พฤติกรรมการเมืองไทย


โปรดปรับความคิดให้ตรงกันก่อน 

บันทึกต่อไปนี้ เป็นการวิเคราะห์เชิงวิชาการ ไม่ใช่ความเห็นทางการเมือง

  หลายท่านคงเอือมระอากับ พฤติกรรมนักการเมืองไทย ที่นับวันจะแปลกเพี้ยนไปจาก " คติที่ดีงาม "ของชนชาติไทย เช่น 

  การรักษาคำพูด  ความภักดีต่อมิตร หรือ ผู้มีพระคุณ  ความรับผิดชอบต่อการกระทำของตน ความสุภาพต่อกันและกัน ฯลฯ

  แต่ เราได้พยายามค้นหารากเง่าที่มาของ พฤติกรรมอันน่ารังเกียจเหล่านั้น กันอย่างจริงหรือไม่ ? เพียงใด ?

   ผมจะพยายามดังต่อไปนี้ 

       ๑) การพูดเท็จต่อสาธารณชน :

                เริ่มตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เวลา๐๖๐๐น.  เมื่อคณะราษฎร จบคำประกาศของพวกเขาด้วยวรรคสุดท้ายว่า

   " ....แล้วความเป็น  'ศรีอาริยะ' ก็จะมาถึงประชาชนชาวไทยทุกคน "  นี่เป็นการอ้างความเชื่อทางศาสนาของคนหมู่มากในยุคนั้น

    ถึงเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดหลังปี พ.ศ. ๕๐๐๐ ( ๒๕๒๕ ปี นับแต่วันประกาศ !! )  ก็แหละเมื่อต้นธารชนชั้นนำยุคใหม่ของสยาม

    เริ่มด้วยการแถลงความเท็จสาธารณะ แล้ว สาวกและศานุศิษย์ ตลอดทุกยุคต่อมา ก็เจริญรอยตามกัน และพัฒนาเทคนิคให้แยบยล

    ยิ่งขึ้นตามวิวัฒนาการของวิทยาศาสตร์  " การประชาสัมพันธ์. และสื่อสารมวลชน " จน " การพูดอย่างนักการเมือง " กลายเป็น

    แบแอย่างที่ยกย่องและเยิรยอกันทั่วไปทุกวันนี้

        ๒) ความไร้อุดมการณ์ :

            นักปฏิวัติไทยรุ่นปู่ ทวด ที่ทำการ ๒๔๗๕ จัดได้ว่ามี่อุดมการณ์อันแน่วแน่ที่จะเปลี่ยนสยามประเทศตามความเชื่อที่พวกเขาได้รับ

 มา จากเหตุการณ์ในยุโรป หลังสงครามโลกครั้งที่๑ (พ.ศ. ๒๔๕๗-๒๔๖๑) ที่ลัทธิยอดนิยมได้แก่ " สังคมนิยมโดยเผด็จการของกรรมาชนนัก

   และ " เผด็จการทหาร "  ๒ลัทธินั้นซ่อนอยู่ในหมู่ผู้นำตัวจริงของ" คณะราษฎร์ "  เมื่อล้มผู้ถืออำนาจเดิมได้แล้ว คณะราษฎร์ก็แตกแยก

   แล้วเริ่มการต่อสู้แย่งชิงอำนาจการปกครองที่เพิ่งร่วมมือกันแย่งจากเจ้าของเดิมมาได้. อุดมการณ์ที่จะพัฒนาประเทศและประชาชนให้

 พ้นทุกข์ และความล้าหลัง ก็เลือนหายไป

            ลูกน้องของคณะ๒๔๗๕ ผู้ยึดอำนาจการปกครองได้เบ็ดเสร็จเมื่อ ๒๔๙๐ ได้รับอุดมการณ์ปลายหางจากรุ่นนาย แต่ได้เห็นและ

สัมผัส ผลของการมีอำนาจเบ็ดเสร็จที่ทำให้ตนและพวกพ้องได้เสวยสุขอย่างมหาศาล อุดมการณ์ของนักปฏิวัติรุ่นปู่ จึงเปลี่ยนเป็การช่วง

ชิงอำนาจเพื่อตนและพวกจะได้เสพสุขด้วยการทำรัฐประหาร

            นักปฏิวัติด้วยอุดมการณ์จึงกลายพันธุ์เป็นนักรัฐประหารที่ไร้อุดมการณ์

            นักแสวงอำนาจอีกกลุ่มหนึ่งที่เห็นโอกาสไต่เต้าสู่อำนาจจากความรังเกียจของประชาชนที่มีต่อ เผด็จการทหาร  ก็พัฒนาวิถี

และวิธีของตนในนาม. " ประชาธิปไตย "  นักรัฐประหารโดยวิธีมอมเมาด้วยยาสลบเหล่านี้คือคนรุ่นพ่อ ที่ใช้การเลือกตั้ง เป็นเครื่อง

มือยึดอำนาจรัฐประสบความสำเร็จตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๖. เป็นต้นมา  คนพวกนี้ไม่มีอุดมการณ์ใดๆมีแต่วิธีการทางรัฐสภาตาม

"วิถีทางประชาธิปไตย " เพื่อเสวยสุขบนความพินาศของรัฐไทย

                     (  ยังมีต่อครับ )












หมายเลขบันทึก: 513713เขียนเมื่อ 22 ธันวาคม 2012 06:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 ธันวาคม 2012 06:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

พระท่านว่า เพราะ "นักการเมือง" "เล่นการเมือง" จึงเป็นเช่นนี้ แล

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท