การสอนในชีวิตจริง (ต่อ)


สอน ป.5.pdf (นี่คือเอกสารประกอบการเรียนที่ใช้สอนนะคะทำเองกับมือเลยค่ะ)การสอนให้ผู้อื่นมีความรู้ก็เหมือนกับการถ่ายโอนข้อมูลที่เรามีอยู่ให้ผู้เรียนแต่จะสามารถถ่ายโอนได้มากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานหรือประสบการณ์เดิมของผู้เรียนและเทคนิควิธีการของผูสอนว่าจะสามารถเข้าถึงความต้องการของผู้เรียนได้หรือไม่  ทุกวันศุกร์เวลา 17.00-18.00น. ดิฉันมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบคือสอนพิเศษนักเรียนซึ่งกำลังศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5  จำนวนทั้งหมด 2 คน ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ ต้องบอกไว้ก่อนว่าการสอนนี้เป็นการสอนพิเศษให้กับนักเรียนหลังเวลาเลิกเรียน  นักเรียนที่น่ารัก1คนอยู่เพียงแค่ ป.4 แต่คุณแม่ให้มาเรียนล่วงหน้าก่อน ตอนแรกดิฉันก็สงสัยนะคะว่าน้องจะเข้าใจในสิ่งที่เราถ่ายทอดไปหรือไม่แต่เมื่อได้สอนก็คลายความสงสัยทันทีน้องคนนี้มีความฉลาดและพื้นฐานที่ดีมากๆเลยค่ะ สามารถเข้าใจในเนื้อหาที่สอนได้อย่างรวดเร็ว มีความกล้าแสดงออกกล้าพูด กล้าตอบ กล้าถามในสิ่งที่ตนเองสงสัย  ส่วนนักเรียนที่น่ารักของดิฉันอีกคนเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ค่ะ ตรงตามระดับชั้นที่ดิฉันสอนแต่น่าแปลกนะคะว่าเด็กคนนี้สามารถเรียนรู้ได้ช้ากว่าเด็กที่กำลังอยู่ชั้นป.4 ซึ่งสามารถเรียนอยู่ได้ในระดับปานกลาง น้องเป็นคนพูดน้อย ไม่ค่อยกล้าแสดงความคิดเห็น และกลัวการตอบคำถามค่ะ ซึ่งทำให้เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสิ่งที่เราสอนไปนั้นนักเรียนของเราเข้าใจหรือไม่ ดั้งนั้นพอสอนในวันนั้นเสร็จ ดิฉันจึงกลับมาคิดทบทวนว่าจะทำอย่างไรดีที่จะสามารถทำให้นักเรียนทั้งสองของดิฉัน มีพัฒนาการที่ดีกว่านี้ โดยเฉพาะน้องคนที่สอง ดิฉันจึงเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาคือเราลองนึกถึงเราในวัยเด็กว่าปัจจัยใดบ้างที่เป็นข้อจำกัดทางพัฒนาการทางการเรียนของเรา ทำให้เราเรียนรู้ได้ไม่เต็มที่ ขาดความมั่นใจในตนเอง จึงนึกได้ว่าตอนเด็กครอบครัวพ่อแม่คือส่วนสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อชีวิตของเราในวัยนั้น ดิฉันจึงมุ่งเน้นไปที่ความเข้าใจในตัวเด็กให้มากขึ้นไม่ใช่แค่เพียงนิสัยใจคอแต่รวมไปถึงการเลี้ยงดูในครอบครัวของนักเรียนด้วย  หลังจากนั้นดิฉันก็ได้ทราบว่าเด็กคนเเรกมาจากครอบครัวที่มีฐานะดีมาก คุณแม่ทำธุรกิจ พี่ชายเรียนหมอ ซึ่งคุณแม่จะให้ความสำคัญกับการเรียนของลูกเป็นอย่างมากแต่จะให้อิสระในการคิดและการตัดสินใจกับลูกมาก ไม่ว่าลูกจะชอบอะไรก็สนับสนุนเต็มที่ โดยการวางแผนทางการเรียนนั้นจะมีพี่ชายเป็นคนแนะนำ ส่วนเด็กคนที่สอง พี่ชายมีพฤติกรรมที่ไม่สนใจการเรียน เกเร ทำให้พ่อแม่มาเข้มงวดกับลูกคนเล็กมาก ซึ่งการเข้มงวดนั้นบางครั้งเด็กอาจรู้สึกเหมือนถูกบังคับและกลัวความผิดอยู่ตลอดเวลา จึงส่งผลให้นักเรียนคนที่2ของดิฉันเป็คนขาดความมั่นใจ ไม่กล้าแสดงออกกลัวการตอบคำถามซึ่งเป็นสาเหตที่ทำให้มีพัฒนาการที่ช้า ขาดอิสระทางความคิด ดิฉันคิดว่าจุดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ถ้าหากดิฉันสามารถแก้ไขให้นักเรียนคนที่สองของดิฉันได้เด็กคนนี้จะสามารถมีพัฒนาการที่ดีขึ้นได้ค่ะ  ในครั้งหน้าที่ดิฉันไปสอนดิฉันจะมาเล่าประสบการณ์อีกครั้งนะคะว่าการแก้ไขในจุดนี้จะสามารถทำให้นักเรียนของดิฉันเก่งขึ้นหรือไม่

คำสำคัญ (Tags): #วิทยาศาสตร์#สอน
หมายเลขบันทึก: 519302เขียนเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2013 22:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2013 22:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ยินดีด้วยครับ

การสอนนั้นต้องอาศัยทั้งศาสตร์ (ความรู้ที่ต้องถ่ายทอด) และ ศิลป์ (สอนอย่างไร) ฉะนั้นการเรียนรู้ของผู้สอนเป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่ควรที่จะหยุดนิ่ง เพราะ ศาสตร์การสอนนั้นในสมัยก่อนถือว่าเป็นศาศตร์ชั้นสูงที่มีในเฉพาะพระราชวัง สำหรับลูกเจ้า เท่านั้น จากเอกสารที่ท่านแนบมา มีเนื้อหา Content ที่ดี ครับ แต่ควรให้ผู้เรียน ได้ปลดปล่อยความรู้ที่เด็กรู้บ้างน่าจะดีน่ะครับ Ex. Diagram, chart, mind map, Syr

  

Congratulations !

ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับคำแนะนำ จะนำไปพัฒนาต่อไปให้ดียิ่งขึ้นนะคะ 


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท