.
.
อินเดียผลิตทองได้น้อยกว่า 1% ของยอดผลิตรวมทั่วโลก ทว่า... เป็นผู้ซื้อทองอันดับ 1 โดยซื้อไปเกือบ 1/3 ของยอดผลิตทองทั่วโลก
.
.
.
กล่าวกันว่า "เงินทองเป็นของขอยืม" และมีการใช้ซ้ำ (reuse, recycle) มากกว่าของอย่างอื่น เช่น ทองบางส่วนอาจถูกขโมยจากมัมมี่อียิปต์ ขายต่อไปหลายทอด ก่อนจะใช้เลี่ยมฟัน สัปเหร่อหรือญาติถอนฟันทองไปใช้ และหมุนเวียนไปอีกหลายต่อหลายรอบ
.
.
ภาพที่ 2: สถิติปี 2009-2010/2552-2553 แสดงประเทศที่นำเข้าทองมากที่สุด เริ่มจากอินเดีย จีนใหญ่ (Greater China = จีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน), สหรัฐฯ ตุรกี ซาอุฯ รัสเซีย, UAE (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์), อียิปต์ อินโดฯ อังกฤษ (UK)
.
ไทยไม่ติดอันดับ 1-10 และนำเข้าน้อยกว่าเวียดนาม
.
.
ภาพที่ 3: แผนที่มหาอำนาจด้านการผลิตทอง เรียงจากเขียว-เหลือง-แดงคล้ายๆ ไฟจราจร, อาฟริกาใต้ผลิตทองได้มากตั้งแต่ปี 1880s = 1880-1889/2423-2432 และส่งออกมากเป็นอันดับ 1 ตั้งแต่ 1905/2448
.
ปี 2007/2550 จีนเพิ่มการผลิตจนแซงอาฟริกาใต้ได้เป็นครั้งแรก
.
.
ภาพที่ 4: ทองมีสีค่อนไปทางเหลืองมากถ้ามีสัดส่วนทองมาก, สีขาวมากถ้ามีสัดส่วนเงินมาก, สีแดงมากถ้ามีสัดส่วนทองแดงมาก
ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านประมาณการณ์ว่า ทองทั่วโลกกระจุกตัวอยู่ในประเทศนี้ถึง 10%
.
คนอินเดียมีชื่อเสียงในเรื่องขยันหาเงิน และเก็บเงินออม 30% มากกว่าคนอเมริกันที่ออมเฉลี่ย 5%
.
ประเทศที่มีประชากร 1,200 ล้านคนรวยขึ้นทีละน้อย ทุกวันนี้จำนวนคนรวย+คนชั้นกลางในอินเดีย รวมกันมากกว่าคนจนแล้ว ทำให้อินเดียมีคนรวย+คนชั้นกลางมากกว่า 600 ล้านคน
.
การนำเข้าทองมากๆ มีส่วนทำให้ขาดดุลการค้ามากขึ้นจนถึง 5.4% ของผลผลิตรวมประเทศ (GDP)
.
.
ธนาคารกลางอินเดีย (Reserve Bank of India / RBI) รายงานว่า การนำเข้าทองเป็น 1 ในภัยคุกคามทางเศรษฐกิจ
.
ในทางตรงกันข้าม, สถาบันการเงินอินเดียก็อาจใช้โอกาสนี้ทำผลิตภัณฑ์ทางการเงินออกมา เช่น แผนการออมทอง ประกันเพื่อการเกษียณที่จ่ายเป็นทอง บัญชีเงินฝากที่มีทองหนุนหลัง ฯลฯ
.
ปี 2011/2554 อินเดียนำเข้าทองมากที่สุด คือ 967 ตัน = 967,000 กิโลกรัม
.
คนอเมริกันคลั่งบ้าน ชอบบ้านหลังใหญ่
.
.
ส่วนคนอินเดียคลั่งทอง และไม่รู้สึกว่า ต้องจ่ายเงินซื้อทอง
.
สมองของคนอินเดียคงจะคิดว่า นี่ไม่ใช่รายจ่าย แต่นี่เครื่องประดับที่คอหรือข้อมือ แถมยังเป็นบัญชีออมทรัพย์ไปในตัว
.
อินเดียมีคำว่า "ทอง" ในภาษาทางการทั้ง 22 ภาษา แถมยังเชื่อว่า ถ้าไม่มีทอง, ลูกสาวก็ไม่มีทางได้แต่งงาน
.
อินเดียมีงานแต่งงานที่มักจะจัดกันหลายวันหลายคืน เฉลี่ย 10 ล้านงาน/ปี (ถ้ามาจัดในไทยบ้างจะเยี่ยมไปเลย)
.
.
คุณแม่ชาวอินเดียจะเริ่มสะสมทองตั้งแต่ลูกสาวคลอด รับทองตกทอดตามสายเลือด จะขายก็เมื่อจำเป็นจริงๆ
.
ที่นั่นผู้หญิงเป็นฝ่ายจ่ายค่าสินสอด และมีความเชื่อตามหลักฮินดู (ไทยนิยมเรียก "ศาสนาพราหมณ์") ว่า ถ้าไม่ได้ลูกชาย, ตายไปจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์
.
นักวิเคราะห์ทองกล่าวว่า ประวัติศาสตร์หลายพันปีสอนคนอินเดียว่า
.
(1). ทองเป็นประกันภัย เช่น น้ำท่วม ฝนแล้ง ไฟไหม้บ้าน ฯลฯ
.
(2). อย่าไว้ใจธนาคาร
.
(3). อย่าไว้ใจเงินของรัฐบาล
.
.
อ.รัตนัมกล่าวว่า แม้แต่เทพเจ้าและกษัตริย์ในมหากาพย์รามายณะ และมหาภารตะก็ยังกล่าวสรรเสริญทอง
.
มีการใช้เหรียญเงินในราชวงศ์เมารยะ ('โมรุย' แบบสันสกฤต-'โมริยะ' แบบบาลี = นกยูง; พ.ศ. 221 และทองในราชวงศ์คุปตะ (พ.ศ. 823)
.
ทำให้คนอินเดียเชื่อว่า ทองเป็นสินทรัพย์ที่ประชาชนใช้หลบซ่อนจากการปล้น-รีดภาษีจากกษัตริย์-อำมาตย์-ทหาร-โจรได้ดีกว่าของมีค่าอื่นๆ (เช่น ฝังดินเก็บซ่อนได้ง่าย ฯลฯ) [ วิกิพีเดีย ]
.
อินเดียออกกฎหมายห้ามสะสมทองแท่งหลังมีสงครามชายแดนกับจีนในปี 1962/2505 ทำให้ผู้คนต้องสะสมเป็นทองรูปพรรณ เช่น สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ฯลฯ
.
.
ค่าเงินอินเดียตกลงไปเรื่อยๆ ในช่วงปี 1970s = 1970-1979/2513-2522 ทำให้คนอินเดียหันไปสะสมสินทรัพย์ในรูปบ้าน-ที่ดิน-ทองมากขึ้น และทองก็ดูจะเหนือกว่า ตรงที่ใช้หลบภาษีได้ดีกว่า
.
อ.รัตนัมกล่าวว่า รัฐบาลอินเดียประกันเงินฝากไว้ที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ = 60,744 บาท ทำให้การฝากธนาคารเสี่ยงมากขึ้น
.
อ.ชิดัมบารัม ปาลาเนียปปัน รมต.คลังกล่าวว่า ทองอย่างเดียวทำให้อินเดียขาดดุลการค้า 64,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ/ปี = 1,943,808 ล้านบาท/ปี
.
รัฐบาลอินเดียมีทอง 360 ตัน, คนอินเดียมีทอง 15,000 ตัน, ต่างกัน 41.6 = เกือบ 42 เท่า
.
.
การที่คนอินเดียเก็บทองไว้กับตัวมาก ทำให้มีเงินออมในระบบน้อย ดอกเบี้ยสูง ต้นทุนของการลงทุน (กู้ไปลงทุน) สูง, และมีการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์น้อย ทำให้วิสาหกิจต่างๆ หาเงินลงทุนได้ยาก
.
อินเดียมีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลก มีคนเก่งมาก ทั้งวิศวกร-นักวิทยาศาสตร์-นักคอมพิวเตอร์-ครูบาอาจารย์-พนักธุรกิจชั้นนำ-หมอ แต่มีขนาดเศรษฐกิจอันดับ 10 ของโลก
.
ถ้ารัฐบาลอินเดียสนับสนุนให้คนอินเดียกระจายการลงทุนให้กว้างขึ้น ลงทุนทองน้อยลง ลงทุนในระบบผ่านเงินฝาก-สหกรณ์-พันธบัตร-กองทุนรวม-ตราสารหนี้-ตลาดหลักทรัพย์ให้มากขึ้นแล้ว... เศรษฐกิจอินเดียคงจะบินไปไกลกว่านี้แยะเลย
.
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
.
> [ Twitter ]
- ขอขอบพระคุณ >
- นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร ลำปาง. 9 มกราคม 56. ยินดีให้ท่านนำบทความไปใช้ได้ โดยอ้างที่มา และไม่จำเป็นต้องขออนุญาต... ขอบคุณครับ > CC: BY-NC-ND.
- ข้อมูล ทั้งหมดเป็นไปเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค; ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูง จำเป็นต้องปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้