เครื่องดื่มชามีมานานกว่า
4,700 ปี นอกจากดื่มแก้กระหาย แก้ง่วง ยังช่วยต้านโรคที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
เราจะดื่มอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ มีคำแนะนำ
1. ชาร้อน ๆ จะทำให้สารที่เป็นประโยชน์
คือ "คาเทคชินส์" ถูกความร้อนทำลายไปเกือบหมด คงเหลือแต่ความหอมและรสชาติ
ถ้าต้องการให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพและยังนิยมชาร้อน ๆ ควรดื่มน้ำชาที่เข้มข้น
2. ชาเขียว หรือสารสกัดจาก ใบชาสด
หากนำมาเตรียมเป็นเครื่องดื่มแช่เย็น ความเย็นจะช่วยรักษาคุณค่าของสารสำคัญในใบชาไว้ได้ดี
แต่หากผ่านการทำให้ร้อนปริมาณสำคัญในน้ำชาก็จะถูกทำลายเช่นกัน
3. ชาร้อนหรือชาเย็น ไม่ควรแต่งรสด้วยนมทุกชนิด
เพราะโปรตีนในนมจะไปจับกับสารสำคัญในชาและทำลายประสิทธิภาพของสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
4. ผู้รับประทานวิตามินเสริม เช่น
ธาตุเหล็ก เกลือแร่ หรือยาที่คล้ายคลึงกันควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำชาร่วมไปด้วย เพราะสารสำคัญจากใบชาจะไปตกตะกอนธาตุเหล็กหรือเกลือแร่ไม่ให้ถูกดูดซึมเข้า
สู่ร่างกาย
5. โทษของการดื่มชา ต่อร่างกายก็มีเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารสำคัญคือ
"แทนนิน" จะไปตกตะกอนโปรตีนและแร่ธาตุต่าง ๆ จากอาหารที่รับประทาน
ทำให้ลดการดูดซึมของสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย จึงมีคำแนะนำไม่ให้เด็กดื่มน้ำชาไม่ว่าจะเป็นชาเขียวแช่เย็นหรือชาร้อนเพราะ
จะทำให้ขาดสารอาหาร
6. ใบชา ยังมีองค์ประกอบที่ให้ โทษต่อร่างกายที่ยังไม่ค่อยมีคนกล่าวถึง
คือ มีฟลูออไรด์ในปริมาณค่อนข้างสูง ทำให้เกิดการสะสมมีผลให้ไตวาย เกิดมะเร็งลำไส้
โรคกระดูกพรุน โรคข้อ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับกระดูก แต่ถ้าดื่มไม่มากก็ไม่ต้องกังวล
7. ใบชามีสารที่ชื่อว่า "ออกซาเลท" แม้จะมีอยู่น้อย แต่หากดื่มชามาก ๆ และดื่มบ่อย ๆ เป็นประจำ
สารนี้จะสะสมในร่างกาย เป็นอันตรายต่อไต
8. ใบชามีสารกาเฟอีนสูง อาจสูงกว่ากาแฟด้วยซ้ำเพียงแต่การดื่มน้ำชาสารแทนนินจากชาจะป้องกันหรือลด การดูดซึมของกาเฟอีนเข้าสู่ร่างกายทำให้ฤทธิ์การกระตุ้นหัวใจและสมองน้อย กว่ากาแฟมาก
ดื่มชาในบางโอกาสค่ะ