ด้วยโรงเรียนเป็นสนามสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือเรียกย่อๆ ว่า O-net บทบาทของตนเองคือกรรมการกลางประจำสนามสอบที่มีหน้าที่เตรียมเอกสาร วัสดุ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ในวันสอบทำหน้าที่จ่ายแบบทดสอบและกระดาษคำตอบ ดูแลความเรียบร้อยของกระดาษคำตอบและข้อสอบในช่วงเวลาส่งกลับ ตลอดจนการจัดเก็บเอกสาร ข้อสอบและแบบทดสอบส่งศูนย์สอบซึ่งห่างจากโรงเรียนประมาณ 12 กิโลเมตร
วันแรกของการสอบช่วงเช้ามี 2 วิชาคือ คณิตศาสตร์ และภาษาไทย ช่วงบ่ายเป็นวิชาภาษาอังกฤษ ในส่วนของนักเรียนปัญหาที่พบเบื้องต้นคือ นักเรียนจำนวน 19 คน (2% ของผู้เข้าสอบทั้งหมด) ไม่นำบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรนักเรียนมา ซึ่งเหตุผลหลักของเด็กๆ คือ "บัตรหาย" (จำได้ว่าตอนกิจกรรมหน้าเสาธงครูนกได้ย้ำเรื่องนี้แล้ว หลายคนแก้ปัญหาแต่หลายคนปล่อยให้ปัญหาเดินมาหาตนเอง) ซึ่งแก้ไขโดยการให้นักเรียนกรอกแบบฟอร์มที่เกี่ยวข้องเพื่อขออนุญาตเข้าสอบ ต่อมาคือนักเรียนทำเสร็จก่อนเวลาแต่ตามกติกาต้องให้นักเรียนอยู่ในห้องสอบจนหมดเวลา (ในส่วนตัวมองเห็นเจตนาดีของคนออกกฏกติกาว่า ต้องการให้นักเรียนที่ทำเต็มความสามารถและมุ่งมั่นมีสมาธิ เนื่องจากนักเรียนส่วนใหญ่เมื่อออกจากห้องสอบส่งเสียงดัง) และปัญหาที่ตามคือ ปัญหาสุขภาพคือมีนักเรียนป่วยในลักษณะปวดศีรษะ (แก้ปัญหาคือส่งพบครูพยาบาลเพื่อดูแลเบื้องต้น) ในส่วนของครูคุมสอบ ครูหลายท่านมาจากโรงเรียนทำให้ไม่คุ้นเคยสถานที่เนื่องจากมีการสอบในชั้นที่ 6 (6ห้อง) ชั้นที่ 5 (12 ห้อง) และชั้นที่ 3 (3 ห้อง) ต่อมาคือครูมีอายุมากขึ้นทำให้การตรวจสอบการระบายกระดาษคำตอบในบางจุดถูกหลงลืมเช่น การระบายรหัสชุดข้อสอบ แต่พบห้องหนึ่งไม่เกินสองแผ่น และปัญหาที่เกิดจากกรรมการกลางคือการเข้าใจในแบบฟอร์มต่างๆที่ต้องใช้ประกอบ และการเตรียมการสำหรับนักเรียนที่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรนักเรียน อีกทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ต้องใช้เ่ช่น คลิปเสียบกระดาษ คัตเตอร์ เชืองฟาง (อยากบอกว่า พี่ที่ดูแลในจุดนี้เศรษฐกิจพอเพียงจนทำให้ดูอัตคัตเกินไป) และต่อมาคือในการตรวจกระดาษคำตอบกรรมการบางท่านตรวจละเอียด ส่วนบางท่านตรวจไม่ละเอียดเพราะความไม่เข้าใจในงาน แต่ที่ประทับใจคือ คณะกรรมการสังเกตการณ์ ซึ่งได้แต่งตั้งเป็นปีแรกตามแนวปฏิบัติของสทศ. ทำให้มีฝ่ายช่วยตรวจสอบ ตรวจทานความถูกต้องและความเีรียบร้อยได้อย่างมากมาย และขอชืนชมคณะสังเกตการณ์จำนวน 4 ท่านซึ่งมาจาก 2 โรงเรียนทำงานด้วยใจเป็นแบบอย่างที่ดีในการทำงาน ในส่วนของหน่วยงานหลักที่จัดทำข้อสอบ พบความบกพร่อง 2 จุดคือ บรรจุจำนวนข้อสอบขาดไป 1 ชุดในรายวิชาที่ 3 และความสัมพันธ์ระหว่างกระดาษคำตอบกับแบบทดสอบในบางชุดและบางข้อของรายวิชาที่ 2 อันนี้ครูนกไม่ขอวิพากษ์
วันที่สองของการสอบช่วงเช้าเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา และช่วงบ่ายเป็นชุดข้อสอบที่ประกอบด้วย ศิลปะ สุขศึกษา และการงานฯ ในส่วนของนักเรียนจำนวนนักเรียนที่ไม่นำบัตรประจำตัวนักเรียนหรือบัตรประชาชนมีเพียง 2 ราย และนักเรียนทำในบางรายวิชาเสร็จก่อนเวลาทำให้เกิดสภาวะว่างงานในห้องสอบ และมีนักเรียนป่วย 2 รายคือปวดศีรษะ ซึ่งเกิดในรายวิชาแรกเลยทำให้ต้องมีการส่งตัวไปนอนพักที่ห้องพยาบาลหลังจากสอบเสร็จวิชาแรกเพื่อให้ได้พักก่อนจะถึงเวลาสอบรายวิชาที่สองและโชคดีที่นักเรียนมีเวลาเกือบชั่วโมงในการพัก ในส่วนกรรมการคุมสอบวันนี้ความผิดพลาดในส่วนของกระดาษคำตอบลดน้อยลง แต่พบว่าห้องใดที่พลาดก็มักจะเกิดเหตุซ้ำๆ ส่วนของกรรมการกลางวันนี้ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น แต่มีจุดต้องปรับเรื่อง "การตรวจทานความผิดผลาด" ซึ่งควรให้เกิด 0 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนของคณะกรรมการสังเกตการณ์ได้ปรับแนวบางอย่างเช่น แยกจุดรับกระดาษคำถาม และคำตอบทำให้ระบบทวนสอบเข้มแข็งขึ้น และสกัดความผิดพลาดได้ดีขึ้น
หลังจากสอบเสร็จครูนกได้สอบถามเด็กๆ ว่า "เป็นอยางไรทำข้อสอบได้หรือไม่" หลายเสียงตอบว่า "พอทำได้ครู" มีส่วนน้อยจะตอบแบบมั่นใจ และเด็กๆ บอกว่า ตอนติวเตรียมสอบ Onet ข้อสอบยากกว่านี้ งานนี้คงต้องรอฟังผลการสอบ O-net ว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ครู โรงเรียน และหน่วยงานภายนอกคาดหวังหรือไม่คือ คะแนนสูงขึ้นจากปีก่อนทุกรายวิชา และเพิ่มขึ้น 5%
ในมุมมองส่วนตัวคะแนน O-net เป็นส่วนหนึ่งในการประเมินว่า นักเรียนเก่งเพียงใด อย่างไร แต่สิ่งที่ครูตัวเล็กๆ คาดหวังคือ นักเรียนเป็นคนดี มีความสุขอยู่ในสังคม และมีจิตใจแบ่งปันต่อผู้อื่น ส่วนคะแนนการสอบเป็นเพียงใบเบิกทางไปสู่อนาคตที่ต้องการแต่ยังไม่สามารถทำให้คำว่า "เก่ง ดี และมีสุข" ก้าวขนานกันไปได้ เรื่องนี้ต้องติดตาม วิเคราะห์ และแก้ไขกันต่อไป
ไม่มีความเห็น