การเรียนรู้และการทำงานร่วมกับชุมชน. 1


             

                  29 ม.ค.56------> ก้าวออกจากห้องพักสี่เหลี่ยม เพื่อเดินทางด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมไปสู่ห้องประชุม เดินขึ้นลิฟท์ด้วยใจมุ่งหวังว่าวันนี้ต้องได้อะไรดีๆกลับบ้านแน่นอน  เจ้าหน้าที่ประจำลิฟท์บอก " คุณผู้หญิงต้องใช้คีร์การ์ดสอดเข้าไปที่เครื่องก่อนลิฟท์ถึงจะเคลื่อน" ฉันกับพี่อีกคนก็รีบทำตามด้วยหวังว่าจะได้ไปถึงห้องประชุมเร็วๆ แต่ความจริงกลับไม่เป็นอย่างที่ฉันคิดฉันกับพี่เอียดพยายามสอดคีร์การ์ด7-8 รอบลิฟท์ก็ยังไม่เคลื่อน จนเจ้าหน้าที่ประจำลิฟท์มาช่วยทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมไม่มีการเคลื่อนไหว ขณะที่ทุกคนกำลังมุ่งมั่นกับการสอดคีร์การ์ด ชายวัยกลางคนหน้าตาเกาหลี๋เกาหลี!!!!!!เดินมาคนเดียวก้าวเท้าเข้าสู่ลิฟท์ ทุกคนหยุดการกระทำ =$=? ชายคนดังกล่าวไม่พูดไม่จาหันมามองหน้าฉันกับพี่เอียด แล้วเลยไปมองพนักงานประจำลิฟท์ พนักงานก็โค้งคำนับให้หนึ่งครั้งพร้อมกับเดินออกจากลิฟท์ไป ฉันยืนยิ้มมองการกระทำของชายคนดังกล่าวที่กำลังสอดคีร์การ์ดเข้าไปในเครื่อง พอหลังจากที่เค้าถอดคีร์การ์ดออกมาลิฟท์ก็ค่อยๆขยับเคลื่อนตัวไปช้าๆ วินาทีนั้นในใจฉันร้อง ไชโย!!!!!!! ได้ขึ้นซะที   แต่เอ๊ะ!!!!! ชายคนนั้นเค้ากดหมายเลข 6 ไม่นะ........, ฉันจะไปแค่ฉันสองเอง ตายแล้วนี่ฉันต้องกดลิฟท์กลับมาชั้นสองอีกเหรอ. อืมมมมมมมม.......... ไม่เป็นไรหรอกแป๊บเดียวก็ถึง

                  ณ  ชั้น 6 เมื่อชายคนดังกล่าวก้าวเท้าออกจากลิฟท์  ฉันกับพี่เอียดก็รีบกดหมายเลขสองเพื่อให้ลิฟท์เคลื่อนตัวลงทันที แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะสิ!!!!!! ลิฟท์ยังคงเปิดค้างอยู่แบบเดิม ความพยายามในการสอดคีร์การ์ดถูกเริ่มขึ้นอีกครั้ง  แตต่ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม ในที่สุดเราทั้งสองคนก็ตัดสินใจว่าจะเดินลงจากชั้น 6 เพื่อไปประชุมที่ชั้น 2 ด้วยบันได เดินตรงไปเรื่อยๆ เลี้ยวซ้าย ทรงตัก เดินกลับคราวนี้ลองเลี้ยวขวา........ทางตันอีก  ตลอดทางที่ฉันเดินเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาอยู่นั้นสองข้างทางคือห้องพักไม่ว่าจะเลี้ยวไปทางไหนก็เจอแต่ห้องพัก ห้องพัก และทางตัน  นี่ไง!!!!!! ผู้หญิงสองคนที่ยืนอยู่หน้าห้อง เย้ๆๆๆๆๆๆๆ เจอคนแล้ว 

                   " ขอโทษนะค่ะ จะลงไปชั้นสองต้องทำยังไงค่ะ?"  ฉันรีบถามผู้หญิงสองคนนั้นทันที

                   " Sorry, I don't  understand?" โอวววววววแม่เจ้า.............ทำไมนะตอนที่อาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษฉันถึงไม่ตั้งใจให้มากกว่านี้ แล้วทีนี้จะไปทางไหนกันละเนี่ย_____เอาไงกันละทีนี้  ลองเดินวนดูอีกรอบเผื่อเจอคนไทยจะได้คุยกันรู้เรื่องหน่อย ผ่านไป 5 นาทีก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีผู้คนเดินผ่าน แต่เอ๊ะ!!!!!!! อะไรแว๊บๆเข้ามาในลานสายตาฉันนะ

                   " พี่เอียดมันมีประตูหนีไฟด้วยอ๊ะ(----).   ลองเดินไปกันดูไหม?" พี่เอียดหันมาสบตาเพียงเสียววินาทีแล้วก้าวไปบิดประตูเพื่อเดินออกจากชั้น 6 เราทั้งคู่เดินลงไปเรื่อยๆผ่านไปหนึ่งชั้น

                   "ประตูชั้นนี้มันเปิดไม่ได้" พี่เอียดหันมาบอกฉันพร้อมๆกับมือทั้งสองข้างที่พยายามดันประตูอย่างสุดแรง  

                    "งั้นเราเดินลงไปอีกชั้นไหม?เผื่อจะเปิดได้" ฉันบอกเพื่อปลอบใจตัวเองและพี่เอียด  เราทั้งสองต่างเดินลงบันไดหนีไฟไปเรื่อยๆ สลับสับเปลี่ยนกันเป็นผู้นำและผู้ตาม วนมาตั้ง 6 รอบก็ยังไม่มีประตูไหนที่เปิดได้อีก ฉันลองยื่นหน้าลงไปมองดูราวบันไดด้วยความอยากรู้ว่ามันจะไปอีกถึงไหน.  ทำไมบันไดถึงไม่มีที่สิ้นสุดซะทีนะ โอวววววว..............ให้ตายสิ!!!!!! นี่บันไดหนีไฟหรือบันไดลงชั้นใต้ดินอ๊ะ ทำไมมันถึงได้ยังเหลืออีกตั้งหลายขั้น จะทำยังไงอีกละเนี่ยเรา ฉันหันไปมองพี่เอียดด้วยใจที่เริ่มท้อ เหนื่อย และก็กลัว_____กลัวจะเจออะไรต่างๆนาๆ ยิ่งรอยบุหรี่ กระป๋องเบียร์ที่ทิ้งเรี่ยราดตลอดเส้นทางยิ่งทำให้ฉันกลัว ผู้หญิงหลงทางสองคนถ้าเจอคนร้ายหรือคนไม่ดีระหว่างทางเราทั้งคู่จะทำยังไง สารพัดความคิดความกลัวที่เริ่มเข้ามาแล่นในหัวสมองของฉันมันคงทำให้พี่เอียดอ่านสายตาของฉันออก

                     "เดี๋ยวเดินวนอีกรอบ ถ้าครั้งนี้ประตูยังเปิดไม่ออกเราค่อยว่ากันใหม่" มือที่คอยจับฉันพร้อมกับคำพูดที่ดูไม่ท้อแท้ช่วยให้ใจที่กำลังแย่ดูมีความหวังขึ้นในทันที อยากขอบคุณโชคชะตาที่ไม่ทำให้ฉันต้องเผชิญกับสิ่งนี้เพียงลำพัง ไม่อย่างนั้น.......แย่แน่ๆเรา  

                      " เปิดได้!!!!!พี่เอียดประตูเปิดได้แล้ว  แต่เอ๊ะ!!!! ทำไม? มันไม่มีคนเลยอ๊ะ" ฉันมองผ่านกรอบของประตูลอดออกไปเป็นช่องสี่เหลี่ยมสิงที่เห็นเป็นเพียงทางเดินแคบๆที่มีเก้าอี้วางเรียงกันเป็นชั้นๆเดินตามทางไปเรื่อยๆเริ่มเห็นโต๊ะวางอาหาร วินาทีแรกที่ฉันเห็นชายวัยกลางคนที่สวมชุดซาฟารีสีกรมท่ากำลังยกเก้าอี้ ในใจฉันตะโกนก้องร้องบอกว่า ไชโย!!!!!ไชโย!!!!  หลังจากที่เดินวนอยูบนบันไดหนีไฟมานานฉันเจอคนแล้ว................ไม่รอช้าฉันกับพี่เอียดรีบเดินถลาไปหาชายคนดังกล่าว

                        " ขอโทษนะค่ะนี่ชั้นไหน?พอดีเราสองคนหลงทางจะไปประชุมที่ชั้นสองรบกวนช่วยบอกทางหน่อยได้ไหมค่ะ?" สิ้นเสียงพี่เอียดชายคนดังกล่าววางเก้าอี้ลงจากมือหันมามองพวกเราด้วยรอยยิ้ม  พร้อมกับชี้ทางสว่างให้กับพวกเรา

