รักหรือคือ "นิยาม..."


รักมากไฉนต้องทุกข์มาก...?

เมื่อมีความรักทำไมต้องมีความทุกข์...?

แท้จริงความรักนั้นคืออะไร...?

หรือความรักเป็นเพียงชื่อที่สมมติขึ้นมาใช้แทนคำว่า “ความหลง...!”

คนเราเรียนมาก รู้มาก เก่งมาก ผิดไม่รู้จักผิด เจ็บไม่รู้จักจำ ช้ำแล้วก็ไม่รู้จักคำว่า “ทุกข์” แม้ “หลง” ก็ยังแต่งคำว่า “รัก” เพื่อมาแก้หน้าว่าตัวเองไม่หลง...

วันใดที่เรามีความรัก วันแห่งความทุกข์ก็ย่อมรอเราอยู่ เหมือนกับวันใดที่เรามีความเกิด เมื่อนั้น “ความตาย” ก็ย่อมรอเราอยู่เช่นเดียวกัน...

คนเราแต่งคำว่ารักแทนคำว่าหลง แล้วก็หลงติดอยู่ในคำว่ารัก

ผู้หญิงก็อ้างว่าตัวเองรักผู้ชาย ผู้ชายก็ใช้คำง่าย ๆ ว่า “รัก” เพื่อหวังผลประโยชน์จากผู้หญิง

เมื่อใดเราอ้างว่าตนเองรู้จักคำว่า “รัก” เมื่อนั้นแล้วก็ถลำเข้าไปติดอยู่ในวงเวียนแห่งความหลง “หลงจนหัวปักหัวปำ ช้ำแล้วก็ยังไม่เข็ด...”

ถ้าหากจะนิยามสิ่งที่มนุษย์ทุกคนโหยหาและต้องการความสุขอันละเมียดอ่อนหวานอย่างแท้จริงเราควรเรียกคำนั้นว่า “ความเมตตา”

ความเมตตาคือความสุขอย่างหาที่สุดหาประมาณมิได้จากใจสองใจที่มีให้แก่กัน

ความเมตตาคือนิยามของคำว่า “ให้” ความเมตตาคือความรักที่ยิ่งใหญ่จากหัวใจที่บริสุทธิ์...

ถ้าหากเรามีโอกาสได้สัมผัสกับผู้ที่เมตตาเราจริง ๆ หัวใจของเราจะไร้คำว่า “รัก”

คำว่ารักเปรียบได้เพียงเสี้ยวธุลีดินแห่ง “ความเมตตา”

คนเรานั้นแท้ที่จริงต้องการความเมตตาจากบุคคลรอบข้าง แต่บุคคลรอบข้างนั้นเล่ากลับทดแทนเราด้วยคำว่า “รัก” เพื่อมุ่งที่จะรับผลประโยชน์จากตัวเรา

ผู้ชายมุ่งใช้คำว่ารักเพื่อหาผลประโยชน์จากผู้หญิง ผู้หญิงที่โหยหาความรักจึงต้องตกเป็นเหยื่อของความรักที่เขาเทิดทูน

จิตใจคนนี้ชอบกลนัก รู้ว่ารักแล้วทุกข์ก็ยังจะรัก รู้ว่าทุกข์หนักก็ยังจะแบก รู้ว่ารักแล้วย่อมมีทุกข์สอดแทรกทุกคนก็ยังไขว่คว้า...

ความเมตตานั้นเล่าคือคำจำกัดความของความรักอัน “บริสุทธิ์”

“กัลยาณมิตร” นั้นเองจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิต

คนเราทุกวันนี้แท้จริงต้องการ “กัลยาณมิตร” 

ถ้าเรามีความเมตตาเราจะมี “กัลยาณมิตร” หากเรามีความรักเราจะมีได้เพียง แฟน กิ๊ก สามี หรือ ภรรยา...

กัลยาณมิตร คือ บุคคลที่ประเสริฐ บริสุทธิ์ และสิ้นสุดแห่งความเห็นแก่ตัว 

ถ้าหากต้องการความสุขที่แท้ ขอเพียงเราก้าวข้ามคำว่ารักมาหาคำว่า “ความเมตตา...”

หมายเลขบันทึก: 519156เขียนเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2013 13:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 มีนาคม 2014 15:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เมตตาธรรมเป็นเครื่องค้ำจุนโลก แต่ในหลาย ๆ ครั้งความรักกลับเป็นเรื่องทำลายโลก

นับตั้งแต่อดีตรัก "ทัชมาฮาล" อนุสรณ์สถานแห่งความรักที่ต้องแลกด้วยชีวิตของช่างและประติมากรหลายร้อยหลายพันชีวิต หรืออีกครั้งที่บุเรงนองลั่นกลองรบเพื่อที่จะเข้าตีเมืองแปให้วอดวาย หรือแม้แต่ในวรรณคดีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทศกัณฑ์ รามเกียรติ ขุนช้างขุนแผน อีกทั้งเช็คสเปียร์อินเลิฟ ก็ต่างเป็นความรักที่เคล้าน้ำตาและความสูญเสีย...

ความรักทำให้เราเห็นแก่ตัว...?

เราลองคิดดูสิว่า ถ้าเรารักใครสักคน แล้วเราจะเอาอีกคนที่เราเกลียดไปไว้ที่ไหน

เมื่อเรารักใครสักคน บางครังทำให้เราลืมคนอีกหลายคนที่รักเรา

ความรักจึงถูกจำกัดเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ในหลายครั้งหลายหนเราต้องทำให้คนอีกหลายคนต้องเสียใจ

ถ้าหากเราลองเทียบกับความเมตตาซึ่งนำพาหัวใจเราเป็นผู้ให้ได้กับคนทั้งโลก

หลาย ๆ คนที่ไม่ได้ครองชีวิตคู่ เขาก็มุ่งที่จะมอบความเมตตาสู่คนทั้งผอง

หลาย ๆ คนที่ไม่่มีคนรักมุ่งหมายปอง ย่อมสนองบุญคุณบุพการี

ความรักของเราบางครั้งทำให้เราไกลห่างจากพ่อจากแม่ ครั้นเมื่อเราแยกครอบครัว ก็เหมือนกับเราแยกหัวใจออกจากพ่อจากแม่

มีความรักให้กับคนทั้งโลก มีความรักให้กับคู่ครอง แต่ลืมมองความรักของพ่อของแม่

ความรักมักเป็นสิ่งที่ได้อย่างและต้องเสียอีกอย่าง

ความเมตตาเป็นสิ่งที่ไม่ได้อะไรและไม่เสียอะไร เพราะนั่นคือหัวใจของผู้ให้ที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน

เมื่อใดเรามีความรักเราก็ต้องมุ่งหวังสิ่งตอบแทน เมื่อใดมีความรักหัวใจเราย่อมแร้นแค้นไปด้วย "ความเมตตา"

เราทั้งหลายจงมอบความเมตตาให้กันเถิด โลกนี้จะประเสริฐพริ้งเพริดด้วย "ความเมตตา..."

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย...

ความรักเป็นความร้าย ความรักเป็นสิ่งทารุณ และเป็นเครื่องทำลายความสุขของปวงชน ทุกคนต้องการความสมหวังในชีวิตรัก แต่ความรักไม่เคยให้ความสมหวังแก่ใครถึงครึ่งหนึ่งแห่งความต้องการ


ยิ่งความรักที่ฉาบทาด้วยความเสน่ห์หาด้วยแล้ว ก็เป็นพิษแก่จิตใจ ทำให้ทุรณทุราย ดิ้นรน ไม่รู้จักจบสิ้น
ความสุขที่เกิดจากความรักนั้น เหมือนความสบายของคนป่วย ที่ได้กินของแสลง


“เธอทั้งหลายอย่าพอในใจความรักเลย”


เมื่อหัวใจยึดไว้ด้วยความรัก หัวใจนั้น จะสร้างความหวังขึ้นอย่างเจิดจ้า
แต่เมื่อทุกครั้งที่เราหวัง ความผิดหวังก็จะรอเราอยู่…


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย...


อย่าหวังอะไรให้มากนัก งมองดูชีวิตอย่างผู้ช่ำชอง อย่าวิตกกังวลอะไรล่วงหน้า 
ชีวิตนี้เหมือนเกลียวคลื่น ซึ่งก่อตัวขึ้นแล้วม้วนเข้าหาฝั่ง และแตกกระจายเป็นฟองฝอย
จงยืนมองดูชีวิตเหมือนคนผู้ยืนอยู่บนฝั่งมองดูเกลียวคลื่นในมหาสมุทรฉะนั้น... 

(พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน)


ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท