.
สำนักข่าว Dailymail ตีพิมพ์เรื่อง Forget tennis elbow, we're suffering from 'office knee'
= "ลืมเรื่องเจ็บข้อศอกเทนนิส, เรากำลัง (เป็นโรค) เจ็บเข่าออฟฟิซ
(สำนักงาน)" = "โรคเจ็บข้อศอกเทนนิสขาลง, ปวดเข่าสำนักงานขาขึ้น",
ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ
.
.
ภาพ: คน ทำงานออฟฟิซ (สำนักงาน) สหรัฐฯ ปี 1937/2480; ประสบการณ์ทั่วโลกพบว่า ประเทศที่มีงานภาคอุตสาหกรรม เช่น โรงงาน ฯลฯ มากขึ้น จะมีสัดส่วนเกษตรกรที่ทำงานเต็มเวลาลดลงไปเรื่อยๆ [ wiki ]
นักเทนนิ
สใช้กล้ามเนื้อแขนท่อนล่างมาก
ทำให้ปุ่มกระดูกที่กล้ามเนื้อแขนท่อนล่างยึดเกาะใกล้ข้อศอกบางส่วนเกิดการ
ฉีกขาด บาดเจ็บ กลายเป็นโรคเจ็บข้อศอกเรื้อรัง เรียกว่า
"โรคข้อศอกนักเทนนิส (tennis elbow)"
.
คนที่ทำงานใช้มือกำของ บิดไปบิดมาแรงๆ เช่น ช่างไม้ คนที่ยกของขึ้นๆ ลงๆ บ่อยก็เป็นโรค "เจ็บข้อศอกนักเทนนิส" ได้
.
การศึกษาใหม่ ทำในกลุ่มตัวอย่างอายุ 16-65 ปี 1,600 คน ติดตามไป 2 ปี
.
ผลการศึกษาพบว่า คนทำงานชาวอังกฤษ (UK) มากกว่า 1/4 ป่วยเป็นโรคเจ็บข้อเข่าสำนักงาน
.
.
ผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐานว่า ปัจจัยที่ทำให้คนทำงานออฟฟิซ หรือสำนักงานเจ็บเข่าบ่อยได้แก่
.
(1). น้ำหนักเกินหรืออ้วน > ทำให้แรงกดต่อข้อเข่าเพิ่มขึ้นเรื้อรัง
.
กระดูกอ่อนในข้อของคนเราไม่มี เลือดไปเลี้ยงโดยตรง อาศัยการซึมซาบน้ำไขข้อเข่า-ออกตามแรงกด คล้ายกับฟองน้ำล้างจานที่คลายน้ำเก่าออกตอนโดนบีบ และซึมซับน้ำใหม่เข้าไปตอนคลายตัวหรือลดแรงบีบ
.
แรงกดต่อกระดูกอ่อนในข้อที่สลับ กับช่วงคลาย เช่น เวลาเดิน ฯลฯ ทำให้ข้อเข่าขับของเสียออก รับน้ำเลี้ยงใหม่ ออกซิเจนใหม่ สารอาหารใหม่ ฮอร์โมนใหม่เข้าไป ทำให้แข็งแรงขึ้น
.
แรงกดต่อกระดูกอ่อนในข้อที่ยืด เยื้อยาวนาน เช่น น้ำหนักเกินหรืออ้วนแล้วนั่งนานๆ ยืนนานๆ ฯลฯ ทำให้กระดูกอ่อนขาด "น้ำเลี้ยง" ใหม่ (ฟังดูคล้ายการเมืองไทยเข้าไปทุกที) และเสื่อมเร็วขึ้น
.
(2). นั่งนานเกิน 1-1.5 ชั่วโมง/ครั้ง > ทำให้ข้อเข่าขาดออกซิเจน น้ำ สารอาหาร และฮอร์โมน
.
แถมการนั่งนานยังเพิ่มเสี่ยง น้ำหนักเกิน-อ้วน, ไขมันในเลือด (โคเลสเตอรอล) สูง, น้ำตาลในเลือดสูง, เลือดไหลเวียนช้าลง... ทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้ข้อเสื่อมเร็วขึ้น
.
(3). กล้ามเนื้อพยุงหัวเข่าอ่อนแอ
.
ความแข็งแรงของข้อเข่าขึ้นกับความ แข็งแรงของกล้ามเนื้อด้านหน้าขาท่อนบน (quadriceps), กล้ามเนื้อนี้จะช่วยทำให้หัวเข่าเคลื่อนที่ในแนวหน้า-หลัง คล้ายบานพับหน้าต่าง-ประตู ไม่กลิ้งหรือโคลงไปทางด้านข้าง
.
ถ้ากล้ามเนื้อหน้าขาท่อนบนอ่อนแอ จะทำให้ข้อเข่าหลวม กลิ้งหรือโคลงเคลงไปทางด้านข้างมากขึ้น กระดูกอ่อนข้อเข่าบาดเจ็บ สึกหรอมากขึ้น ปวดเข่ามากขึ้น
.
.
อาจารย์นักกายภาพบำบัดท่านหนึ่งแนะนำว่า คนเราไม่ควรนั่งนานเกิน 1-1.5 ชั่วโมง/ครั้ง เพราะจะทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังรับแรงกดต่อเนื่องนาน โดยไม่มีช่วงพัก
.
การฝึกลุกขึ้นยืน ทุกๆ 1-1.5 ชั่วโมง มีส่วนช่วยลดแรงกดต่อหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนเอว (แรงกดในท่านั่งสูงกว่าท่ายืน-เดิน-นอน) ช่วยป้องกันอาการปวดหลัง
.
ถ้ายืนขึ้น ด้วย แอ่นหลังเล็กน้อยให้นานหน่อย คือ 30-40 วินาที จะช่วยลดแรงกดต่อหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนหลัง ป้องกันหมอนกระดูกสันหลังโป่งหรือแตกไปทางด้านหลังได้ดี
.
การเดินสะสมเวลาให้ได้ 40 นาที/วัน ขึ้นไป, ขึ้นลงบันไดตามโอกาส สะสมเวลาให้ได้ 4 นาที/วัน, นั่งเก้าอี้ แล้วลุกขึ้นยืนสลับท่านั่ง จะทำให้กล้ามเนื้อหน้าขาท่อนบนแข็งแรง
.
.
ทั้งหมดนี้มีส่วนช่วยลดเสี่ยงโรค "ปวดเข่าออฟฟิซ" หรือ "ปวดเข่าจากการนั่งนาน" ได้
.
กล่าวกันว่า การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าช่วยลดอาการปวดเข่าได้ดี ทว่า... แพงมาก
.
แถมข้อเทียมส่วนใหญ่มีอายุการใช้งานสั้น คือ 10-14 ปี จึงไม่เหมาะกับคนที่คาดว่า น่าจะมีอายุเหลืออยู่นานเกิน 10-14 ปี
.
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
.
ไม่มีความเห็น