ทำไมเยชิจึงร้องไห้..ตอนจบ(บันทึกโดยSeangja)


  เย็นวันนั้นฉันจึงแวะเข้าไปเยี่ยม ขออนุญาตตึกพาเยชิไปเที่ยวบริเวณรอบๆโรงพยาบาล พาไปไหว้พระ-ศาลพระภูมิในโรงพยาบาลพอให้สบายใจ เยชิบอกว่าช่วงที่ฉันไม่อยู่ก็มีน้องที่ตึกพามาเดินเล่นแบบนี้เหมือนกัน ฉันก็เลยส่งยิ้มให้เป็นกำลังใจเพื่อให้เธอพูดต่อ เยชิถามฉันว่าพี่มีครอบครัวไหม กลับบ้านเย็นๆแบบนี้เขาไม่ว่าเหรอ..ฉันก็เลยตอบว่าไม่มีปัญหา ฉันมีบ้านข้างนอกแต่สามารถเดินทางไปกลับได้สะดวก ยิ่งตอนนี้ไม่มีห่วงที่จะต้องดูแลแม่แล้วจะกลับบ้านอย่างไรก็ได้ เยชิก็นิ่งไปสักพักนึงก่อนถามฉันอีกว่าพี่มีพี่น้องกี่คน ฉันตอบว่ามีน้องชายอยู่1คน ถามทำไมเหรอ..แล้วเยชิก็ค่อยๆเล่าเกี่ยวกับประวัติครอบครัวให้ฉันฟัง ทำให้เข้าใจได้ดีมากขึ้นว่า ทำไมเธอถึงรีบร้อนและบ่นแต่อยากกลับประเทศในช่วงแรกๆที่เจอกันนั้น จากคำบอกเล่าทำให้รู้ว่าเยชิเป็นเด็กเรียนดีแต่ยากจน แม่ไม่รู้หนังสือและหย่าร้างจากพ่อตั้งแต่เธออายุ5-6ขวบ เธอมีน้องสาวอยู่คนนึงที่พ่อไม่เคยรับรู้ว่ามี เธอจึงรู้สึกปกป้องน้องและพยายามทำหน้าที่หลายๆอย่างแทนแม่ และเธอสัญญากับน้องว่าจะให้ได้เรียนหนังสือต่อชั้นมัธยม ซึ่งแม่ไม่มีรายได้และไม่ค่อยเห็นด้วยกับเธอในการส่งให้น้องได้เรียนหนังสือต่อ เยชิตั้งใจว่าเมื่อได้กลับประเทศ ถ้าทันก่อนกลางเดือนกุมภาพันธ์ เธอจะได้ทำหน้าที่แทนแม่ในการพาน้องไปมอบตัวเข้าเรียนที่โรงเรียนในเมืองตามที่เธอได้เคยพยายามติดต่อกับคนรู้จักเอาไว้ และหางานทำเพื่อช่วยเหลือแม่ให้สบายมากขึ้น เมื่อมาเจ็บป่วย ถูกถอนทุนการศึกษาและมาติดค้างในเมืองไทยนานกว่าที่คิดไว้ ..มีหลายคืนที่นอนคิดถึงแม่และน้องแล้วอยากที่จะวิ่งหนีออกไปให้ไกลๆจากโรงพยาบาล แต่ก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน       ตัวฉัน(ผู้เขียน)ฟังแล้วรู้สึกเห็นใจและเข้าใจในความกดดันที่เยชิประสบอยู่อย่างมากเลยทีเดียว.

.เยชิยังคงเล่าต่อไปอีกว่า..วันนั้นที่ผลออกมาว่ายังไม่ผ่านยังกลับบ้านไม่ได้..ความเสียใจและสิ้นหวังที่จะทำสิ่งที่ตั้งใจให้กับน้อง พร้อมๆกับกลัวว่าน้องจะโกรธและไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรฉันถึงยังไม่รีบกลับมาบ้าน มันวนเวียนอยู่ข้างในจนฉันแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่เห็นพวกพี่ๆคอยมาดูและช่วยจัดหาข้าวปลาให้กิน มันทำให้มีกำลังใจ และนึกถึงความรับผิดชอบและอนาคตที่แม่และน้องฝากไว้ที่ตัวฉัน..ถามเยชิต่อไปอีกว่าแล้วได้บอกให้น้องและแม่รู้ไหมว่าไม่สบายและรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล..ตอนแรกไม่ได้บอกแม่และน้องว่าเป็นอะไร แต่พอผลไม่ผ่านครั้งสุดท้ายนี่ก็ตัดสินใจบอกให้น้องรู้ น้องสาวก็ร้องไห้บอกว่าถ้าจะเข้าเรียนช้าไปอีกปีก็ไม่เป็นไร ขอให้เยชิกลับมาบ้านอย่างปลอดภัยก็พอแล้ว..ฉันจึงชื่นชมความเป็นน้องที่น่ารักของน้องสาวเยชิ เธอยิ้มแจ่มใสทั้งดวงตาและสีหน้าพร้อมกับพยักหน้ารับและเล่าต่อด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็งขึ้นว่า ฉันร้องไห้วันนั้นไม่ได้เป็นเพราะสงสารหรือห่วงตัวเองหรอกนะแต่ความรู้สึกสงสารน้องจับใจ,กลัวน้องจะโกรธและผิดหวังที่พี่สาวคนนี้ไม่สามารถทำตามที่สัญญาให้ได้นี่ต่างหากที่มันทำให้สะกดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่..ฉันจึงกระตุ้นให้เยชิอยู่กับปัจจุบันด้วยการพูดสรุปว่าน้องสาวเข้าใจและไม่เป็นอย่างที่กังวลตอนแรกๆแล้ว..เธอจะวางแผนในการอยู่ต่อไปในโรงพยาบาลนี้อย่างไรให้มีความสุขมากขึ้น.. เราก็มาตกลงกันว่าพอจะช่วยในสิ่งที่อีกฝ่ายจำเป็น/ต้องการในการอยู่ร่วมกันอย่างไร ฉันมีเงื่อนไขขอจากเยชิเพียงสองสามข้อ ข้อหนึ่งนั้นก็คือ อย่าเพิ่งหมดหวังและหนีออกจากโรงพยาบาลโดยไม่มาพูดคุยกันก่อน ส่วนเยชิขอให้เราช่วยหาสัญญาณอินเตอร์เน็ตให้ได้ติดต่อกับญาติบ้างสัปดาห์ละครั้งก็ยังดี ซึ่งเราคิดว่าพอช่วยเหลือกันได้ไม่ยาก

..ฉันบอกขออนุญาตเล่าเรื่องของเยชิไว้เป็นข้อคิดสำหรับผู้ดูแลผู้ป่วยหรือผู้รับการสงเคราะห์ที่อาจจะต้องอยู่ในสถานที่นั้นๆเป็นระยะเวลาหลายๆวัน ให้ตระหนักถึงอารมณ์และความกดดันที่มีอยู่ในตัวของผู้ป่วย/ผู้รับการสงเคราะห์ที่เราดูแลว่ามีมากมายหลายอย่าง บางทีต้นเหตุของปัญหาไม่ได้เกิดที่ตัวบริการของเราแต่เขามีปัญหาเก็บซ่อนเอาไว้ก่อนมาเจอกับเราก็มี การสร้างความรู้สึกเป็นมิตรและตั้งใจอยากที่จะช่วยเหลือก็จะทำให้เขาค่อยๆกล้าที่จะบอกเล่าถึงความกลัวความกังวลที่แฝงเร้นไว้ให้เราได้รับรู้และเข้าใจในพฤติกรรมที่เขาแสดงตอบกลับกับเรามาได้ว่ามีที่มาและสาเหตุอะไรอย่างไร..ขอบคุณสำหรับคำถามกระตุ้นใจที่ดีๆจากน้องพยาบาลหอผู้ป่วย  ที่ทำให้ ฉันได้มีโอกาสเห็นและสัมผัสกับมุมงามๆในชีวิตของเยชิ-ผู้ป่วยรายนี้ เพื่อค้นหาคำตอบที่ถูกต้องในสิ่งที่น้องถาม...


หมายเลขบันทึก: 518150เขียนเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2013 19:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2013 19:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท