อินเดีย__อย่างไรก็ต้องทอง



.
BusinessInsider ตีพิมพ์บทความของอาจารย์โด เฟรนช์ (Doug French) เรื่อง 'Even the poorest people in India buy gold'
= "แม้แต่คนจนที่สุดในอินเดียก็ซื้อทอง", ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ
.
อินเดียผลิตทองได้น้อยกว่า 1% ของยอดผลิตรวมทั่วโลก ทว่า... เป็นผู้ซื้อทองอันดับ 1 โดยซื้อไปเกือบ 1/3 ของยอดผลิตทองทั่วโลก
.
.
ภาพที่ 1: สร้อยคอทองในพิพิธภัณฑ์เปรู > [ wikipedia ]
.
กล่าวกันว่า "เงินทองเป็นของขอยืม" และมีการใช้ซ้ำ (reuse, recycle) มากกว่าของอย่างอื่น เช่น ทองบางส่วนอาจถูกขโมยจากมัมมี่อียิปต์ ขายต่อไปหลายทอด ก่อนจะใช้เลี่ยมฟัน สัปเหร่อหรือญาติถอนฟันทองไปใช้ และหมุนเวียนไปอีกหลายต่อหลายรอบ
.

.
ภาพที่ 2: สถิติปี 2009-2010/2552-2553 แสดงประเทศที่นำเข้าทองมากที่สุด เริ่มจากอินเดีย จีนใหญ่ (Greater China = จีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน), สหรัฐฯ ตุรกี ซาอุฯ รัสเซีย, UAE (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์), อียิปต์ อินโดฯ อังกฤษ (UK)
.
ไทยไม่ติดอันดับ 1-10 และนำเข้าน้อยกว่าเวียดนาม
.

.
ภาพที่ 3: แผนที่มหาอำนาจด้านการผลิตทอง เรียงจากเขียว-เหลือง-แดงคล้ายๆ ไฟจราจร, อาฟริกาใต้ผลิตทองได้มากตั้งแต่ปี 1880s = 1880-1889/2423-2432 และส่งออกมากเป็นอันดับ 1 ตั้งแต่ 1905/2448
.
ปี 2007/2550 จีนเพิ่มการผลิตจนแซงอาฟริกาใต้ได้เป็นครั้งแรก
.

.
ภาพที่ 4: ทองมีสีค่อนไปทางเหลืองมากถ้ามีสัดส่วนทองมาก, สีขาวมากถ้ามีสัดส่วนเงินมาก, สีแดงมากถ้ามีสัดส่วนทองแดงมาก

ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านประมาณการณ์ว่า ทองทั่วโลกกระจุกตัวอยู่ในประเทศนี้ถึง 10%
.
คนอินเดียมีชื่อเสียงในเรื่องขยันหาเงิน และเก็บเงินออม 30% มากกว่าคนอเมริกันที่ออมเฉลี่ย 5%
.
ประเทศที่มีประชากร 1,200 ล้านคนรวยขึ้นทีละน้อย ทุกวันนี้จำนวนคนรวย+คนชั้นกลางในอินเดีย รวมกันมากกว่าคนจนแล้ว ทำให้อินเดียมีคนรวย+คนชั้นกลางมากกว่า 600 ล้านคน
.
การนำเข้าทองมากๆ มีส่วนทำให้ขาดดุลการค้ามากขึ้นจนถึง 5.4% ของผลผลิตรวมประเทศ (GDP)
.

.
ธนาคารกลางอินเดีย (Reserve Bank of India / RBI) รายงานว่า การนำเข้าทองเป็น 1 ในภัยคุกคามทางเศรษฐกิจ
.
ในทางตรงกันข้าม, สถาบันการเงินอินเดียก็อาจใช้โอกาสนี้ทำผลิตภัณฑ์ทางการเงินออกมา เช่น แผนการออมทอง ประกันเพื่อการเกษียณที่จ่ายเป็นทอง บัญชีเงินฝากที่มีทองหนุนหลัง ฯลฯ
.
ปี 2011/2554 อินเดียนำเข้าทองมากที่สุด คือ 967 ตัน = 967,000 กิโลกรัม
.
คนอเมริกันคลั่งบ้าน ชอบบ้านหลังใหญ่
.

.
ส่วนคนอินเดียคลั่งทอง และไม่รู้สึกว่า ต้องจ่ายเงินซื้อทอง
.
สมองของคนอินเดียคงจะคิดว่า นี่ไม่ใช่รายจ่าย แต่นี่เครื่องประดับที่คอหรือข้อมือ แถมยังเป็นบัญชีออมทรัพย์ไปในตัว
.
อินเดียมีคำว่า "ทอง" ในภาษาทางการทั้ง 22 ภาษา แถมยังเชื่อว่า ถ้าไม่มีทอง, ลูกสาวก็ไม่มีทางได้แต่งงาน
.
อินเดียมีงานแต่งงานที่มักจะจัดกันหลายวันหลายคืน เฉลี่ย 10 ล้านงาน/ปี (ถ้ามาจัดในไทยบ้างจะเยี่ยมไปเลย)
.

.
คุณแม่ชาวอินเดียจะเริ่มสะสมทองตั้งแต่ลูกสาวคลอด รับทองตกทอดตามสายเลือด จะขายก็เมื่อจำเป็นจริงๆ
.
ที่นั่นผู้หญิงเป็นฝ่ายจ่ายค่าสินสอด และมีความเชื่อตามหลักฮินดู (ไทยนิยมเรียก "ศาสนาพราหมณ์") ว่า ถ้าไม่ได้ลูกชาย, ตายไปจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์
.
นักวิเคราะห์ทองกล่าวว่า ประวัติศาสตร์หลายพันปีสอนคนอินเดียว่า
.
(1). ทองเป็นประกันภัย เช่น น้ำท่วม ฝนแล้ง ไฟไหม้บ้าน ฯลฯ
.
(2). อย่าไว้ใจธนาคาร
.
(3). อย่าไว้ใจเงินของรัฐบาล
.

.
อ.รัตนัมกล่าวว่า แม้แต่เทพเจ้าและกษัตริย์ในมหากาพย์รามายณะ และมหาภารตะก็ยังกล่าวสรรเสริญทอง
.
มีการใช้เหรียญเงินในราชวงศ์เมารยะ ('โมรุย' แบบสันสกฤต-'โมริยะ' แบบบาลี = นกยูง; พ.ศ. 221 และทองในราชวงศ์คุปตะ (พ.ศ. 823)
.
ทำให้คนอินเดียเชื่อว่า ทองเป็นสินทรัพย์ที่ประชาชนใช้หลบซ่อนจากการปล้น-รีดภาษีจากกษัตริย์-อำมาตย์-ทหาร-โจรได้ดีกว่าของมีค่าอื่นๆ (เช่น ฝังดินเก็บซ่อนได้ง่าย ฯลฯ) [ วิกิพีเดีย ]
.
อินเดียออกกฎหมายห้ามสะสมทองแท่งหลังมีสงครามชายแดนกับจีนในปี 1962/2505 ทำให้ผู้คนต้องสะสมเป็นทองรูปพรรณ เช่น สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ฯลฯ
.

.
ค่าเงินอินเดียตกลงไปเรื่อยๆ ในช่วงปี 1970s = 1970-1979/2513-2522 ทำให้คนอินเดียหันไปสะสมสินทรัพย์ในรูปบ้าน-ที่ดิน-ทองมากขึ้น และทองก็ดูจะเหนือกว่า ตรงที่ใช้หลบภาษีได้ดีกว่า
.
อ.รัตนัมกล่าวว่า รัฐบาลอินเดียประกันเงินฝากไว้ที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ = 60,744 บาท ทำให้การฝากธนาคารเสี่ยงมากขึ้น
.
อ.ชิดัมบารัม ปาลาเนียปปัน รมต.คลังกล่าวว่า ทองอย่างเดียวทำให้อินเดียขาดดุลการค้า 64,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ/ปี = 1,943,808 ล้านบาท/ปี
.
รัฐบาลอินเดียมีทอง 360 ตัน, คนอินเดียมีทอง 15,000 ตัน, ต่างกัน 41.6 = เกือบ 42 เท่า
.

.
การที่คนอินเดียเก็บทองไว้กับตัวมาก ทำให้มีเงินออมในระบบน้อย ดอกเบี้ยสูง ต้นทุนของการลงทุน (กู้ไปลงทุน) สูง, และมีการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์น้อย ทำให้วิสาหกิจต่างๆ หาเงินลงทุนได้ยาก
.
อินเดียมีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลก มีคนเก่งมาก ทั้งวิศวกร-นักวิทยาศาสตร์-นักคอมพิวเตอร์-ครูบาอาจารย์-พนักธุรกิจชั้นนำ-หมอ แต่มีขนาดเศรษฐกิจอันดับ 10 ของโลก
.
ถ้ารัฐบาลอินเดียสนับสนุนให้คนอินเดียกระจายการลงทุนให้กว้างขึ้น ลงทุนทองน้อยลง ลงทุนในระบบผ่านเงินฝาก-สหกรณ์-พันธบัตร-กองทุนรวม-ตราสารหนี้-ตลาดหลักทรัพย์ให้มากขึ้นแล้ว... เศรษฐกิจอินเดียคงจะบินไปไกลกว่านี้แยะเลย
.
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
.

> [ Twitter ]

  • ขอขอบพระคุณ >
  • นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร ลำปาง. 9 มกราคม 56. ยินดีให้ท่านนำบทความไปใช้ได้ โดยอ้างที่มา และไม่จำเป็นต้องขออนุญาต... ขอบคุณครับ > CC: BY-NC-ND.
  • ข้อมูล ทั้งหมดเป็นไปเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค; ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูง จำเป็นต้องปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้
 
หมายเลขบันทึก: 515687เขียนเมื่อ 9 มกราคม 2013 20:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม 2013 20:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

Very Insightful article!

India is possibly the capital of gold and jewelry craftsmanship.  But the the Jews control the jewelry trade around the world.


BTW.  "Doug French" should read ดั๊ก ฝะเร๊นชึ (in high notes).

Doug is shortened from Douglas (ดั๊ก ล๊าสสึ).

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท