ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า ผู้เขียนอยากจะเก็บประสบการณ์หนึ่งไว้ในบล็อกG2K เพราะว่าค้นพบโล่รางวัลและภาพถ่ายที่ถ่ายไว้นานร่วม๓o ปีแล้วครับ เมื่อครั้งนั้นผู้เขียนได้มีโอกาสไปร่วมคณะไปศึกษาดูงานด้านการพัฒนาการเกษตร ตามโครงการปรับปรุงระบบส่งเสริมการเกษตรแห่งประเทศไทย เมื่อปีพ.ศ.๒๕๒๖ ได้มีการคัดเลือกเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรที่มีผลงานดีเด่นในระดับจังหวัด(ซึ่งเคยได้รับโล่รางวัลจากอดีตอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรที่ชื่อดร.พิสิษฐ์ ศศิผลิน เมื่อปีพ.ศ.๒๕๒๕) ได้ไปศึกษาดูงาน ณ.ประเทศอินโดนีเซียเป็นระยะเวลาประมาณ ๑ เดือน ซึ่งอาจจะเป็นการให้ขวัญและกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานในระดับภาคสนาม เท่าที่จำได้คือช่วงที่ไปศึกษาดูงานเดือนมิถุนายน ๒๕๒๖ แต่มันเป็นรางวัลแรกที่ผมได้รับ ผมเก็บมันไว้จนผมลืม เพราะนานเกินไป แต่ขณะนี้ผมค้นเจอ จึงอยากจะขอเก็บประสบการณ์หนึ่งไว้ในบล็อกG2K นะครับ
โล่รางวัลที่เคยได้รับประจำปี ๒๕๒๕
หากจะย้อนถึงวิธีการทำงานด้านการส่งเสริมการเกษตรสมัยนั้น เราเรียกว่า ระบบT&V(ย่อมาจากTraining and visit system) หากจะแปลเป็นไทย ก็คือระบบฝึกอบรมและเยี่ยมเยียน นั่นเอง นักส่งเสริม ๑ คนต้องรับผิดชอบครัวเรือนเกษตรกร ประมาณ๑,ooo ครัวเรือน โดยจะต้องมีการจัดทำแผนเยี่ยมเกษตรกร ในรอบ ๒ สัปดาห์( ๑ ปักษ์) จะต้องเยี่ยมครัวเรือนเกษตรกรให้ครบ ๑,ooo ครัวเรือน
การออกไปเยี่ยมเยียนเกษตรกรในแต่ละครั้งตามแผนเยี่ยมจะต้องเยี่ยมเป็นรายบุคคลหรือรายครัวเรือน เมื่อเราไปเยี่ยมที่บ้านเกษตรกรไม่พบบางครั้งจะต้องตามไปเยี่ยมในไร่นาเลยทีเดียว การไปเยี่ยมต้องมีประเด็นในการพบปะโดยสอบถามว่าเกษตรกรทำการเกษตรหรือประกอบอาชีพเกษตรกรรมอาจจะรวมไปถึงการจัดการฟาร์มของตนเองพบปัญหาอะไรบ้าง จากนั้นก็ต้องทำหน้าที่เป็นครูนอกระบบ ทำการให้คำแนะนำในเรื่องนั้นๆแก่เกษตรกรเป็นการเฉพาะรายบุคคล หากมีปัญหาหนึ่งปัญหาใดที่นักส่งเสริมตอบหรือให้คำแนะนำแก่เกษตรกรไม่ได้ จะต้องรีบนำตัวอย่างของจริงในปัญหานั้นๆกลับมาปรึกษานักวิชาการส่งเสริมการเกษตรที่อยู่ประจำสำนักงานเกษตรจังหวัด หรือบางปัญหาอาจจะแก้ไขได้ในระดับเกษตรอำเภอโดยเกษตรอำเภอจะต้องเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้วย
ภาพถ่ายขณะที่ไปศึกษาดูงาน ที่ประเทศอินโดนีเซียเมื่อเกือบ ๓oปี แล้วครับ
ณ.บริเวณกระทรวงเกษตรและป่าไม้ ณ. สถานทูตไทยประจำกรุงจากาต้าร์
ณ.หมู่บ้านบัมบังล์ บนเกาะบาหลี (หมู่บ้านพัฒนา) ณ.บริเวณหน้ากระทรวงเกษตรและป่าไม้
จากนั้นในรอบ ๒ สัปดาห์(๑ ปักษ์) ในระดับจังหวัดจะมีการจัดประชุม-สัมมนาเชิงปฏิบัติการรายปักษ์ เพื่อเปิดโอกาสให้นักส่งเสริมการเกษตรที่รับผิดชอบครัวเรือนเกษตรกร ได้นำประเด็นปัญหาจากการที่ได้ปฏิบัติงานที่ผ่านมาเข้าหารือในที่ประชุมครั้งนี้ เพื่อร่วมกันวินิจฉัยหรือหาแนวทางแก้ไข แล้วนักส่งเสริมที่นำประเด็นปัญหามา จะต้องนำคำตอบไปตอบให้เกษตรกรรายที่มีปัญหาอีกครั้งหนึ่ง
นับว่าการทำงานของนักส่งเสริมสมัยนั้น เราทำงานสนุกสนานมาก เข้ากับชุมชนได้อย่างแท้จริง ไปที่ไหนๆคนที่อยู่ในชุมชนเขารักนักส่งเสริมการเกษตรมาก การทำงานค่อนข้างจะได้ผลดี แต่ปัจจุบันนี้ระบบT&V ก็ได้พัฒนาปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเช่นกันครับ
เขียวมรกต
๔ ก.พ.๕๖
นานมากน่ะท่านเขียว เมื่อก่อนเกษตรคือขวัญใจชาวบ้าน
กลุ่มเกษตรที่ขึ้นตรงต่อกรมส่งเสริมเกษตรก็มีความเข้มแข็งในการผลิต
ปัจจุบันมาขึ้นกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ การผลิตอ่อนแอลงแต่ไปเข้มเรื่องตรวจทำบัญชี งบดุล การประชุม ตัวชี้วัดเกณฑ์มาตรฐาน
เกษตรก็วางมือไม่ได้มาส่งเสริมกลุ่มเหมือนเมื่อก่อน ความสัมพันธ์เบาบาง
ลง
จำเพลงยุวเกษตรสมัยก่อนที่ร้องว่า
"เกษตรนี้หล่อจริงๆ
ผู้หญิงเขาอยากรู้จัก
เกษตรนี้หล่อยิ่งนัก
ถ้าใครรู้จักได้กินผักฟรี"
ยังจำได้ดี
ขอบคุณที่นำโล่ห์มาให้หวนคิดถึงเกษตรครั้งก่อนเก่า
-สวัสดีครับท่านเขียวมรกต
-ตามมาอ่านบันทึกนีอีกครั้ง แม้จะผ่านมา 4 ปีแต่ก็ยังมีความรู้มากมายนะครับ
-ณ เวลานี้ระบบ T&V ถูกกลับนำมาใช้ทำงานในระบบส่งเสริมการเกษตรอีกครั้ง ตัวผมเองคงได้ร่วมใช้วิธีการส่งเสริมฯแบบนี้อย่างเต็มที่ เคยได้ฟังพี่ ๆ อายุ 50+ เล่าให้ฟังเกี่ยวกับระบบนี้ มาดูปี 2017 ว่าระบบนี้จะเป็นอย่างไรนะครับ...