                         " ชั้น 1 ครับ คุณเดินตรงไปประมาณ 200 เมตรจะเห็นเจ้าหน้าที่กำลังจัดเตรียมห้องอาหาร พอเดินออกจากห้องอาหารไปให้คุณเลี้ยวซ้าย เดินตรงไปเรื่อยๆจะเห็นลิฟท์อยู่ซ้ายมือคุณไม่ต้องขึ้นลิฟท์ก็ได้แค่เดินขึ้นบันไดวนรอบเดียวก็ถึงห้องประชุมชั้นสองแล้วครับ"  โอ้วววววววว........ช่างเป็นคำพูดที่น่ายินดียิ่งสำหรับฉันในวันนี้ แต่อยากบอกคุณลุงคนนั้นจังว่า  ฉันไม่ขึ้นลิฟท์อีกหรอก!!!!!!!  เดินมาเรื่อยตามคำบอกของคุณลุง ก่อนจะถึงบันไดฉันเห็นลิฟท์ตัวเดิม ตัวที่ฉันขึ้นไปติดที่ชั้น 6 และเจ้าหน้าที่ประจำลิฟท์คนเดิมที่ไม่ได้ช่วยอะไรฉันเลยยยยยยยย  ฉันเดินแวะเข้าไปหาเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวพร้อมกับถามเค้าว่ามันเป็นมายังไง เจ้าหน้าที่กลับถามฉันว่าได้พักที่โรงแรมนี้ไหม? ฉันคิดในใจถ้าฉันไม่ได้พักที่นี่แล้วฉันจะมีคีร์การ์ดเหรอ แถมเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยังได้ช่วยฉันสอดคีร์การ์ดแต่ไม่สำเร็จอีกด้วยแล้วยังจะมาถามฉันยังงี้อีก ฉันยื่นคีร์การ์ดให้เขาดูอีกครั้ง เขาก็จับพลิกหน้าพลิกหลังดูแล้วพูดว่า

                           " ถ้าพักที่ตึกโน้นจะใช้คีร์การ์ดมาขึ้นลิฟท์ที่ตึกนี้ไม่ได้ครับ "  

                           " อ้าววววววว.  แล้วทำไมคุณไม่แจ้งหรือถามลูกค้าก่อนละ เนี่ยอะไรปล่อยให้ขึ้นลิฟท์ไปเลย"  ฉันสวนกลับในทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ออกจากปากเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว แถมแอบค่อนขอดในใจว่า....... ให้ฉันปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มเลยวันนี้ ดีนะที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วย แค่เหนื่อยหอบเพราะเดินลงบันไดหนีไฟหลายรอบเท่านั้น เนี่ยเป็นเพราะฉันมาจากต่างจังหวัดเลยไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยหรือไงน้าาาาาาาาา บ้านนอกจริงๆเลยเรา สุดท้ายฉันกับพี่เอียดก็ได้เข้าร่วมประชุมทันจังหวะที่อาจารย์โกมาตรกำลังบรรยายพอดี อย่างน้อยวันนี้ก็ได้รู้  : Seven tools  เครื่องมือเรียนรู้วิถีชุมชน 7 ประการอันได้แก่ แผนที่เดินดิน  แผนผังเครือญาติ  โครงสร้างองค์กรชุมชน ระบบสุขภาพชุมชน  ปฏิทินชุมชน  ประวัติศาสตร์ชุมชน  ประวัติชีวิต   

        : ตัวอย่างการบูรณาการทำงานด้วยมิติจิตปัญญาสู่ชุมชนสู่ชุมชน จากรพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ อีกหนึ่งมุมมอง อีกหนึ่งความคิดของคุณหมอที่เห็นว่าผู้ต้องขังเป็นเหมือนคนคนหนึ่งหาใช่นักโทษไม่ แค่อยากมี อยากได้มากกว่าคนอื่น แต่อาจจะไม่ไดเลวร้ายอะไรมากมาย คุณมองเล็งเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพ การตรวจคัดกรอง การป้องกันโรค HIV ในกลุ่มผู้ต้องขัง เปิดมุมมองใหม่ให้ฉันเป็นอย่างดี

        : Lean & seamless  healthcare  การลดขั้นตอนและการดูแลผู้ป่วยอย่างไร้รอยต่อ อาจารย์โกมาตรยกตัวอย่างการทำงานของโรงพยาบาลศรีสะเกษกับลูกข่ายทั้งจังหวัดเกี่ยวกับการดูแลและการนัดผู้ป่วยตา เพื่อให้ผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาโดยไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งรองทำบัตรหรือจองคิว  เพราะลูกข่ายจะทำหน้าที่ประสานข้อมูลต่างๆกับทางโรงพยาบาลเอง คนไข้จะได้รับเลขที่โรงพยาบาล วันเวลาที่จะต้องไปรับการตรวจ ประเภทหัตการที่ต้องไปทำ เป็นต้น พออาจารย์พูดเสร็จคนศรีสะเกษอย่างฉันก็พลอยได้หน้าไปด้วย........ อิอิอิอิอิ---------->วันนี้จบลงด้วยความเหนื่อยล้า


ขอบคุณ  :  ความโง่เขลาในวันนั้น ที่ทำให้วันนี้ฉันฉลาด 

หมายเลขบันทึก: 517997เขียนเมื่อ 31 มกราคม 2013 11:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 มกราคม 2013 17:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอบคุณค่ะ อันนี้แค่วันแรกแถมยังพิมพ์ไม่จบวัน ฝากติดตามวันที่ 2 ของการประชุมด้วยนะค่ะ

อ่านแล้วอยากบอกว่า ฝึกภาษาอังกฤษเพิ่มกันดีกว่า 555


เสียดายไม่ได้พบกัน สงสัยไปคนละวัน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท