท์เทวีก็แสดงความเด็ดเดี่ยวด้วยการ “ร้องทูลพระองค์ทรงสกล น้องคนมีกรรมจะขอลาดูรูปจำร่างเสียยังแล้ว พระแก้วจะไม่ได้เห็นหน้า จะไม่คืนคงอย่าสงกา มิได้รองฝ่าพระบาทไป” นางแข็งแกร่งพอที่จะทำงานเลี้ยงตัว เลี้ยงลูกทั้งๆที่เคยใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในวัง นางเข้มแข็งพอที่จะไม่ฆ่าตัวตาย แต่มีชีวิตอยู่ด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่งคงจะได้พบพระโอรส
นางมณฑา เป็นแบบฉบับของ “แม่” ทั่วๆไป คือ รักลูก ห่วงใยลูกแม้ลูกจะทำผิดก็พร้อมจะให้อภัย และมีความยุติธรรมเป็นคุณธรรมประจำใจ เมื่อนางรจนาเลือกเจาเงาะเป็นคู่ครอง นางผิดหวังมาก จึงตัดพ้อต่อว่านางรจนา “ ควรหรือมาเป็นได้เช่นนี้ เสียทีแม่รักเจ้านักหนา ร่ำพลางนางทรงโศกา กัลยาเพียงจะสิ้นสมประดี ” แต่นางก็มีสติดีที่จะไตร่ตรองหาเหตุผลที่พระธิดากระทำเช่านั้น ทั้งยังเตือนสติท้าวสามนต์ไม่ให้ลงโทษพระธิดาอย่างรุนแรงด้วย นางมณฑาเป็นคนที่ทีเหตุผล และพยายามนำเหตุผลมาอธิบายให้พระสวามีผู้มัวเมาในโทสะฟัง เพื่อให้มองเห็นความสำคัญของเจ้าเงาะ พยายามไกล่เกลี่ยให้ทุกฝ่ายประนีประนอมปรองดองกันเพื่อความสงบสุข แต่การบรรยายถึงนางมณฑาในบางครั้งจะมีลักษณะตลกขบขัน ตามแบบฉบับของการเล่นละครนอก ทั้งๆที่นางเป็นนางกษัตริย์ น่าสังเกตว่าบทตลกขบขันนี้จะแสดงออกเฉพาะนางมณฑาเท่านั้น ส่วนนางจันท์เทวีจะไม่มีบทบทน่าขบขันเลย
ไม่มีความเห็น