Pass I
“ส่อยแน่…………..คุณหมอส่อยแน่” เสียงร้องดั่งสายฟ้าฟาดพร้อมกับเสียงเบลกดังเอี๊ยด!!!!!! ของล้อรถมอเตอร์ไซด์ที่ขึ้นมาจอดเทียบท่าหน้าห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ชายสองคนที่สวมเพียงกางเกงขาสั้นอันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำราดเป็นทางยาวจากรถมอเตอร์ไซด์ไปจนถึงเตียงผู้ป่วยวิกฤตด้วยความเร่งรีบ ในมือของชายทั้งสองคนนั้นมีร่างของเด็กหญิงคนหญิงอายุน่าจะประมาณ 5-10 ขวบ เด็กหญิงที่สวมเสื้อผ้าอันเปียกชุ่มเฉกเช่นเดียวกับชายทั้งสองคนนั้น ผมที่เปียกลู่แนบไปกับลำตัว หน้าตาซีดเซียว ริมฝีปากเป็นสีคล้ำ ปลายมือปลายเท้าเริ่มเขียว แขนขาอ่อนแรง สภาพที่เห็นทำให้หัวอกคนเป็นแม่อย่างฉันกลัว…………..กลัวจนไม่กล้าคาดเดาอนาคต
“ยังมีชีพจร , ตัดเสื้อผ้าเด็ก ,Keep warm , On IV, EKG monitor ฯลฯ” เสียงสั่งการณ์ด้วยความเฉียบขาดตามแบบฉบับของหัวหน้าอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ปลุกฉันให้หลุดออกจากภวังค์ของความคิดมาสู่โลกของความจริง ฉันรีบติด EKG monitor เสียงที่ดังอย่างต่อเนื่อง ปี๊บ!!!!!! ปี๊บ!!!!!! ช่วยเรียกทีมเสริมได้เป็นอย่างดี ไม่ถึง 2 นาทีเจ้าหน้าที่จากห้องคลอดก็รีบออกมาช่วยเด็กหญิงคนนั้นอีกแรง
“เตรียม Tube No.5, Suction ก่อนพี่ น้ำเยอะมากมองไม่เห็นทาง” สิ้นเสียงของคุณหมอการดูดน้ำเพื่อเคลียร์ระบบทางเดินหายใจก็ดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง 10 นาทีผ่านไป เปลี่ยนขนาด Tube 6 ครั้ง การใส่ Tube ก็ยังไม่สำเร็จ ยิ่งเพิ่มความเครียดให้กับญาติและเจ้าหน้าที่
“Oxygen Sat เท่าไหร่พี่? มี Pulse ไหม?”
“ 92-95% Pulse full ดีค่ะ” ฉันรีบตอบคุณหมอทันที
“ ตามหมอมีนด่วน!!!!!! ” ด้วยความที่แผนกผู้ป่วยนอกกับห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉินไม่ห่างกันมากนัก ใช้เวลาไม่ถึง 2 นาทีคุณหมอก็มาถึง พร้อมกับทีมที่ดำเนินการเพื่อช่วยเหลือเด็กหญิงตัวน้อยนี้อีกครั้ง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านไปในแต่ละนาที ฉันเห็นสายตาของชายคนหนึ่งบางครั้งก็กุมขมับ บางครั้งก็ทำท่าทางกระฟัดกระเหวี่ยง เดินวนไปวนมา เมื่อหมอคนที่สองก็ยังไม่สามารถใส่ท่อช่วยหายใจให้แก่เด็กหญิงคนนั้นได้ ชายคนดังกล่าวก็เริ่มนั่งเอามือกุมหน้า น้ำใสๆก็เริ่มไหลริน พร้อมกับพูดประโยคเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา
" ตื่นติละลูกหล่า!!!!!! ตื่น!!!!!!!! ตื่นมาเว้ากับพ่อ"
" แก้วขอใส่อีกครั้งนะค่ะ" คุณหมอคนเดิมยังไม่ยอมแพ้ ขอสู้ไปพร้อมกับเด็กหญิงคนนั้นบอกคุณหมอคนที่ 2 เพื่อขอใส่ Tube อีกรอบ ในขณะที่ทุกคนในทีมกำลังลุ้นแทบหยุดหายใจทันทีที่คุณหมอแก้วบอกว่า
" Tube OK , ประสานการส่งต่อได้ แก้วขอไปเอง!!!!!! " เสียงถอนหายใจพร้อมกับรอยยิ้มเริ่มมีขึ้นบนใบหน้าของทีมงาน แต่ที่ฉันแปลกใจก็คือคุณหมอ ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม? โรงพยาบาล 30 เตียงอย่างโนนคูณ หมอ........คือของหายาก ทุกแผนกต่างต้องการหมอ และการ Refer เรามีพยาบาลเตรียมพร้อมอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้หมอกลับเอ่ยปากบอกว่าจะไป Refer เอง
" หมอแก้ว!!!! ไปเองเลยเหรอ? " ฉันอดถามไม่ได้ เนื่องจากกลัวว่าตัวเองจะหูฝาดไปกับสิ่งที่ได้ยิน
" ใช่พี่.........แก้วจะไป แก้วเชื่อว่าเด็กคนนี้ต้องรอด!!!!! "
Pass II
" ปี่ป่อ!!!!!!!!! ปี่ป่อ!!!!!!!! ปี่ป่อ!!!!!!!" เสียงไซเรนของรถ Refer ที่ดังอย่างต่อเนื่อง เป็นดั่งเสียงเตือนให้รถตลอดเส้นทางรีบชิดซ้าย เพื่อความรวดเร็วในการนำส่งผู้ป่วย ในขณะที่ฉันสลับสับเปลี่ยนกับพี่พยาบาลอีกคนเพื่อช่วยกันบีบออกซิเจนให้กับเด็กหญิงที่นอนนิ่งในชุดของโรงพยาบาล แขน ขาเริ่มนิ่ง ริมฝีปากและใบหน้ายังซีด มีเพียงชีพจรที่ยังคงเต้นอย่างสม่ำเสมอและรูม่านตาที่ยังตอบสนองต่อแสงที่สะท้อนให้ฉันกับพี่โอ้ และคุณหมอแก้วรู้สึกว่าเราต้องสู้……..
“ หมอแก้ว......น้ำออกจาก Tube เยอะมากเลย สาย Suction ที่เราเตรียมมาดูดน้ำเหลือแค่ 2 อัน พี่คิดว่าคงไม่ถึงโรงพยาบาลสรรพสิทธิ์แน่ๆ ”
พี่โอ้พยาบาล Refer ที่คู่กับฉันรีบรายงานคุณหมอแก้ว
“ ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวเราแวะสำโรงก็ได้ ” หลังจากที่ตอบพี่โอ้เสร็จคุณหมอแก้วก็หันไปบอกว่าพนักงานคนขับให้แวะโรงพยาบาลสำโรงทันที ในขณะที่มือก็กำลังกดโทรศัพท์ไปด้วย
“ พี่ก้อง.......นี่หมอแก้วนะ
อีก 10 นาทีจะแวะที่โรงพยาบาลสำโรง ช่วยเตรียมสาย Suction No 8 กับ 10 อย่างละ
5 อัน เอาไว้ให้หน่อยนะ”
เวลาไม่ถึง 10 นาทีรถ Refer จอดเทียบหน้าห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลสำโรง
ฉันยังนั่งบีบออกซิเจนให้กับเด็กหญิงที่นอนนิ่งในรถ ส่วนพี่โอ้ก็เตรียมสาย Suction เพื่อดูดเสมหะต่อ เนื่องจากมีน้ำออกมาจากท่อเรื่อยๆ การเดินลงไปเอาสาย Suction จึงกลายเป็นหน้าที่ของแพทย์โดยที่ไม่ต้องมีใครพูด ทันทีที่เปิดประตูรถ Refer
สาย Suction จำนวน 10
อันถูกยื่นมาในบัดดล
ราวกับรอคอยให้ใครสักคนมาเปิดประตูนานแล้ว
หมอแก้วมองหน้าผู้ที่ยื่นสาย Suction ให้ แล้วหยิบสาย
Suction มา พร้อมกับกล่าวขอบคุณ ประตูรถ Refer ปิดลงในขณะที่ล้อรถเริ่มเคลื่อนไปอีกครั้ง ระยะเวลาไม่ถึง 2 นาทีที่พวกเราแวะโรงพยาบาลสำโรง แต่สามารถช่วยเคลียร์ระบบทางเดินหายใจให้สะดวกขึ้นได้ ช่วงเวลานั้นฉันไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นมันมีค่าแค่ไหนสำหรับคนใครอีกคนที่รอเราอยู่ด้วยความหวาดหวั่น เพราะฉันรู้แค่ว่ามันมีปัญหา เราแก้ปัญหา
เพราะนั้นคือหน้าที่ของพยาบาล Refer อย่างฉัน
PASS III
ขณะที่รถกำลังเคลื่อนไปเรื่อยๆฉันกับพี่โอ้ก็ยังคงสลับสับเปลี่ยนกันบีบออกซิเจนบ้าง Suction เพื่อเคลียร์ระบบทางเดินหายใจบ้าง จะมีเสียงของหมอแก้วคอยถามเป็นระยะว่า “ เป็นไงบ้างพี่ ” ประโยดเดียวแต่ได้สองความหมาย
ความห่วงใยระหว่างเพื่อนร่วมงานที่ทุ่มเททุกอย่างมาด้วยกันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอผู้ป่วย กับความห่วงใยของแพทย์ที่มีต่ออาการของผู้ป่วย
“เอี๊ยด!!!!!!!” เสียงเบรคของรถ Refer ที่ดังสนั่น
พร้อมๆกับเท้าของฉันที่จิกลงพื้นอย่างแรง
เพื่อพยุงตัวเองไม่ได้ล้มไปข้างหน้า
เนื่องจากมือยังคงทำหน้าที่บีบออกซิเจนช่วยผู้ป่วยอยู่ พี่ณรินทร์
พนักงานคนขับรถรีบตะโกนมาบอกว่า
“ ขอโทษครับคุณหมอ
พอดีมีรถมอเตอร์ไซด์วิ่งตัดหน้าพี่เลยต้องเบรคกระทันหัน” สิ้นสียงพี่ณรินทร์หมอแก้วก็พยักหน้าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ สวัสดีค่ะ
นี่หมอแก้วตา
จากโรงพยาบาลโนนคูณ จังหวัดศรีสะเกษ กำลังจะนำส่งผู้ป่วยหนักไปที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อีก
5 กิโลเมตรจะถึงอำเภอเมืองแล้วรบกวนช่วยเคลียร์ทางให้ด้วยนะค่ะ” สิ้นเสียงหมอแก้วฉันกับพี่โอ้หันมามองตากันก่อนจะเลยไปมองหมอแก้วที่หันมายิ้มให้เราทั้งคู่ ไม่มีคำถาม
ไม่มีคำตอบ มีเพียงความสงสัยที่ถูกเก็บงำเอาไว้ภายใต้หน้ากากที่แต่ละคนสวมอยู่เท่านั้น และเราต่างก็ทำหน้าที่ต่อไป เสียงรถที่ดังปี๋ป่อ..........ปี๋ป่ออย่างต่อเนื่องมาตลอดเส้นทาง อยู่ๆก็เสียงอีกเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา
“ วิ้ว........วิ้ว......” ฉันหันซ้าย หันขวาเพื่อหาที่มาของเสียง แล้วฉันก็เจอชายสองคนที่สวมหมวกกันน๊อกสีขาวแถบแดง เสื้อผ้าแขนยาวสีกากี ถุงมือสีขาว
รองเท้าคอมแบ๊ค ขับรถมอเตอร์ไซด์ คนหนึ่งอยู่ท้ายรถอีกคนอยู่ด้านหน้ารถ Refer วินาทีแรกที่ฉันเห็นสองคนนั้น ฉันแอบคิดในใจว่าวันนี้จะมีใครมาหรือเปล่าน้า..............ทำไมมีรถนำขบวนขนาดนี้ ผ่านไปสักพักรถมอเตอร์ไซด์ทั้งสองคันก็ยังขับสลับสับเปลี่ยนหน้าหลัง ซ้าย-ขวาข้างๆรถ Refer อยู่
“ หมอแก้ว!!!! อย่าบอกนะว่าเนี่ยเป็นรถนำรถ Refer ของเรา ” หมอแก้วยิ้มแล้วพยักหน้า
“ ทำได้ไงคะ ”
“
ก็แค่โทรไปที่ 1193 ” ฉันเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่อยู่ จนต้องเอ่ยถามออกไป เพราะตลอดเส้นทางการนำส่งผู้ป่วย 7
กิโลเมตร
ถนนถูกเคลียร์ให้โล่งขนาดพอที่รถ Refer จะสามารถขับด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ด้วยรถตำรวจทั้งสองคัน ช่างแตกต่างกับเมื่อก่อนที่ฉันมาส่งผู้ป่วยที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ยิ่งนัก ต่อให้เสียงไซเรนของรถ Refer
ดังเท่าไหร่เราก็ไม่สามารถขับรถได้สะดวกเช่นนี้ บางคันที่พอได้ยินเสียงไซเรนหลบได้ก็หลบ
แต่หลายคันก็ไม่ได้หลบให้ซึ่งอาจจะมีจากหลายสาเหตุ บางครั้งรถ
Refer ยังเกิดอุบัติเหตุขณะนำส่งผู้ป่วยเลยด้วยซ้ำไป
จนเราต้องทิ้งพยาบาลหนึ่งคนเอาไว้เพื่อประสานงานกับคู่กรณี
ส่วนพยาบาลอีกคนกับพนักงานขับรถต้องรีบนำส่งผู้ป่วยไปให้ถึงโรงพยาบาลปลายทาง ครั้งนี้แม้รถ Refer
ไม่ได้เปิดเสียงไซเรน
มีเพียงไฟฉุกเฉินเท่านั้นที่ยังคงหมุนอย่างต่อเนื่องบนหลังคารถ
แต่เสียงไซเรนของรถมอเตอร์ไซด์ทั้งสองคันกลับสามารถอำนวยความสะดวกให้แก่รถโรงพยาบาลได้มากมายขนาดนี้
ทันทีที่รถ Refer จอดหน้าแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉินโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์หญิงคนหนึ่งจูงเด็กชายอายุประมาณ 5 – 10
ปีมาที่รถด้วยความเร่งรีบ
“ อี่หล่า.......ตื่นติละ......ตื่น.......แม่มาแล้ว ตื่นมาเว้ากับแม่ บักฮำมาเว้ากับเอื้อยติลูก” ขณะที่หญิงคนดังกล่าวกำลังร้องบอกเด็กหญิงที่นอนแน่นนิ่งบนเตียงนอนรถ
Refer เธอก็หันไปบอกเด็กชายที่เธอจูงมาด้วยน้ำตานองหน้า
“ ทำใจดีๆไว้เด้อคุณแม่ หมอขอเวลาแน่จักหน่อย คุณแม่นั่งท่าอยู่ข้างนอกนี่แหละ หมอขอพาน้องเผิ่นไปหาหมอใหญ่ก่อนเดี๋ยวสิบ่อทันการณ์” ฉันบอกหญิงคนดังกล่าวด้วยความเห็นใจ
หัวอกคนเป็นแม่คงแทบสลายเมื่อเห็นลูกตัวเองที่เลี้ยงมากับมือนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงขนาดนี้
แต่ถ้าฉันไม่ยอมเคลื่อนรถเข้าไปข้างในห้องผู้ป่วยสักทีทุกอย่างคงจะแย่กว่านี้แน่
หมอแก้วเล่าเหตุการณ์และอาการของคนไข้ให้คุณหมอประจำแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉินโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ฟังด้วยตัวเอง
“ ปอดไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เก่งนะ
Pulse Full มาก กำมือตอบซะแน่นเลย ” คุณหมอโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์บอกด้วยท่าทางนิ่ง เรียบเฉย
แต่สำหรับฉันนั่นคือคำพูดที่ง่ายๆแต่แผงไปด้วยความหมายของความหวัง ฉันเดินออกมาหน้าห้องฉุกเฉิน
หญิงคนดังกล่าวยังคงยืนกุมมือลูกชายร้องไห้ไม่ยอมหยุด
“ คุณแม่
เซาไห่สา........เดี๋ยวลูกซายสิตกใจ
ถึงมือหมอใหญ่แล้วทำใจดีไว้เด้อ
หมอใหญ่เผิ่นว่าลูกสาวยังเก่งอยู่
ชีพจรเผิ่นเต้นแฮงดี
หมอว่าเผิ่นต้องรอด!!!!!!! หมอเอาใจส่อยเด้อ เดี๋ยวหมอกลับก่อนเด้อค่ะ
” ฉันปล่อยมือที่จับหญิงคนดังกล่าวก่อนก้าวขึ้นรถ Refer เพื่อกลับโรงพยาบาลโนนคูณ ด้วยใจที่หวังไว้ว่าทุกอย่างคงทัน
1
อาทิตย์ต่อมาฉันได้ทราบจากหมอแก้วว่าตอนนี้เด็กหญิงคนที่ฉันไปส่งโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ถอดท่อช่วยหายใจแล้ว แต่ต้องนอนฉีดยาต่อเนื่องจากปอดติดเชื้อ วันนี้ฉันถือว่าได้รับข่าวดีแล้ว
2
อาทิตย์ผ่านไปฉันเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาที่ห้องฉุกเฉินในเวรบ่ายพร้อมกับมารดา และยาอีกหนึ่งถุงใหญ่
ฉันรู้สึกคุ้นหน้าเด็กหญิงคนดังกล่าวมากจนอดถามไม่ได้ว่าใช่คนเดียวกับที่จมน้ำไหม?
มารดาของเด็กหญิงยิ้มแล้วบอกว่าใช่.................
ตลอดระยะเวลาที่ฉันมาทำงานที่โรงพยาบาลโนนคูณ 6
ปี โรงพยาบาลขนาดเล็ก 30
เตียง ห่างไกลความเจริญ ความกันดารอยู่ในระดับ 1
ของจังหวัดศรีสะเกษ
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เรียนรู้และได้เห็นว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ฉันไม่รู้ วันนี้กบตัวนี้ถูกเปิดออกจากกะลาแล้ว อยากขอบคุณประสบการณ์การทำงานที่สอนให้เรารู้ว่าทุกคนคือ “ Hero
”
ขอบคุณพี่โอ้.............ที่ร่วมกันทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ
ขอบคุณหมอแก้ว.................ที่เป็นมากกว่าหมอ
ขอบคุณโรงพยาบาลสำโรง...................ที่คอยช่วยเหลือโนนคูณเสมอมา
ขอบคุณตำรวจไทย...............ที่ทำให้เห็นว่าเราทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี
ขอขอบคุณ เด็กหญิงปาริชาติ คำเพราะ ที่ทำให้ฉันรู้สึกภาคภูมิใจกับวิชาชีพและงานที่ทำ
ไม่มีความเห็น