ล้างกาย ล้างใจ ล้างไต ล้างตับ (ตอนที่ 3)


ดูโลก ดูธรรม และดูใจ
โดย ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา
ล้างกาย ล้างใจ ล้างไต ล้างตับ (ตอนที่ 3)

เมื่อเริ่มอดอาหารก็ได้ต้มน้ำมะขาม คั้นน้ำมะนาว ผสมน้ำผึ้ง มาถวายวันละหลายๆ แก้ว แล้วสั่งไว้ว่า ถ้ารู้สึกโหยให้ดื่มน้ำด่างได้เรื่อยๆ นอกจากน้ำมะนาว น้ำมะขาม น้ำผึ้งแล้วยังมีน้ำด่าง ขวดละหนึ่งลิตรครึ่ง อีกสองขวดวางไว้ใกล้ๆ 

          ก่อนจะเข้าโครงการ เมื่ออาตมารับยาเบาหวานลดน้ำตาลในเส้นเลือดมาฉันแล้วเจาะเลือดทางปลายนิ้ว แล้ววัดค่าน้ำตาลด้วยเครื่องวัดของคนเป็นเบาหวาน เครื่องเล็กๆ ค่าน้ำตาลสูงกว่าที่วัดมาจากโรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่ ตลอดเวลาร่วม 10 วัน คือจะมีค่าอยู่ที่ 225 หรือ บางวัน 250 ขึ้นอยู่กับอาหารที่ฉัน แม้ว่าจะฉันยาเช้า เที่ยง และเย็น อย่างเคร่งครัด แต่ค่ำน้ำตาลก็ไม่ยอมลดให้ชื่นใจสักที ขณะที่อาตมาเข้าโครงการล้างพิษในตับก็ฉันยาที่ได้จากโรงพยาบาลไปด้วย และหมั่นเจาะเลือดปลายนิ้วทุกวัน

          ค่าเลือดอื่นๆ อาตมาไม่รู้ได้เพราะไม่มีเครื่องวัด  จึงวัดเพียงน้ำตาลในเลือด พออดอาหารและดื่มน้ำมะนาว น้ำมะขาม น้ำผึ้ง น้ำแอปเปิ้ล และ ฉันลิดท็อกซ์ วันละสามเวลาเริ่มจาก 9.00 น. 12.00 น. และ 15.00 น. ลิดท็อกซ์ นี้เป็นผงสมุนไพร นำมาชงกับน้ำอุ่น หรือน้ำมะขามก็ได้ แล้วดื่มลงไปจะทำหน้าที่แทรกซ้อน ซึมซับไขมันที่เกาะตามลำไส้ ส่งออกมาเป็นแผ่นหรือเป็นเส้นยาวๆ สุดแท้แต่ใครจะมีมากหรือน้อย

          เช้าตรู่ หลังจากทำดีท็อกซ์แล้ว น้ำตาลลดจาก 225 มาอยู่ที่ระดับ 189 เป็นครั้งแรกทำให้อาตมามีกำลังใจ ขึ้นมาว่า ระดับน้ำตาลในเลือดเริ่มมีแนวโน้มที่ดี ทั้งๆ ที่ยืนหยัดที่แนวต้าน 250  และแนวรับที่ 225 เสมอ แต่ตอนนี้เริ่มปรับแนวต้านมาอยู่ 189 ก็ต้องดีใจว่า โครงการนี้มีผลไม่มากก็น้อย

          อาตมายอมรับความจริงว่า  ก็น้ำตาลที่สะสมหมักหมมมาตั้ง 50 กว่าปี จะให้ลดฮวบฮาบภายในวันเดียว หรือสองวัน ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อมีเครื่องเจาะ และอ่านผลก็อดที่จะเจาะเลือดดูไม่ได้ วันต่อมาก็เจาะอีก ระดับน้ำตาลลดลงมาอีกอยู่ที่ 147 นับว่าระดับนี้น่าอบอุ่นใจเป็นอย่างยิ่ง สำหรับคนที่อยู่กับเบาหวานมานานร่วม 15 ปีแล้ว  อย่างไรก็ตามแม้แต่ระดับน้ำตาลลดลงเพียงนิดเดียวก็พอใจแล้ว

          เรื่องสำคัญที่จะข้ามพ้นไปไม่ได้ก็คือ เรื่องสวนทวารที่น่ากลัว ทำได้หรือไม่อย่างไร

          วันแรกพี่พรรณได้เตรียมต้มน้ำสะเดา และสมุนไพรอื่นๆ เป็นน้ำสำหรับสวนให้ โดยมีหลักว่า ความร้อนของน้ำที่ทำนั้นไม่ร้อนมากนัก ลองใช้นิ้วก้อยจุ่มแช่ลงไป แล้วนับสิบได้โดยไม่ร้อนนัก ก็ใช้ได้ ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่า น้ำแค่อุ่นๆ ก็ใช้ได้

          อุปกรณ์การทำดีท็อกซ์ คือ ขวดน้ำหนึ่งลิตรครึ่ง หนึ่งขวด ที่ฝาขวดนำเอาสายยาง เท่ากับสายยางให้น้ำเกลือ มาต่อกับฝาขวด เดี๋ยวนี้เมืองไทย สายดีท็อกซ์มีขายโดยทั่วไป ก็นำเอาฝาขวดที่เขาออกแบบสำหรับปิดขวดหนึ่งลิตรครึ่งพอดี อีกด้านหนึ่งก็มีสายโผล่มาจากฝาขวด ปลายสายมีรูเล็กๆ ไม่น่ากลัวดั่งที่คิด เมื่อพี่พรรณ ติดตั้งในห้องน้ำโดยแขวนขวดน้ำอยู่สูงกว่าศีรษะ เพื่อน้ำจะได้ลงไปสะดวก จากนั้นก็นำสายซึ่งเล็กนิดเดียว สอดเข้าไปทวารหนักอย่างง่ายๆ ไม่เจ็บปวดหรือน่ากลัวแต่ประการใด เปิดก๊อกที่ปิดสายไว้ให้น้ำเดินลงมา  ทำจิตให้สงบ การเดินทางของน้ำหนึ่งลิตรครึ่งราบเรียบ ทำลมหายใจสงบนิ่ง ผ่อนคลาย สบายๆ เป็นวิธีการหนึ่ง ที่ทำให้การไหลของน้ำตามลำไส้เป็นไปอย่างสะดวก หากมีเตียงสำหรับนอนตะแคงให้นอนตะแคงขวา จะดีกว่านั่งบนโถส้วม จากนั้นเมื่อน้ำหมดหรือจะแบ่งทำครั้งละครึ่งขวด นำสายยางน้อยออกไปพร้อมทั้งนวดหน้าท้องวนตามเข็มนาฬิกากลั้นนานไม่ควรเกิน 20 นาที เมื่อรู้สึกปวดท้องถ่าย แล้วมานั่งบนโถส้วม หายใจสบายๆ ผ่อนคลาย ธาตุลมภายในจะทำหน้าที่ส่งของเสียออกมากับสายน้ำ ที่พุ่งออกมาอย่างแรง คล้ายๆ ตอนรับประทานยาถ่ายแรงๆ บรรดาสิ่งสะสม หมักหมมต่างๆ ก็จะออกมาเป็นสีน้ำครำบ้าง เป็นฟองสีเหลืองบ้าง หากลิดท็อกซ์ทำงานดีๆ เซาะซอกแซก แซะไซดี ก็จะได้ไขมันหลุดตามออกมาเป็นแผ่นคล้ายๆ ปลิงตัวใหญ่ๆ หรือ คล้ายแผ่นสาหร่ายทะเลลอยละล่อง อยู่ในโถส้วม บางทีของปฏิกูลเดินทางหายไปกับท่อ แต่แผ่นไขมันเหล่านี้ยังลอยนวลอยู่หลายๆ ชั้น ตามความเป็นจริงที่แต่ละคนมีอยู่ เวลาทำดีท็อกซ์ คือตี 5 เช้าตรู่ และบ่ายห้าโมงเย็น ตัวยาสมุนไพรที่จะนำมาใช้มีมากมาย หากหาอะไรไม่ได้ สิ่งที่ง่ายสุด คือ ต้มน้ำเดือด ผสมน้ำเย็นจนอุ่นพอดี แล้วบีบมะนาวลงไปหนึ่งซีก ก็ได้ น้ำดีท็อกซ์ อย่างดีแล้ว แต่หากจอมยุทธ์ในยุทธจักรล้างพิษมีอะไรจะมาแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นใบขี้เหล็กต้มหรือสมุนไพรใดๆ ก็นำมาแบ่งปันกันได้ เพราะอาตมาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญลงลึก เขียนตามประสบการณ์ที่เห็นกันจะจะ ด้วยตาเปล่าจริงๆ

                          การล้างสำไส้แต่ละครั้งใช้น้ำหนึ่งลิตรครึ่งถึงสามลิตร เพื่อความหมดจด เกลี้ยง เกลาของลำไส้ หรือใครจะทำสักสี่ขวดก็ไม่ผิดกฎ กติกามารยาท แต่ประการใด

                          ขณะที่ทำมีสิ่งที่ลดลงอย่างน่าพอใจ สองสามอย่าง คือ น้ำหนัก ขณะที่อาตมาอยู่ที่อเมริกา หรือ เดินสายทำบุญอยู่นั้น น้ำหนักอยู่ที่ ประมาณ 104 กิโลกรัม เมื่อทำการล้างพิษแล้วลดลงเหลือ 96.80 กิโลกรัม (หลังจากทำครั้งที่สองแล้วน้ำหนักลดลงอีกเป็น 90 กิโลกรัม) นับว่า มีนัยยะที่สำคัญ ที่มีสัญญาว่า น้ำหนักน่าจะลดลงได้อีก ส่วนระดับน้ำตาลในเส้นเลือดก็ลดลงมาจนถึง ระดับ 118 ซึ่งเป็นที่น่าพอใจไม่น้อย

                          การอดอาหารและล้างสำไส้ใหญ่  ผ่านไป 4 วัน พอวันที่ 4 เวลา 18.00 น. ดื่ม ดีเกลือหนึ่งช้อนชา ผสมน้ำผึ้งและมะนาวเพื่อให้ดื่มง่าย เวลา 20.00 น. ดื่มดีเกลืออีกครั้ง  เวลา 22.00 น. ดื่มน้ำมันมะกอก(สกัดเย็น) 150cc.น้ำมะนาว 150cc. เติมน้ำผึ้งในน้ำมะนาวเพื่อช่วยในการดื่มหรือใครจะไม่เติมน้ำผึ้งก็ได้ เขย่าขวดให้เข้ากันก่อนดื่ม ดื่มเสร็จรีบนอนราบศีรษะสูงเล็กน้อย พยายามนอนนิ่งๆ ประคับประคองไม่ให้อาเจียนจนถึง เวลา 2.00 น.

                          ในวันที่สี่มีคุณวรรณาซึ่งเป็นผู้มีจิตกุศล บอกว่ามาให้กำลังใจพระอาจารย์  เพราะจากประสบการณ์ จะพบว่าคืนสุดท้ายนี้บางคนดื่มน้ำมันมะกอก และน้ำมะนาว แล้ว จะอาเจียน จึงให้นายน้อยอิน และช่างก้อน มานอนเป็นเพื่อน เผื่อจะมีอะไรผิดปกติขึ้นกลางดึก  ผลปรากฏว่า อาตมาหลับตามปกติ จนถึงตีสี่ โดยไม่อาเจียนหรือถ่ายท้องอย่างหนักตามที่ทุกคนได้วิตกกังวลแต่อย่างใด

           

 




นำเสนอข่าวโดย : กนกอร เพ็ญรุ่งศศิธร, 
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส
17-01-2013 บันทึกไว้เมื่อวัย 54 ปี (0/194)  
13-01-2013 บันทึกการรักษาต่อมลูกหมากตอนที่ 2 (0/69)  
07-01-2013 บันทึกการรักษาต่อมลูกหมาก (ตอนที่ 1) (0/119)  
20-12-2012 สงบสุขสดใสในวันปีใหม่ 2556 (0/334)  
16-12-2012 ศีลสร้างสุข (0/98)  

หมายเลขบันทึก: 519214เขียนเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2013 01:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2013 02:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท