การที่จะให้ครูสร้างสัมพันธภาพที่ดีกรับนักเรียนนั้น จะเพียงแต่บอกให้รู้เฉย ๆ นั้นไม่พอ จะต้องมีการฝึกฝน เพราะความรู้เกี่ยวกับสัมพันธภาพของมนุษย์นั้นส่วนใหญ่ครูได้เรียนรู้มาจากทฤษฎีของฟรอยด์หรือสกินเนอร์ จากประสบการณ์ตรงในวิทยาลัยผมเคยตั้งมาตรฐานการเรียนต่าง ๆ ไว้สูงมาก จนทำให้นักเรียนเกิดความเครียดและไม่สบายใจ ส่งผลให้เด็กมีพฤติกรรมที่ไม่อยากเรียนไปด้วย
คนเราไม่ชอบให้ตัวเองถูกวัดและประเมินอยู่ตลอดเวลา การถูกวัดและประเมินอยู่ตลอดเวลาทำให้เกิดความเครียดและไม่สบายใจ นักเรียนก็เหมือนกันหากครูวัดและประเมินเขาอยู่ตลอดเวลาเขาก็เกิดความเครียดและไม่สบายใจเช่นกัน ครูที่ว่าและประเมินนักเรียนอยู่ตลอดเวลานั้น ก็ทำไปโดยเชื่อว่าจะเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนักเรียนให้เป็นที่ยอมรับ แต่หารู้ไม่ว่าความเป็นจริงแล้วมันตรงกันข้าม เพราะการดุด่า วิจารณ์ และประเมินโดยชี้จุดอ่อนจุดบกพร่องนั้น กลับทำให้เกิดความกดดันภายในแทนที่จะเปลี่ยนพฤติกรรม และจะทำให้นักเรียนรู้สึก “เกร็ง” ตลอดเวลาถ้าถูกประเมินและวิจารณ์พฤติกรรมและผลงานอยู่ตลอดเวลา
โดยสรุปนักเรียนจะมีปฏิกิริยาต่อครูประเภทนี้สองแบบ คือ แบบแรกจะระวังตัวไม่เสี่ยงทำอะไรที่คิดว่าอาจจะผิด และจะไม่กล้าทำอะไรเลย อีกแบบจะแกล้งแสดงกิริยาต่าง ๆ เพื่อทดสอบครูและยั่วให้ครูโกรธ ครูที่ดุ วิจารณ์ ประเมินนักเรียนอยู่ตลอดเวลา และไม่ยอมรับพฤติกรรมของนักเรียนนั้น ทำให้กิจกรรมการเรียนไม่บังเกิดขึ้นเท่าที่ควร เวลาที่ควรจะเป็นการเรียนก็ต้องเสียไปเพราะนักเรียนมีพฤติกรรมที่ไม่เป็นอันพึงประสงค์ไม่มีความเห็น