การงานแห่ง “ชีวิต...”


พระพุทธเจ้าท่านสอนเรา... การงานที่เราทำต้องปราศจากโทษ ไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนคนอื่น ไม่หลอกลวง ไม่เอาความสุขสะดวกสบายบนความทุกข์ของคนอื่น


ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ต้องทำงานเพราะมันเป็นภาระ เรามีร่างกายมีพ่อแม่มีวงศ์ตระกูลที่จะต้องรับผิดชอบ 


พระพุทธเจ้าท่านสอนเราทุก ๆ คนให้มีความสุขกับการทำการทำงาน ถึงงานนั้นจะยากจะลำบากเราก็ต้องมีความสุขกับการทำงาน 

เราพยายามปรับตัวเราเข้าหาการหางาน... 

คำว่าปล่อยวางนี้ พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เราปล่อยวางความขี้เกียจขี้คร้าน ถ้าเราพัฒนาจิตใจของเราให้มีความสุขกับการทำการทำงานก็ขึ้นชื่อว่าเราทุก ๆ คนกำลังประพฤติปฏิบัติธรรม  ถ้าเราไม่ทำใจให้สบาย ทำใจให้มีความสุขอย่างนี้ ทำไปเหมือนเราถูกบังคับ ทำไปแบบจำใจ 

วันไหนไปทำงานเราก็ทำใจสบาย จิตใจของเราก็ได้พัฒนาไปเรื่อย ๆ ให้มันฉลาดในการทำงาน ให้ชำนิชำนาญในการทำงาน


พระพุทธเจ้าท่านสอนเรา... การงานที่เราทำต้องปราศจากโทษ ไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนคนอื่น ไม่หลอกลวง ไม่เอาความสุขสะดวกสบายบนความทุกข์ของคนอื่น

เราอยู่ในที่ทำงาน มีทั้งคนดีคนไม่ดี คนใจดี ใจไม่ดี มันก็มีเยอะ มีมาก 

มันจะเป็นอย่างไรก็ช่างหัวมัน... เพราะในโลกนี้ในสังคมนี้มันก็เป็นอย่างนี้แหละ 

พระพุทธเจ้าท่านสอนเราให้มาแก้ที่ใจของเรา แก้ที่การกระทำของเรา แก้ที่คำพูดของเรา พยายามอย่าไปแก้ที่คนอื่น 

พระพุทธเจ้าท่านให้เราเจริญเมตตาเยอะ ๆ อย่าไปมีทิฐิมานะ อย่าไปมีตัวมีตน ให้เราทุก ๆ คนฝึกสงสารคนอื่นเขา ฝึกเป็นผู้ให้คนอื่นเอาใจคนอื่น พยายามเอาชนะจิตใจของตนเอง มันจึงจะได้ลดมานะละทิฐิดี มันได้เป็นผู้ให้ดี 


คนไหนเขาไม่รักไม่ชอบเขาเกลียดเรา เขาอิจฉาเรา เราต้องยิ่งเป็นผู้ให้เขา เราต้องทำดีกับเขา เขาไม่รักไม่เมตตาเราไม่เป็นไร แต่เราต้องรักต้องเมตตาเขา เราอยู่ในโลกในสังคมมันก็เป็นอย่างนี้แหละ อย่าเป็นแต่คนเอาแต่ใจตัวเอง เอาแต่ความคิดตนเอง 

พยายามไม่ทะเลาะกับใคร ไม่อิจฉาใคร ไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก 

คนเราส่วนใหญ่จะอิจฉากัน เห็นคนอื่นได้ดี ได้รับการเอาอกเอาใจ ได้รับความเคารพนับถือก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้

พระพุทธเจ้าท่านสอนเราต้องเป็นคนจิตใจกว้าง ต้องไม่อิจฉาคนอื่น ต้องอนุโมทนากับคนอื่น ถ้ามันอิจฉากันมาก ๆ ก็ต้องมีแบ่งพรรคแบ่งพวกเป็นเหตุให้แตกแยกแตกความสามัคคี 

การแตกแยกการแตกสามัคคีมันไม่ดี มันเป็นบาป ต้องอดต้องทนเพื่อความสามัคคีในครอบครัว ในที่ทำงาน ถ้ามันจะเกิดทะเลาะกัน พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้ตัดสินเอาผิดเอาถูกนะ ต้องเอาความเมตตา เอาความสามัคคี...

การทำงานให้เอาผู้นำ เอาหัวหน้าเป็นหลัก หัวหน้าว่าอย่างไรให้เอาอย่างนั้นแหละ ความคิดก็ให้ไปในแนวทางเดียวกัน อย่าไปคิดคนละทิศคนละทาง จับเอาส่วนดี ๆ 


อยู่ด้วยกันหลายคนต้องเปิดโอกาสให้คนอื่นได้คิดบ้าง เมื่อเขาคิดดีมีประโยชน์ก็ยอมรับ 

เราเป็นหัวหน้า... พระพุทธเจ้าท่านให้เราเอาตามคนส่วนใหญ่ที่เขามีความเห็นเหมือนกัน นอกจากความคิดนั้นเป็นความไม่ถูกต้องนำไปสู่ความเสียหาย... 

ทำไมพระพุทธเจ้าท่านจึงให้เราทำอย่างนั้น...? เพราะทุกคนจะได้มีความเห็นร่วมกัน 

พ่อแม่นี้ก็สำคัญ ผู้หลักผู้ใหญ่ก็สำคัญ ต้องตั้งมั่นในสิ่งที่ดีที่เกิดประโยชน์ ไม่ให้เอาแต่ใจตัวเอง เอาแต่อารมณ์ตัวเอง ทำให้ลูกน้องพ้องบริวารเดือดร้อน ทำให้ลูก ๆ ในครอบครัวเดือดร้อน ท่านจึงให้เราทุก ๆ คนพยายามแก้ที่ตัวเอง 


เวลาทำการทำงาน... พระพุทธเจ้าท่านให้เราตั้งใจทุก ๆ คน 

เวลาทำงานไม่ใช่เวลาคุยกัน เวลาทำงานไม่ใช่เวลาไปทำอย่างอื่น ถ้าเราไม่ตั้งใจ สมาธิในการทำงานของเรามันก็น้อยลง ไม่ว่าเราทำอะไรเราต้องมีสมาธิ 

นักเรียนส่วนใหญ่เวลาครูสอนชอบคุยกัน คนทำงานเวลาทำงานชอบคุยกัน ชอบเล่น เราเป็นคนใหญ่คนโต ให้ตั้งใจ ถ้ายังให้คนอื่นตำหนิติเตียนได้มันบาป มันไม่ดี...

เรามาเข้าวัดแต่ละครั้งต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี 

เรามาอยู่วัดให้เน้นความสงบ สมาทานไม่คุยกับใคร ไม่มองหน้าใคร ฝึกปล่อยฝึกวาง ฝึกละสิ่งที่ชอบสิ่งที่หลง ละสิ่งที่เราเกลียดชัง ละสิ่งที่เราพอใจไม่พอใจ พยายามทำจิตใจให้สงบ พยายามใช้เวลาให้มีคุณค่า


พระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้นำมาบรรยาย

ค่ำวันพุธที่ ๒๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๖


หมายเลขบันทึก: 517632เขียนเมื่อ 28 มกราคม 2013 06:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 มกราคม 2013 06:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท