สมัยพุทธกาล หมอชีวกโกมารภัจจ์ได้ปรุงยาจากดอกบัวถวายแด่พระพุทธเจ้า เพื่อแก้อาการอ่อนเพลีย ดอกบัวถือว่าเป็นดอกไม้ประจำศาสนาพุทธ ตามพุทธประวัติพบว่า บัวมีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้า พระธรรมที่พระองค์ทรงบรรลุนั้นมีความละเอียดอ่อนยากต่อบุคคลจะรู้ เข้าใจและปฎิบัติได้ จึงทรงพิจารณาอย่างลึกซึ้ง แล้วทรงเห็นว่าในโลกนี้มีบุคคลหลายจำพวก บางพวกสอนได้ บางพวกสอนไม่ได้ เปรียบเสมือนบัวสี่เหล่า ได้แก่
1.ดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ เมื่อต้องแสงอาทิตย์จะเบ่งบานทันที คือผู้ที่มีสติปัญญาเฉลี่ยวฉลาด เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันรวดเร็ว
2.ดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำ เมื่อต้องแสงอาทิตย์จะบานในวันถัดไป คือผู้ที่มีสติปัญญาปานกลาง เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติม จะสามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันไม่ช้า
3.ดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ จะค่อยๆโผล่ขึ้นมาเบ่งบานได้วันหนึ่ง คือผู้ที่มีสติปัญญาน้อย เมื่อได้ฟังธรรมแล้ว พิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มอยู่เสมอ มีความขยันหมั่นเพียร ไม่ย่อท้อ มีสติปัญญาประกอบด้วยศรัทธา ในที่สุดก็สามารถรู้และเข้าใจได้ในวันหนึ่ง
4.ดอกบัวที่จมอยู่ในโคลนตม ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นพ้นน้ำ เพื่อเบ่งบาน คือผู้ที่ไร้สติปัญญา และยังเป็นมิจฉาทิฐิแม้ได้ฟังธรรมก็ไม่อาจเข้าใจความหมายหรือรู้ตามได้ ทั้งยังขาดศรัทธา ไร้ซึ่งความเพียร
แล้วท่านอยู่ในประเภทใด
ไม่มีความเห็น